การเมือง การแบ่งแยก การแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ทำให้ทัศนคติ ความเชื่อ และสติสัมปชัญญะ ของคนไทยเปลี่ยนไป

เป็นกระทู้แรกเลยมั้ง ที่ได้ตั้งในพันทิพ(จำไม่ได้ว่าเคยตั้งไว้ก่อนหรือปล่าว ปกติเข้ามาอ่านพันทิพในหัวข้อเฉลิมไทย ดูสปอยหนังฮอลลีวู้ด กับเนื้อเรื่องการ์ตูนเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาตั้งกระทู้ในราชดำเนิน ซึ่งไม่เคยคิดจะเข้ามาเลยสักครั้ง เพราะไม่ได้มีความรู้สึกสนใจเรื่องการเมืองมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

แต่ทุกวันนี้เชื่อว่าหลายๆคน คงไม่มีใครที่ไม่ได้รับรู้ข่าวสารทางการเมืองที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเวลาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ฟังข่าวทางวิทยุ โทรทัศน์ ที่ทำงานทั้งรร้านขายข้าวราดแกง ขายก๊วยเตี๋ยว หรือในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่มีกระแสข่าวอัพเดตถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

ยิ่งนานวันเข้ากระแสต่างๆ ก้อชักนำให้คนไทยแบ่งฝ่าย แบ่งพวกกันอย่างชัดเจน เช่น เหตุการณ์ พรบ.อโหสิกรรม เอ้น นิรโทษกรรมสุดซอย ที่ถูกต่อต้านอย่างหนักจนต้องพังครืนลงไป โดยฝ่ายที่ต่อต้าน ภายหลังรวมตัวกันเป็นมวลมหาประชาชน (เค้าว่ามาอย่างนั้น) ระบอบทักษิณที่รัฐบาลเป็นหุ่นเชิดในขนาดนี้หรือกลุ่ม กปปส. (ชื่อเต็มจำไม่ได้น่ะครับ -_- ) และฝ่ายที่รวมตัวต่อต้านการต่อต้านระบอบทักษิณอีกที (พูดง่ายๆ เป็นฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณนั้นแหล่ะ -_- ) หรือถ้าจาเรียกชื่อเดิมๆที่คุ้นหูนั้นก้อคือ กลุ่มเสื้อแดง นปช. (ชื่อเต็มจำไม่ได้เหมือนกัน 555) ที่เคยออกมาเฮ้วๆ เมื่อปี 53 และยังมีกลุ่มใหม่ ที่ถูกเรียกครั้งแรกในเหตุการณ์ประท้วงการเมืองครั้งใหญ่สุด มีชื่อกิ๊บเก๋ว่า "ไทยเฉย" ซึ่งบุคคลในกลุ่มนี้ จะเป็นพวกที่ไม่เข้ากับกลุ่มและสนับสนุนกลุ่มใดๆ ทำตัวเป็นกลาง แต่หลายๆฝ่ายกลับมองว่า เป็นพวกแอ็บแดง หรือกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่ยอมรับว่าเ้ป็นเสื้อแดง และบางทียังถูกตราหน้าว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่เสียสละเพื่อชาติ (ว่าไปนั้น)

ถ้าพูดกันตามตรง ผมคงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สาม เพราะตอนชุมนุมปี53 ก้อไม่เคยเข้าร่วม ชุมนุมปัจจุบัน ก้อไม่เคยคิดอยากไป และรู้สึกเฉยๆกับการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมในปัจจุบัน เว้นแต่เรื่องที่มีคนตาย ณ ม.รามคำแหง เพราะวันเกิดเหตุ ช่วงเที่ยงผมพาแฟนไปเช่าชุดครุย และได้เห็นกลุ่ม นศ.ม.ราม เดินถนนประท้วง ก่อนจะเกิดการเผชิญหน้ากันช่วงเย็น แต่ผมกลับมาก่อนตั้งแต่ช่วงบ่าย2 (ผมกับแฟนเป็น นศ.ม.รามเช่นกัน)

ไม่รู้ว่าหลายๆคน เห็นถึงความแตกต่าง และการแสดงอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างของเพื่อนตัวเองในเฟสบุ๊คหรือปล่าว ของผมมีทั้งเพื่อน ที่เรียน มัธยมที่เดียวกัน ห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 แต่มาทะเลาะกันเมื่อล่าสุด เพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง และรุนแรงจนถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กันไปเลยทีเดียว -_- หรือแม้กระทั่งเพจดราม่าชื่อดังของจ่าพิชิต ก้อมีการเสนอมุมมองทางการเมืองที่โดนคอมเม้นท์ที่มีความแตกต่างทางการเมืองด่าทอกันไปมาเช่นกัน

แต่ครั้งนี้ผมขอนำเสนอเรื่องราวหนึ่งที่เพิ่งเจอในเฟสบุ๊คของผม โดยบุคคลที่ผมยกขึ้นมาเป็นเพื่อนในเฟส แต่ไม่รู้จักหรือเจอตัวกันจริงๆ (หรือเป็นเพื่อนสมัยเรียน แต่ผมจำไม่ได้ก้อไม่รู้ แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่ -_-)

จากภาพคงไม่ต้องบรรยายให้มากความ แต่มันทำให้ผมคิดได้ว่าบางทีคนเราอาจจะโดนครอบงำทางความคิดจากสื่อหรือจากผู้ไม่ประสงค์ดี ที่หวังโจมตีอีกฝ่ายโดยไม่เลือกวิธีการ

แต่ทันใดนั้น ก้อมีคนมาช่วยอธิบายที่มาของภาพ ซึ่งคงช่วยคลายความกระจ่างของฝ่ายที่เลือกรับสื่อโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ก่อนที่จะตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี

แต่พอมาเจอภาพนี้อีก ซึ่งเป็นภาพเก่า ที่ผมเคยเจอเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองยังไม่รุนแรงเท่านี้

พอเจอรูปต่อมาก้อถึงบางอ้อเลยครับ


ที่นี้พอได้ลองมาอ่านคอมเม้นท์ของเจ้าของคนนี้อีกครั้ง ก้อยิ่งเข้าใจได้เลยว่า อุดมการณ์ทางการเมืองแน่วแน่ขนาดไหน -_-


แต่อย่างน้อย เพื่อนของบุคคลนี้ ก้อมีอารมณ์ขัน นำรูปมาเพื่อคลายสถานการณ์ความตึงเครียดลงไปได้ 555


แต่มีเพื่อนของบุคคลนี้ ที่มีเจตนารมณ์แน่วแน่เช่นกัน มาแสดงความเห็นแย้งกับคนที่หาภาพมาแย้งความคิดเจ้าของภาพ แต่คุณพี่ที่มาอธิบายก้อเหมือนยั่วยวนกวนประสาทคนที่เข้าใจผิดไม่มากก้อน้อยอยู่เช่นกัน -_-

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=262286830585512&set=a.100433683437495.740.100004125900706&type=1&relevant_count=1
อันนี้ รูปต้นเรื่อง โพสตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2012

โดยสรุปผมมองเห็นว่า บางคนเลือกรับสื่อที่ตรงกับอุดมการณ์หรือทัศนคติต่อตัวเองเท่านั้น แต่ไม่เปิดใจมองข้ามหรือใช้สติไตร่ตรองใคร่ครวญให้ดีพอว่า สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงนั้นตรงกันหรือไม่ อีกทั้งยังตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี ที่คิดคอยกลั่นแกล้งหรือดจมตีให้อีกฝ่ายเสียหายอยู่เสมอ

สุดท้าย ผมอยากจะบอกว่า คนไทย ถ้าไม่คิดถึงเรื่องผลประโยชน์ หรือคิดแต่มุ่งร้ายฝั่งตรงข้ามไม่จบไม่สิ้น ประเทศไทยก้อคงจะไม่พัฒนาและสร้างหลักฐานเป็นประเทศที่จะไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ดูอย่าง ญี่ปุ่นประเทศผู้แพ้สงคราม ลาวประเทศที่เคยเสียเอกราชให้ฝรั่งเศส ถึงแม้เราจะเคยทะนงตัวว่า เป็นประเทศชนะสงคราม เป็นประเทศที่ไม่เคยสูญเสียเอกราชให้กับชาติใด เป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ยาวนานที่สุด เป็นประชาธิปไตยประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กระนั้นแล้ว คนไทยด้วยกันเอง กลับสู้รบกันไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งปัญหาภาคใต้ที่ยังไม่สงบ ปัญหาชายแดนที่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน ยังนำพาการสู้รบเข้ามาถึงตัวพระนคร ต่อต้านประท้วงจนเป็นผลลบต่อภาพรวมประเทศ และความลำบากต่อคนกรุงคนไทยด้วยกันเอง แล้วเมื่อไหร่ที่กลับมารัก กลับมาสามัคคี และพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นประเทศที่มีแต่รอยยิ้มจนถูกยกย่องว่า "สยามเมืองยิ้ม"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่