11 ธันวาคม, 2013 - 19:06 | โดย pravit
ถึงผู้ชุมนุมผู้มีอันจะกินชาวกรุงเทพฯ
วันก่อนพวกคุณได้ร่วมการถกเถียงเรื่องที่ว่าม็อบวันจันทร์ที่ 9 ธันวา ที่ผ่านมามีคนมาร่วมชุมนุมถึงห้าล้านอย่างที่ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ สุเทพอ้างหรือเพียงแค่แสนห้ากันแน่หรือไม่ -ผมอดนึกมิได้ว่าการถกเถียงอย่างดุเดือดเรื่องนี้ในโซเชียลมีเดียโยงกับความรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องความชอบธรรมและข้อสงสัยที่ว่าพวกคุณเป็นคนส่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ในสังคมกันแน่
ท่านสุเทพทำผมตาค้างแทบตกเก้าอี้เมื่อผมได้ยินท่านผู้นำสูงสุดของพวกคุณประกาศตอนบ่ายแก่ๆวันจันทร์ว่าอีกไม่นานท่านจะขึ้นมาแถลงบนเวทีหน้าทำเนียบฯในนามของมวลมหาประชาชนไทยทุกคน เอ่อ…คือ… คือผมจำไม่ได้จริงๆว่าผมเคยยินยอมให้ท่านสุเทพหรือผู้นำของพวกคุณเอาหนึ่งเสียงของผมไปอ้างตั้งแต่เมื่อไหร่ และผมก็มั่นใจว่าลึกๆพวกคุณก็คงทราบดีว่าคนไทยอีกหลายสิบล้านก็มิเคยได้มอบอำนาจให้แก่ท่านสุเทพเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมบนท้องถนนในวันนั้นจะมากถึงห้าล้านหรือแค่แสนห้า ความจริงก็คือว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถอ้างว่าตนพูดในนามของประชาชนทั้งประเทศได้ ผมอยากย้ำเตือนชนชั้นกลางและชนชั้นสูงชาวกรุงเทพฯผู้มีอันจะกินอย่างพวกคุณทุกคนที่ได้ออกไปใช้สิทธิทางการเมืองโดยการชุมนุมประท้วงมา ณ.ที่นี้ด้วยว่าพวกคุณมิใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม และเมืองไทยก็มิใช่สมบัติของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในกรุงเทพฯเท่านั้น กรุงเทพฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเทศไทย และประเทศเป็นของคนไทยทุกคนร่วมกัน
ผมทราบดีว่าพวกคุณคงรู้สึกอกหักซ้ำใจ เพราะพรรคการเมืองที่ประกอบไปด้วยนักการเมือง ‘ดีๆ’ ผู้ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศมาอย่างมาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจาก Oxford Cambridge หรือ Ivy League กลับพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างซ้ำซาก แล้วพวกคุณก็ต้องทนกับนายกรัฐมนตรีที่พูดภาษาอังกฤษห่วยแตก แถมออกเสียงคำภาษาไทยบางคำก็ยังผิด แถมยังต้องมาทนกับพี่ชายแสนดีของเธอที่พยามยามบริหารราชการแผ่นดินผ่านโทรศัพท์มือถือไม่รู้กี่เครื่องที่แกมี
ผมทราบดีว่าพวกคุณรู้สึกว่าทักษิณยิ่งลักษณ์นั้นชั่ว กร่าง โกง กิน ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ -ในบางแง่ผมก็เห็นด้วย ก็ดูการผลักดันร่างนิรโทษกรรมเหมาเข่งตอนตีสี่ที่ทักษิณได้ประโยชน์สิ มันหน้าด้านมาก แม้ญาติคนเสียชีวิตปี 53 อย่างแม่น้องเกดหรือคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่แคร์
ผมทราบดีเช่นกันว่าพวกคุณชินกับการชี้นิ้วสั่งลูกน้องสั่งคนขับรถ สั่งเด็กเสริฟ์ ออเดอร์สาวอาบอบนวดและชนชั้นแรงงานให้ทำโน่นนี่ตามใจชอบ พวกคุณจึงรู้สึกรับไม่ได้ที่บรรดาผู้ที่มีการศึกษาต่ำและคนจนเหล่านนั้นดันกลับมีบทบาทชี้ชะตาสังคมผ่านการเลือกตั้ง ผมเคยได้ยินบางคนในกลุ่มพวกคุณพูดแม้กระทั่งว่า เมืองไทยน่าจะมอบสิทธิเลือกตั้งเฉพาะคนที่จบปริญญาตรีหรือจ่ายภาษีรายได้ทางตรงเท่านั้น บรรดา ‘ควายแดง’ คนชนบทที่ด้อยการศึกษามิควรมีโอกาสกำหนดทิศทางการเมืองสังคมไทย เพราะคนพวกนี้โง่ จน และถูก ‘ไอ้เหลี่ยม’ หลอกซ้ำซากไม่รู้จักจบ แต่เวลาผมได้ยินเช่นนี้ ผมกลับอดนึกถึงระบอบเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้สมัยหลายสิบปีก่อนมิได้
นี่มิใช่หนทางรอดหรือทางออกของสังคมไทยสำหรับพวกเรา ผมใช้คำว่า ‘พวกเรา’ เพราะผมก็เป็นคนกรุงเทพฯและกำพืดก็มิได้ต่างจากพวกคุณที่มักทา sunblock ก่อนออกไปตากแดดชุมนุมหรือชอบหลบไปนั่งร้านกาแฟเย็นๆติดแอร์มีลาเต้รสดีให้ดื่มเอาแรงระหว่างรอออกไปเดินขับไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ต่อ ความจริงคือว่า สังคมไทยคงเดินต่อไปลำบากยิ่งหากเรายังดันทุรังกดหัวคนส่วนใหญ่ในสังคมมิให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมเรา -มันเหมือนรถสิบล้อที่เคลื่อนที่โดยอาศัยล้อเพียงล้อเดียว
เราควรพยายามสื่อสารกับคนอื่นที่เห็นต่างจากเรามากกว่านี้ หันไปมองมนุษย์เป็นมนุษย์เช่นเดียวกันไม่ว่าการศึกษาในระบบเขาจะน้อยเพียงไร เราควรจะพยายามพูดจากันอย่างสันติด้วยเหตุผล แทนที่จะตะโกนด่าว่ากันด้วยคำหยาบสารพัดอย่างไร้สติและเกลียดชังจนไม่มีใครฟังใคร หรือเกลียดกันจนไม่รู้สึกอะไรเวลาผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
สังคมต้องการพื้นที่ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงโต้เถียงกันด้วยเหตุผลอย่างสันติและขันติ ระบอบประชาธิปไตยไทยยังเยาว์และเปราะบางบางนัก แต่ผมหวังว่าทั้งประชาธิปไตยและประชาชนทั้งสังคมจะมีโอกาสได้เดินหน้าเติบโตไปพร้อมกัน และนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถปล่อยให้คนไม่กี่คนแอบอ้างเสียงคนทั้งชาติและกำหนดชะตาสังคมอย่างเผด็จการได้ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามลากรถถังออกมาอีก และกรุณาอย่าเข้าใจผิดคิดว่าม็อบคน ‘ห้าล้าน’ มีสิทธิตัดสินใจแทนคนทั้งแผ่นดิน
เราทุกคนคงจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองอย่างสันติและสร้างสรรค์ เคารพเสียงทุกเสียง ยอมรับเสียงส่วนใหญ่และเคารพรับฟังเสียงส่วนน้อย
ผมได้ยินเสียงพวกคุณชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป่านกหวีดบ่อยๆจนแก้วหูพัง ทีนี้ช่วยกรุณาไปบอกท่านสุเทพด้วยว่า ท่านควรเลิกอ้างเสียงมวลมหาประชาชนคนทั้งประเทศได้แล้ว
ด้วยความจริงใจ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
นสพ. The Nation
11 ธันวาคม 2556
http://blogazine.in.th/blogs/pravit/post/4492
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอชื่นชมความเห็นของคุณประวิตรค่ะ ที่มองทุกอย่างตามความเป็นจริงค่ะ
zzz ประวิตร โรจนพฤกษ์: จดหมายถึงผู้ชุมนุมผู้มีอันจะกินชาวกรุงเทพฯ zzz
ถึงผู้ชุมนุมผู้มีอันจะกินชาวกรุงเทพฯ
วันก่อนพวกคุณได้ร่วมการถกเถียงเรื่องที่ว่าม็อบวันจันทร์ที่ 9 ธันวา ที่ผ่านมามีคนมาร่วมชุมนุมถึงห้าล้านอย่างที่ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ สุเทพอ้างหรือเพียงแค่แสนห้ากันแน่หรือไม่ -ผมอดนึกมิได้ว่าการถกเถียงอย่างดุเดือดเรื่องนี้ในโซเชียลมีเดียโยงกับความรู้สึกไม่มั่นคงเรื่องความชอบธรรมและข้อสงสัยที่ว่าพวกคุณเป็นคนส่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ในสังคมกันแน่
ท่านสุเทพทำผมตาค้างแทบตกเก้าอี้เมื่อผมได้ยินท่านผู้นำสูงสุดของพวกคุณประกาศตอนบ่ายแก่ๆวันจันทร์ว่าอีกไม่นานท่านจะขึ้นมาแถลงบนเวทีหน้าทำเนียบฯในนามของมวลมหาประชาชนไทยทุกคน เอ่อ…คือ… คือผมจำไม่ได้จริงๆว่าผมเคยยินยอมให้ท่านสุเทพหรือผู้นำของพวกคุณเอาหนึ่งเสียงของผมไปอ้างตั้งแต่เมื่อไหร่ และผมก็มั่นใจว่าลึกๆพวกคุณก็คงทราบดีว่าคนไทยอีกหลายสิบล้านก็มิเคยได้มอบอำนาจให้แก่ท่านสุเทพเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมบนท้องถนนในวันนั้นจะมากถึงห้าล้านหรือแค่แสนห้า ความจริงก็คือว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถอ้างว่าตนพูดในนามของประชาชนทั้งประเทศได้ ผมอยากย้ำเตือนชนชั้นกลางและชนชั้นสูงชาวกรุงเทพฯผู้มีอันจะกินอย่างพวกคุณทุกคนที่ได้ออกไปใช้สิทธิทางการเมืองโดยการชุมนุมประท้วงมา ณ.ที่นี้ด้วยว่าพวกคุณมิใช่คนส่วนใหญ่ของสังคม และเมืองไทยก็มิใช่สมบัติของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงในกรุงเทพฯเท่านั้น กรุงเทพฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเทศไทย และประเทศเป็นของคนไทยทุกคนร่วมกัน
ผมทราบดีว่าพวกคุณคงรู้สึกอกหักซ้ำใจ เพราะพรรคการเมืองที่ประกอบไปด้วยนักการเมือง ‘ดีๆ’ ผู้ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศมาอย่างมาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจาก Oxford Cambridge หรือ Ivy League กลับพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างซ้ำซาก แล้วพวกคุณก็ต้องทนกับนายกรัฐมนตรีที่พูดภาษาอังกฤษห่วยแตก แถมออกเสียงคำภาษาไทยบางคำก็ยังผิด แถมยังต้องมาทนกับพี่ชายแสนดีของเธอที่พยามยามบริหารราชการแผ่นดินผ่านโทรศัพท์มือถือไม่รู้กี่เครื่องที่แกมี
ผมทราบดีว่าพวกคุณรู้สึกว่าทักษิณยิ่งลักษณ์นั้นชั่ว กร่าง โกง กิน ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ -ในบางแง่ผมก็เห็นด้วย ก็ดูการผลักดันร่างนิรโทษกรรมเหมาเข่งตอนตีสี่ที่ทักษิณได้ประโยชน์สิ มันหน้าด้านมาก แม้ญาติคนเสียชีวิตปี 53 อย่างแม่น้องเกดหรือคนเสื้อแดงที่ไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่แคร์
ผมทราบดีเช่นกันว่าพวกคุณชินกับการชี้นิ้วสั่งลูกน้องสั่งคนขับรถ สั่งเด็กเสริฟ์ ออเดอร์สาวอาบอบนวดและชนชั้นแรงงานให้ทำโน่นนี่ตามใจชอบ พวกคุณจึงรู้สึกรับไม่ได้ที่บรรดาผู้ที่มีการศึกษาต่ำและคนจนเหล่านนั้นดันกลับมีบทบาทชี้ชะตาสังคมผ่านการเลือกตั้ง ผมเคยได้ยินบางคนในกลุ่มพวกคุณพูดแม้กระทั่งว่า เมืองไทยน่าจะมอบสิทธิเลือกตั้งเฉพาะคนที่จบปริญญาตรีหรือจ่ายภาษีรายได้ทางตรงเท่านั้น บรรดา ‘ควายแดง’ คนชนบทที่ด้อยการศึกษามิควรมีโอกาสกำหนดทิศทางการเมืองสังคมไทย เพราะคนพวกนี้โง่ จน และถูก ‘ไอ้เหลี่ยม’ หลอกซ้ำซากไม่รู้จักจบ แต่เวลาผมได้ยินเช่นนี้ ผมกลับอดนึกถึงระบอบเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้สมัยหลายสิบปีก่อนมิได้
นี่มิใช่หนทางรอดหรือทางออกของสังคมไทยสำหรับพวกเรา ผมใช้คำว่า ‘พวกเรา’ เพราะผมก็เป็นคนกรุงเทพฯและกำพืดก็มิได้ต่างจากพวกคุณที่มักทา sunblock ก่อนออกไปตากแดดชุมนุมหรือชอบหลบไปนั่งร้านกาแฟเย็นๆติดแอร์มีลาเต้รสดีให้ดื่มเอาแรงระหว่างรอออกไปเดินขับไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ต่อ ความจริงคือว่า สังคมไทยคงเดินต่อไปลำบากยิ่งหากเรายังดันทุรังกดหัวคนส่วนใหญ่ในสังคมมิให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมเรา -มันเหมือนรถสิบล้อที่เคลื่อนที่โดยอาศัยล้อเพียงล้อเดียว
เราควรพยายามสื่อสารกับคนอื่นที่เห็นต่างจากเรามากกว่านี้ หันไปมองมนุษย์เป็นมนุษย์เช่นเดียวกันไม่ว่าการศึกษาในระบบเขาจะน้อยเพียงไร เราควรจะพยายามพูดจากันอย่างสันติด้วยเหตุผล แทนที่จะตะโกนด่าว่ากันด้วยคำหยาบสารพัดอย่างไร้สติและเกลียดชังจนไม่มีใครฟังใคร หรือเกลียดกันจนไม่รู้สึกอะไรเวลาผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
สังคมต้องการพื้นที่ให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงโต้เถียงกันด้วยเหตุผลอย่างสันติและขันติ ระบอบประชาธิปไตยไทยยังเยาว์และเปราะบางบางนัก แต่ผมหวังว่าทั้งประชาธิปไตยและประชาชนทั้งสังคมจะมีโอกาสได้เดินหน้าเติบโตไปพร้อมกัน และนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถปล่อยให้คนไม่กี่คนแอบอ้างเสียงคนทั้งชาติและกำหนดชะตาสังคมอย่างเผด็จการได้ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามลากรถถังออกมาอีก และกรุณาอย่าเข้าใจผิดคิดว่าม็อบคน ‘ห้าล้าน’ มีสิทธิตัดสินใจแทนคนทั้งแผ่นดิน
เราทุกคนคงจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองอย่างสันติและสร้างสรรค์ เคารพเสียงทุกเสียง ยอมรับเสียงส่วนใหญ่และเคารพรับฟังเสียงส่วนน้อย
ผมได้ยินเสียงพวกคุณชัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป่านกหวีดบ่อยๆจนแก้วหูพัง ทีนี้ช่วยกรุณาไปบอกท่านสุเทพด้วยว่า ท่านควรเลิกอ้างเสียงมวลมหาประชาชนคนทั้งประเทศได้แล้ว
ด้วยความจริงใจ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
นสพ. The Nation
11 ธันวาคม 2556
http://blogazine.in.th/blogs/pravit/post/4492
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอชื่นชมความเห็นของคุณประวิตรค่ะ ที่มองทุกอย่างตามความเป็นจริงค่ะ