เราเป็นคนอุบลฯ ค่ะ แต่ไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ต้นปี 55 มีโอกาสได้กลับไปทำงานที่บ้านเกิด ก็อยู่ดีมีความสุขค่ะ (ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่อุบลฯ แล้วนะคะ)
เหตุเกิด กลางเดือน ก.ย. 56 ที่ผ่านมาค่ะ ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลฯ ไปกัน 4 คน กับพี่และเพื่อนที่ทำงาน กับแฟนเพื่อน
เราทำงานด้านป่าไม้ แต่วันนั้นไปเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวธรรมดา
กลุ่มเราลงไปน้ำตกห้วยหลวง ซึ่งก่อนจะลงจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่ชาย 3-4 คน คอยให้คำแนะนำกับให้บริการต่างๆ
ขาลงก็ปกติค่ะ พอขาขึ้น เรากับพี่ผู้หญิงอีกคนขึ้นมาก่อนเพราะหิว จะมาหาของกินที่ร้านค้าข้างบน เพื่อนเรากับแฟนยังถ่ายรูปต่อข้างล่าง
เดินมาใกล้ถึงจุดบริการ เดินสวนคน 2 คน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เราก็มองดูตามปกติ ในใจก็คิดว่า เค้าหิ้วของกินมาเยอะจัง
ทีนี้เดินขึ้นไปอีก เห็นผู้ชายคนนึงยืนคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ ยืนติดกันมาก เราคิดว่าสงสัยเค้ารู้จักกันล่ะมั้ง ท่าทางคุยไม่หยุดปาก
แต่พอเดินมาถึงใกล้ๆ อ้าว ผู้ชายคนนี้ยืนทะเลาะกับ จนท. อยู่ พูดเสียงดังโวยวายมากค่ะ ชาวบ้านที่นั่งตรงจุดนั้นนั่งมองกันตาปริบๆ
เราหยุดดูพักนึง ผู้ชายคนนั้นดูสูงๆ อายุคงซัก 25 - 30 ใส่กางเกงขาสั้นแค่เข่า เสื้อยืดสีเขียวสรีนลายอะไรซักอย่าง รองเท้าแตะคีบ เอาแว่นดำคาดหัว เห็นแว้บแรกก็หน้าตาใช้ได้ แต่พอเห็นกิริยาท่าทางละ ความใช้ได้ไม่เหลือแม้แต่นิด เท่าที่จับใจความได้ นายเสื้อเขียวโวยวายวนไปวนมาอยู่ 2 - 3 เรื่อง
- อย่ามาถ่ายรูปผม สิทธิส่วนบุคคลรู้จักมั้ย มีสิทธิ์อะไรมาถ่ายรูปผม (จนท.คนนึง พยายามยกมือถือมาถ่ายรูปนายเสื้อเขียว)
- เป็นเจ้าหน้าที่ทำไมแต่งตัวแบบนี้ เป็น จนท. จริงรึป่าว เขียนชื่อมาให้ผมเลย อยู่เวรรอบนี้จริงมั้ย (จนท. 1 ใน 4 คน ใส่กางเกงขายาวพับขารองเท้าแตะ)
- อยากมีเรื่องเหรอ พูดแบบตะคอก เหมือนตอนเค้าพูดจะดึงเสื้อ จนท. ด้วย จนท.ก็ตอบว่า ผมไม่กล้ามีเรื่องหรอกครับ จนท.ดูควบคุมตัวเองได้ดี แต่ก็พอดูออกว่าไม่พอใจที่โดนด่า แต่ก็คงอยากให้เรื่องมันจบๆ ถ้ามีเรื่อง จนท. เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
พอยืนฟังอยู่ซักพัก พี่ที่มากับเราบอกว่า ป่ะ ไปเถอะ ชวนไปเข้าห้องน้ำ เราก็เดินไป ได้ซัก 10 ม. เสียงโวยวายดังไม่หยุด เริ่มมีว่าถึงกรมว่ากรมป่าไม้แต่งตัวแบบนี้เหรอ (จริง ๆ แล้ว อุทยานแห่งชาติเป็นหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นะคะ แต่เค้าคงไม่รู้) เราเลยเดินกลับไปตรงที่เค้าทะเลาะกันอยู่ คือคิดว่าตัวเองก็ทำงานกรมอุทยานฯ อย่างน้อยก็ช่วยๆ กัน คือกะเข้าไปช่วยเคลียร์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเค้าทะเลาะกันเรื่องอะไร คิดว่าอย่างน้อยก็อยากให้เค้าใจเย็นๆ ลงหน่อย พี่อีกคนก็เดินตามเรามา
พอไปถึง ตอนนั้นชายหญิงที่ถือถุงของกินเยอะๆ เดินสวนเราตอนขึ้นมา ก็ยืนอยู่ด้วย คงมาด้วยกัน แต่ตอนนั้นคงเดินลงไปก่อน ผู้หญิงมาจับแขนแล้วบอกให้ผู้ชายหยุด ท่าทางน่าจะเป็นแฟนกัน ส่วนผู้ชายอีกคนที่เค้ามาด้วยกัน ไม่พูดอะไร ไม่ทำอะไร ยืนมองอยู่ห่างๆ ตลกดี
เราเดินเข้าไปหานายเสื้อเขียว พูดว่า ขอโทษนะคะ สงบสติอารมณ์นิดนึง ใจเย็นๆ ค่ะ
เค้าหันขวับมาเลย บอกว่า คุณเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ จนท. อย่ามายุ่ง
โดนตั้งแต่ดอกแรกเลย แต่เราก็ทำใจเย็นไว้ บอกว่า เป็นพนักงาน จนท. ค่ะ เค้าก็ว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้ (เราใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้าแตะ ก็เราไปเที่ยวอ่ะ วันหยุด เพราะเราไม่ได้ทำงานอยู่หน่วยงานภาคสนาม)
เราก็ว่า วันนี้มาเที่ยวค่ะ เค้าก็โวยวายว่า คุณใช่เจ้าหน้าที่จริงรึป่าว จนท. แต่งตัวงี้เหรอ
เราได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากเค้าชัดเจน หน้าก็แดง คอก็แดงๆ เราเลยชี้หน้าเค้า ถามว่า คุณเมาใช่มั้ย คุณกินเหล้าใช่มั้ย
เค้าก็บอกว่า ป่าว ผมไม่ได้กิน ผมมีสติดี (กล้าใช้คำว่ามีสติดีด้วยนะ โวยวายขนาดนี้) แต่เรามั่นใจ 100% ว่าเค้าดื่ม เพราะเราคุ้นเคยกลิ่นพวกนี้ มีเพื่อนผู้ชายชอบดื่มเยอะมากค่ะ
หลังจากนั้น เค้าก็หันกลับไปด่า จนท. ที หันมาด่าเราที ประเด็นที่ด่าก็อยู่แต่เรื่องแต่งตัวนี่แหละ วนไปวนมา เราก็พยายามอธิบายว่า จนท. ในอุทยานฯ เป็นหน่วยงานภาคสนาม การแต่งตัวก็ไม่จำเป็นว่าต้องใส่เครื่องแบบเต็มยศทุกวัน (มันขึ้นกับงานที่เค้าทำด้วยค่ะ ซึ่งกรณีนี้ จนท.ก็ได้มาอธิบายทีหลัง) แต่เค้าก็ไม่ยอมฟัง แฟนเค้าก็พยายามลากเค้าไป บอกเค้าว่าหยุด พอแล้ว ซักพักนึง นายเสื้อเขียวก็ทำท่าจะเดินลงไปละ แฟนเค้าเลยเข้ามาพูดกับ จนท. และเราว่า แฟนเป็นคนแบบนี้ คือใจร้อน แต่ถ้าไม่ตอบโต้ เค้าก็จะเฉยๆ หยุดไปเอง เราก็เลยโอเค รับทราบ
ซักพักเค้าก็เดินกลับมาอีก ชี้ไม้ชี้มือ เริ้มว่าคนนั้นคนนี้อีก แฟนเค้าก็เลยลากตัวไปอีก เราก็ยืนมอง ตอนนั้นเราเริ่มโกรธนิดๆ แล้ว ยังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวที่ทำตัวกร่างแบบไร้เหตุผลขนาดนี้
ตอนที่แฟนดึงตัวเค้าไป เค้าก็กวักมือเรียกเรา แล้วพูดเสียงดังว่า คุณ คุณ คุณอ่ะ มานี่ๆๆ คือจะให้เราเดินตามไปเพื่อ? เราก็ยืนเฉยๆ ทำนิ่งไว้
พอ 3 คน ลับสายตาไป ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ว่านายนั่นตามหลังกันใหญ่ จนท.ก็เดินมาหาเรา 2-3 คน เล่าว่า นายเสื้อเขียวจะเอาเหล้าลงไปน้ำตกด้านล่าง จนท.ไม่ยอม เพราะเป็นระเบียบของกรมอุทยานฯ ที่ห้ามเอาเหล้าเข้า แต่เค้าก็พยายามจะเอาลงไป เดินกลับไปเปลี่ยนใส่ขวดโออิชิ จะเอาลงไปให้ได้อยู่ 3 รอบ พอไม่ได้ก็โวยวายอย่างที่เห็น เห็นว่าเป็นตำรวจ (คิดว่าแฟนเค้าน่าจะเป็นคนบอก) ส่วน จนท. ที่พับขากางเกง ใส่รองเท้าแตะ เพราะต้องเดินลงไปดูตรงน้ำตก กำลังยืนคุยๆ กันอยู่ ไม่ถึง 5 นาที ทีมนายเสื้อเขียวกลับมาอีกละ
เสื้อเขียวก็โวยวายว่า มาเอาโออิชิคืน แค่โออิชิก็เอาลงไปไม่ได้
จนท.ก็เอาขวดโออิชิ (ซึ่งข้างในเป็นเหล้า) คืนให้ ตอนนั้นทุกคนเงียบ ไม่อยากคุยอะไรกับเค้า มีแต่เสียงจากวิทยุสื่อสารของ จนท. ที่เค้าใช้ติดต่อกัน ได้ยินฝั่งนั้นในวิทยุพูดทำนองว่า ถ่ายรูปไว้เลยๆ แล้วก็เอารูปติดไว้นั่นแหละ
ทีมนายเสื้อเขียวก็รีบเดินลงจากจุดบริการฯ ไปทางลานจอดรถ จนท.ที่ถือวิทยุก็พยายามเดินไปใกล้ๆ ให้เค้าได้ยิน เค้าก็ยิ่งรีบเดินไป
แต่ยังไม่วายหันมาตะโกนเสียงดังว่า ถ้ามาแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากมาหรอกโว้ย
ทุกคนก็ยังเงียบอยู่ แต่เรายอมรับว่าตอนนั้นอารมณ์ขึ้นละ เราตะโกนกลับไปว่า ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากให้มาเหมือนกันหรอกเว้ย
ทุกคนเหมือนอึ้งกันหมด เสื้อเขียวก็คงโกรธขึ้นอีกเหมือนกัน มาว่าเราว่า คุณเป็นผู้หญิงรึป่าว (ตีความว่าทำไมเป็น ผญ. มามีเรื่องกับ ผช.) แต่งตัวก็แบบนี้ (ผญ. ใส่เกงยีนส์ เสื้อยืด ไม่ได้เหรอ ถามแปลก) เราก็ย้อนกลับอีก 1 ประโยค คุณอ่ะ ผู้ชาย? หางเสียงคงแลดูกวนอยู่เหมือนกันค่ะ
แฟนเค้าคงเห็นว่าท่าทางจะไม่ดีอีก ก็ดึงแขนเค้าให้เดินไปที่รถ เสื้อเขียวก็ยังกวักมือเรียกให้เราไปหาอีก บอกว่า คุณ คุณ มานี่ๆๆ (ไปก็บ้าละ) ส่วนอีตาผู้ชายอีกคนที่มาด้วย ก็ยังคงไม่พูด ไม่ทำอะไร มองดูเฉยๆ อย่างเดียว เอ่อ... ช่วยแสดงอะไรออกมานิดนึงก็ได้นะ เค้าก็ฉุดกระชากลากถูกันไปที่รถ Jazz สีขาวค่ะ
ตอนนั้นพี่ผู้หญิงที่มากับเราก็ชวนเราไปห้องน้ำอีกรอบ บอกว่าอย่าไปยุ่งกับคนแบบนี้เลย เราก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เสร็จก็ออกมายืนรอพี่เค้าอยู่ข้างนอก หันหลังให้ลานจอดรถ ไม่อยากมองละ สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วย
ซักพักได้ยินเสียงเีรียก คุณๆๆ เรารู้เลยว่าเป็นหมอนั่น เราก็ยืนเฉย ไม่หันไปมอง คุณๆๆ เรายังเฉยอยู่
คุณๆ เจ้าหน้าที่ๆๆ มานี่ๆ ตอนนั้นเราคิดว่านี่มันจะอะไรนักหนา ยังไม่ยอมจบอีกเหรอ
หันไปดู เห็นนายเสื้อเขียวยืนห่างจากห้องน้ำหญิง เว้นระยะไว้ซัก 10 กว่าเมตร กวักมือเรียกเราอยู่
ในใจตอนนั้นคิดว่า เป็นไงเป็นกัน คิดว่าทุกคนต้องกลัวเค้าหมดรึไง เราคนนึงล่ะที่ไม่กลัวคนแบบนี้ ทำผิดไม่ยอมรับผิด พาลคนอื่นอีก
เราก็เดินเข้าไปหาเค้าเลย ยืนประจันหน้ากัน เราสูง 164 แต่ก็ยังต้องเงยหน้าต่อปากต่อคำกับเค้า ตอนนั้นเห็นคนมายืนๆ มองอยู่ห่างๆ 2-3 คน แถวลานจอดรถ ลานจอดรถเป็นลานดินกว้างๆ นะคะ พี่ผู้หญิงที่มากับเรา ก็ยืนจ้องหมอนั่นอยู่ข้างหลังเรา แต่ไม่ได้พูดอะไร
หมอนั่นก็ว่าเราประเด็นเดิมๆ ว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงเหรอ ทำไมไม่ใส่ยูนิฟอร์ม เราก็สวนกลับว่า คุณล่ะ ทำไมไม่ใส่ยูนิฟอร์ม เป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ
เค้าก็ว่า ป่าว ผมทำอาชีพอิสระ จะแต่งตัวยังไงก็ได้ แล้วก็เถียงกันไปมา แต่ส่วนใหญ่เราจะพูดไม่ทัน เค้าพูดเร็วมาก จนมาถึงจุดที่เริ่มเงียบ ตอนนั้นเราคิดในใจ ชกเราซักทีเหอะ ชกเลยๆๆ เหมือนท่าทางเค้าอยากชกเราเต็มแก่ ตอนนั้นเราคิดว่าถ้าชกมาหมัดนึง เป็นเรื่องแน่ ยังไงเราก็ไม่ยอม (พี่ที่ยืนหลังเรา บอกว่าตอนนั้นเราเหมือนยื่นหน้าไป เหมือนจะให้หมอนั่นต่อยเลย ตลกดี)
พอเค้าเริ่มเฉยๆ เงียบๆ เราเลยบอกว่า อ่ะ ไม่พูดละ อยากด่าอะไรก็ด่ามาเลย (จังหวะนั้นคิดว่าเถียงกันไปก็ไม่จบ เค้าไม่ยอมรับความจริงอะไรเลย)
แต่นายนั่นก็เหมือนหมดคำพูดไปเลย แฟนเค้าก็มาพอดี มาบอกให้หยุดแบบเดิม แล้วแฟนเค้าก็หันมาว่าเราว่า คุณเป็นเจ้าหน้าที่ ไหนบอกว่าให้สงบสติอารมณ์ เป็นคุณเองนั่นแหละที่บันดาลโทสะเอง (ใช้คำว่าบันดาลโทสะ เราจำได้แม่นเลย) เราเลยบอกว่า เมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรแล้วนะคะ บอกว่าอยากด่าอะไรก็ด่าเลย เค้าก็เลยเลิกพูด ดึงแฟนเค้าไป นายเสื้อเขียวหันมาว่าเราอีกว่า ถ้าจะแต่งตัวอย่างนี้กลับไปทำงานที่บ้านเลยไป ตอนนั้นเราบอกตัวเองว่าพอแล้ว จะไม่ตอบโต้อะไรละ พยายามทำนิ่งๆ ไว้ เพราะอย่างที่แฟนเค้าพูดมาก็ถูก ว่าเราก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่
เค้าก็เดินไปขึ้นรถกัน เข้าไปในรถแล้ว ยังไม่จบ หมอนั่น เปิดประตูฝั่งคนขับออกมา ในมือขวาคีบบุหรี่ไว้ เอาบุหรี่ชี้หน้าเรา แล้วพูดว่า
"ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณโดนผมไปละ"
อื้อหือ ประโยคนี้จำได้ไม่ลืมเลยค่ะ เราก็ยืนเฉยๆ มองเหมือนมองหญ้ามองใบไม้ ทีนี้เค้าก็ต้องวนรถมาผ่านตรงเรายืนอยู่ เราคิดว่าเค้าต้องมาหยุดเปิดกระจกด่าเราอีกรอบแน่นอน
แล้วก็ไม่พลาด หมอนั่นชะลอรถ เปิดกระจก ด่าเราอีกรอบ จำประโยคไม่ได้ละ แต่หนีไม่พ้นเรื่องเดิม ด่าเสร็จ ปิดกระจก ออกรถ หายใจได้ 3 ที รถหยุดอีก ฮ่วย!!
ประตูหลังฝั่งซ้ายเปิดออก เห็นแฟนเค้าเปิดประตูออกมาเร็วๆ พูดไรซักอย่าง จับใจความไม่ได้ แล้วก็ปิดประตูอย่างแรง รถก็ออกไปอีก ขับแบบน่ากลัวมาก คือเป็นลานดินนะ ไม่ใช่สนามแข่ง
พี่ที่มากับเรา มาบอกทีหลังว่า ได้ยินแฟนเค้าที่เปิดประตูออกมา พูดว่า จะเอาขึ้นรถไปด้วยเลยมั้ย เดาว่าหมอนั่นคงจะหยุดรถ อยากจะมาด่าเราอีกรอบมั้ง แฟนเลยโมโหแทนเลยทีนี้
พอรถเค้าวิ่งเหมือนแข่งรถออกไปพ้นจากลานจอดรถแล้ว เพื่อนเรากับพี่ผู้ชายอีกคนก็เดินขึ้นมาพอดี จนท. 4 คน ก็เดินมาหากลุ่มพวกเรา บอกว่ากำลังจะเรียกสายตรวจอุทยานฯ มาแล้ว ถ้ามานี่ได้แตกหักกันแน่กับหมอนั่น ขามาเค้าก็ขับรถน่ากลัวมาแบบนี้ แล้วบอกเราว่าขอบคุณนะที่มาช่วย เรานี่แบบ โอ้ย อย่ามาขอบคุณหนูเลยค่ะ หนูสิต้องขอโทษ จะมาสร้างเรื่องให้แทน จนท.บอกว่าถ้าไม่มี ผญ. เข้าไปช่วยพูด คงไม่จบ จริงๆ เราก็คิดว่านักท่องเที่ยวผู้ชายที่หาเรื่องแบบนั้น ถ้าเจอกับ จนท. ผู้ชาย มันน่าจะจบยากกว่าเจอกับ จนท. ผู้หญิง แต่ก็คงขึ้นกับเทคนิคแต่ละคนด้วย
เค้าก็ถามเราว่าทำงานที่ไหน เราก็บอกว่าอยู่สำนักงานเขต วันนี้มาเที่ยวกันเฉยๆ แต่เห็นอย่างนี้ก็อดไม่ไ้ด้ จนท.ก็ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย ทำแบบนี้ ตอนนั้นเรามึนๆ งงๆ ว่าเรานี่ก็กล้าไปด่ากับเค้าเนาะ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่มากับเรา บอกว่าดีนะเค้าไม่เอาปืนมายิง ด้วยจังหวะที่เค้าโกรธหน้ามืด ไร้สติ เผื่อมีปืนในรถ
แต่ความรู้สึกเรา ตอนมองหน้า จ้องตาหมอนี่ เรามีความรู้สึกว่า เค้าไม่กล้า จริงๆ นะ อารมณ์เหมือนคนกล้าๆ กลัวๆ น่ะ
เราเคยเจอแววตาที่น่ากลัวกว่านี้จากเพื่อนผู้ชายเวลาที่ัมันเมาหรือไม่เมาก็ยังมี แต่ก็อย่างว่าค่ะ คิดย้อนไปก็อาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นได้ แต่ใจเราตอนที่เดินไปหาเค้า เราคิดละว่า จะเกิดอะไรก็เกิดไปเลย ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ตอนที่ความโกรธมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งความคิดแบบนี้ไม่ได้เกิดมานานแล้วนะคะ ความคิดแบบฉันไม่กลัวอะไร เคยเป็นบ้างสมัยเรียนมหาลัย ตอนนี้อายุ 26 แล้ว มานั่งคิดย้อนหลังก็แอบกลัวตัวเองตอนสติหลุดเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
เรื่องวันนั้นก็จบไปค่ะ เป็นเหตุการณ์ที่เอามาเล่าในที่ทำงาน ให้พี่ๆ ที่สนิทกันที่ไม่ได้ไป เอามาคุยกันออกรสชาติไปอีกหลายวัน
ยังไม่ถึงจุดพีคนะคะ มีต่อค่ะ
นี่มันความบังเอิญ ความน่าจะเป็น หรือเจ้ากรรมนายเวร
เหตุเกิด กลางเดือน ก.ย. 56 ที่ผ่านมาค่ะ ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลฯ ไปกัน 4 คน กับพี่และเพื่อนที่ทำงาน กับแฟนเพื่อน
เราทำงานด้านป่าไม้ แต่วันนั้นไปเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวธรรมดา
กลุ่มเราลงไปน้ำตกห้วยหลวง ซึ่งก่อนจะลงจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว มีเจ้าหน้าที่ชาย 3-4 คน คอยให้คำแนะนำกับให้บริการต่างๆ
ขาลงก็ปกติค่ะ พอขาขึ้น เรากับพี่ผู้หญิงอีกคนขึ้นมาก่อนเพราะหิว จะมาหาของกินที่ร้านค้าข้างบน เพื่อนเรากับแฟนยังถ่ายรูปต่อข้างล่าง
เดินมาใกล้ถึงจุดบริการ เดินสวนคน 2 คน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เราก็มองดูตามปกติ ในใจก็คิดว่า เค้าหิ้วของกินมาเยอะจัง
ทีนี้เดินขึ้นไปอีก เห็นผู้ชายคนนึงยืนคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ ยืนติดกันมาก เราคิดว่าสงสัยเค้ารู้จักกันล่ะมั้ง ท่าทางคุยไม่หยุดปาก
แต่พอเดินมาถึงใกล้ๆ อ้าว ผู้ชายคนนี้ยืนทะเลาะกับ จนท. อยู่ พูดเสียงดังโวยวายมากค่ะ ชาวบ้านที่นั่งตรงจุดนั้นนั่งมองกันตาปริบๆ
เราหยุดดูพักนึง ผู้ชายคนนั้นดูสูงๆ อายุคงซัก 25 - 30 ใส่กางเกงขาสั้นแค่เข่า เสื้อยืดสีเขียวสรีนลายอะไรซักอย่าง รองเท้าแตะคีบ เอาแว่นดำคาดหัว เห็นแว้บแรกก็หน้าตาใช้ได้ แต่พอเห็นกิริยาท่าทางละ ความใช้ได้ไม่เหลือแม้แต่นิด เท่าที่จับใจความได้ นายเสื้อเขียวโวยวายวนไปวนมาอยู่ 2 - 3 เรื่อง
- อย่ามาถ่ายรูปผม สิทธิส่วนบุคคลรู้จักมั้ย มีสิทธิ์อะไรมาถ่ายรูปผม (จนท.คนนึง พยายามยกมือถือมาถ่ายรูปนายเสื้อเขียว)
- เป็นเจ้าหน้าที่ทำไมแต่งตัวแบบนี้ เป็น จนท. จริงรึป่าว เขียนชื่อมาให้ผมเลย อยู่เวรรอบนี้จริงมั้ย (จนท. 1 ใน 4 คน ใส่กางเกงขายาวพับขารองเท้าแตะ)
- อยากมีเรื่องเหรอ พูดแบบตะคอก เหมือนตอนเค้าพูดจะดึงเสื้อ จนท. ด้วย จนท.ก็ตอบว่า ผมไม่กล้ามีเรื่องหรอกครับ จนท.ดูควบคุมตัวเองได้ดี แต่ก็พอดูออกว่าไม่พอใจที่โดนด่า แต่ก็คงอยากให้เรื่องมันจบๆ ถ้ามีเรื่อง จนท. เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง
พอยืนฟังอยู่ซักพัก พี่ที่มากับเราบอกว่า ป่ะ ไปเถอะ ชวนไปเข้าห้องน้ำ เราก็เดินไป ได้ซัก 10 ม. เสียงโวยวายดังไม่หยุด เริ่มมีว่าถึงกรมว่ากรมป่าไม้แต่งตัวแบบนี้เหรอ (จริง ๆ แล้ว อุทยานแห่งชาติเป็นหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นะคะ แต่เค้าคงไม่รู้) เราเลยเดินกลับไปตรงที่เค้าทะเลาะกันอยู่ คือคิดว่าตัวเองก็ทำงานกรมอุทยานฯ อย่างน้อยก็ช่วยๆ กัน คือกะเข้าไปช่วยเคลียร์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเค้าทะเลาะกันเรื่องอะไร คิดว่าอย่างน้อยก็อยากให้เค้าใจเย็นๆ ลงหน่อย พี่อีกคนก็เดินตามเรามา
พอไปถึง ตอนนั้นชายหญิงที่ถือถุงของกินเยอะๆ เดินสวนเราตอนขึ้นมา ก็ยืนอยู่ด้วย คงมาด้วยกัน แต่ตอนนั้นคงเดินลงไปก่อน ผู้หญิงมาจับแขนแล้วบอกให้ผู้ชายหยุด ท่าทางน่าจะเป็นแฟนกัน ส่วนผู้ชายอีกคนที่เค้ามาด้วยกัน ไม่พูดอะไร ไม่ทำอะไร ยืนมองอยู่ห่างๆ ตลกดี
เราเดินเข้าไปหานายเสื้อเขียว พูดว่า ขอโทษนะคะ สงบสติอารมณ์นิดนึง ใจเย็นๆ ค่ะ
เค้าหันขวับมาเลย บอกว่า คุณเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ จนท. อย่ามายุ่ง
โดนตั้งแต่ดอกแรกเลย แต่เราก็ทำใจเย็นไว้ บอกว่า เป็นพนักงาน จนท. ค่ะ เค้าก็ว่าทำไมแต่งตัวแบบนี้ (เราใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้าแตะ ก็เราไปเที่ยวอ่ะ วันหยุด เพราะเราไม่ได้ทำงานอยู่หน่วยงานภาคสนาม)
เราก็ว่า วันนี้มาเที่ยวค่ะ เค้าก็โวยวายว่า คุณใช่เจ้าหน้าที่จริงรึป่าว จนท. แต่งตัวงี้เหรอ
เราได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากเค้าชัดเจน หน้าก็แดง คอก็แดงๆ เราเลยชี้หน้าเค้า ถามว่า คุณเมาใช่มั้ย คุณกินเหล้าใช่มั้ย
เค้าก็บอกว่า ป่าว ผมไม่ได้กิน ผมมีสติดี (กล้าใช้คำว่ามีสติดีด้วยนะ โวยวายขนาดนี้) แต่เรามั่นใจ 100% ว่าเค้าดื่ม เพราะเราคุ้นเคยกลิ่นพวกนี้ มีเพื่อนผู้ชายชอบดื่มเยอะมากค่ะ
หลังจากนั้น เค้าก็หันกลับไปด่า จนท. ที หันมาด่าเราที ประเด็นที่ด่าก็อยู่แต่เรื่องแต่งตัวนี่แหละ วนไปวนมา เราก็พยายามอธิบายว่า จนท. ในอุทยานฯ เป็นหน่วยงานภาคสนาม การแต่งตัวก็ไม่จำเป็นว่าต้องใส่เครื่องแบบเต็มยศทุกวัน (มันขึ้นกับงานที่เค้าทำด้วยค่ะ ซึ่งกรณีนี้ จนท.ก็ได้มาอธิบายทีหลัง) แต่เค้าก็ไม่ยอมฟัง แฟนเค้าก็พยายามลากเค้าไป บอกเค้าว่าหยุด พอแล้ว ซักพักนึง นายเสื้อเขียวก็ทำท่าจะเดินลงไปละ แฟนเค้าเลยเข้ามาพูดกับ จนท. และเราว่า แฟนเป็นคนแบบนี้ คือใจร้อน แต่ถ้าไม่ตอบโต้ เค้าก็จะเฉยๆ หยุดไปเอง เราก็เลยโอเค รับทราบ
ซักพักเค้าก็เดินกลับมาอีก ชี้ไม้ชี้มือ เริ้มว่าคนนั้นคนนี้อีก แฟนเค้าก็เลยลากตัวไปอีก เราก็ยืนมอง ตอนนั้นเราเริ่มโกรธนิดๆ แล้ว ยังไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวที่ทำตัวกร่างแบบไร้เหตุผลขนาดนี้
ตอนที่แฟนดึงตัวเค้าไป เค้าก็กวักมือเรียกเรา แล้วพูดเสียงดังว่า คุณ คุณ คุณอ่ะ มานี่ๆๆ คือจะให้เราเดินตามไปเพื่อ? เราก็ยืนเฉยๆ ทำนิ่งไว้
พอ 3 คน ลับสายตาไป ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ว่านายนั่นตามหลังกันใหญ่ จนท.ก็เดินมาหาเรา 2-3 คน เล่าว่า นายเสื้อเขียวจะเอาเหล้าลงไปน้ำตกด้านล่าง จนท.ไม่ยอม เพราะเป็นระเบียบของกรมอุทยานฯ ที่ห้ามเอาเหล้าเข้า แต่เค้าก็พยายามจะเอาลงไป เดินกลับไปเปลี่ยนใส่ขวดโออิชิ จะเอาลงไปให้ได้อยู่ 3 รอบ พอไม่ได้ก็โวยวายอย่างที่เห็น เห็นว่าเป็นตำรวจ (คิดว่าแฟนเค้าน่าจะเป็นคนบอก) ส่วน จนท. ที่พับขากางเกง ใส่รองเท้าแตะ เพราะต้องเดินลงไปดูตรงน้ำตก กำลังยืนคุยๆ กันอยู่ ไม่ถึง 5 นาที ทีมนายเสื้อเขียวกลับมาอีกละ
เสื้อเขียวก็โวยวายว่า มาเอาโออิชิคืน แค่โออิชิก็เอาลงไปไม่ได้
จนท.ก็เอาขวดโออิชิ (ซึ่งข้างในเป็นเหล้า) คืนให้ ตอนนั้นทุกคนเงียบ ไม่อยากคุยอะไรกับเค้า มีแต่เสียงจากวิทยุสื่อสารของ จนท. ที่เค้าใช้ติดต่อกัน ได้ยินฝั่งนั้นในวิทยุพูดทำนองว่า ถ่ายรูปไว้เลยๆ แล้วก็เอารูปติดไว้นั่นแหละ
ทีมนายเสื้อเขียวก็รีบเดินลงจากจุดบริการฯ ไปทางลานจอดรถ จนท.ที่ถือวิทยุก็พยายามเดินไปใกล้ๆ ให้เค้าได้ยิน เค้าก็ยิ่งรีบเดินไป
แต่ยังไม่วายหันมาตะโกนเสียงดังว่า ถ้ามาแล้วเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากมาหรอกโว้ย
ทุกคนก็ยังเงียบอยู่ แต่เรายอมรับว่าตอนนั้นอารมณ์ขึ้นละ เราตะโกนกลับไปว่า ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่อยากให้มาเหมือนกันหรอกเว้ย
ทุกคนเหมือนอึ้งกันหมด เสื้อเขียวก็คงโกรธขึ้นอีกเหมือนกัน มาว่าเราว่า คุณเป็นผู้หญิงรึป่าว (ตีความว่าทำไมเป็น ผญ. มามีเรื่องกับ ผช.) แต่งตัวก็แบบนี้ (ผญ. ใส่เกงยีนส์ เสื้อยืด ไม่ได้เหรอ ถามแปลก) เราก็ย้อนกลับอีก 1 ประโยค คุณอ่ะ ผู้ชาย? หางเสียงคงแลดูกวนอยู่เหมือนกันค่ะ
แฟนเค้าคงเห็นว่าท่าทางจะไม่ดีอีก ก็ดึงแขนเค้าให้เดินไปที่รถ เสื้อเขียวก็ยังกวักมือเรียกให้เราไปหาอีก บอกว่า คุณ คุณ มานี่ๆๆ (ไปก็บ้าละ) ส่วนอีตาผู้ชายอีกคนที่มาด้วย ก็ยังคงไม่พูด ไม่ทำอะไร มองดูเฉยๆ อย่างเดียว เอ่อ... ช่วยแสดงอะไรออกมานิดนึงก็ได้นะ เค้าก็ฉุดกระชากลากถูกันไปที่รถ Jazz สีขาวค่ะ
ตอนนั้นพี่ผู้หญิงที่มากับเราก็ชวนเราไปห้องน้ำอีกรอบ บอกว่าอย่าไปยุ่งกับคนแบบนี้เลย เราก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เสร็จก็ออกมายืนรอพี่เค้าอยู่ข้างนอก หันหลังให้ลานจอดรถ ไม่อยากมองละ สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วย
ซักพักได้ยินเสียงเีรียก คุณๆๆ เรารู้เลยว่าเป็นหมอนั่น เราก็ยืนเฉย ไม่หันไปมอง คุณๆๆ เรายังเฉยอยู่
คุณๆ เจ้าหน้าที่ๆๆ มานี่ๆ ตอนนั้นเราคิดว่านี่มันจะอะไรนักหนา ยังไม่ยอมจบอีกเหรอ
หันไปดู เห็นนายเสื้อเขียวยืนห่างจากห้องน้ำหญิง เว้นระยะไว้ซัก 10 กว่าเมตร กวักมือเรียกเราอยู่
ในใจตอนนั้นคิดว่า เป็นไงเป็นกัน คิดว่าทุกคนต้องกลัวเค้าหมดรึไง เราคนนึงล่ะที่ไม่กลัวคนแบบนี้ ทำผิดไม่ยอมรับผิด พาลคนอื่นอีก
เราก็เดินเข้าไปหาเค้าเลย ยืนประจันหน้ากัน เราสูง 164 แต่ก็ยังต้องเงยหน้าต่อปากต่อคำกับเค้า ตอนนั้นเห็นคนมายืนๆ มองอยู่ห่างๆ 2-3 คน แถวลานจอดรถ ลานจอดรถเป็นลานดินกว้างๆ นะคะ พี่ผู้หญิงที่มากับเรา ก็ยืนจ้องหมอนั่นอยู่ข้างหลังเรา แต่ไม่ได้พูดอะไร
หมอนั่นก็ว่าเราประเด็นเดิมๆ ว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงเหรอ ทำไมไม่ใส่ยูนิฟอร์ม เราก็สวนกลับว่า คุณล่ะ ทำไมไม่ใส่ยูนิฟอร์ม เป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ
เค้าก็ว่า ป่าว ผมทำอาชีพอิสระ จะแต่งตัวยังไงก็ได้ แล้วก็เถียงกันไปมา แต่ส่วนใหญ่เราจะพูดไม่ทัน เค้าพูดเร็วมาก จนมาถึงจุดที่เริ่มเงียบ ตอนนั้นเราคิดในใจ ชกเราซักทีเหอะ ชกเลยๆๆ เหมือนท่าทางเค้าอยากชกเราเต็มแก่ ตอนนั้นเราคิดว่าถ้าชกมาหมัดนึง เป็นเรื่องแน่ ยังไงเราก็ไม่ยอม (พี่ที่ยืนหลังเรา บอกว่าตอนนั้นเราเหมือนยื่นหน้าไป เหมือนจะให้หมอนั่นต่อยเลย ตลกดี)
พอเค้าเริ่มเฉยๆ เงียบๆ เราเลยบอกว่า อ่ะ ไม่พูดละ อยากด่าอะไรก็ด่ามาเลย (จังหวะนั้นคิดว่าเถียงกันไปก็ไม่จบ เค้าไม่ยอมรับความจริงอะไรเลย)
แต่นายนั่นก็เหมือนหมดคำพูดไปเลย แฟนเค้าก็มาพอดี มาบอกให้หยุดแบบเดิม แล้วแฟนเค้าก็หันมาว่าเราว่า คุณเป็นเจ้าหน้าที่ ไหนบอกว่าให้สงบสติอารมณ์ เป็นคุณเองนั่นแหละที่บันดาลโทสะเอง (ใช้คำว่าบันดาลโทสะ เราจำได้แม่นเลย) เราเลยบอกว่า เมื่อกี้ไม่ได้พูดอะไรแล้วนะคะ บอกว่าอยากด่าอะไรก็ด่าเลย เค้าก็เลยเลิกพูด ดึงแฟนเค้าไป นายเสื้อเขียวหันมาว่าเราอีกว่า ถ้าจะแต่งตัวอย่างนี้กลับไปทำงานที่บ้านเลยไป ตอนนั้นเราบอกตัวเองว่าพอแล้ว จะไม่ตอบโต้อะไรละ พยายามทำนิ่งๆ ไว้ เพราะอย่างที่แฟนเค้าพูดมาก็ถูก ว่าเราก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่
เค้าก็เดินไปขึ้นรถกัน เข้าไปในรถแล้ว ยังไม่จบ หมอนั่น เปิดประตูฝั่งคนขับออกมา ในมือขวาคีบบุหรี่ไว้ เอาบุหรี่ชี้หน้าเรา แล้วพูดว่า
"ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณโดนผมไปละ"
อื้อหือ ประโยคนี้จำได้ไม่ลืมเลยค่ะ เราก็ยืนเฉยๆ มองเหมือนมองหญ้ามองใบไม้ ทีนี้เค้าก็ต้องวนรถมาผ่านตรงเรายืนอยู่ เราคิดว่าเค้าต้องมาหยุดเปิดกระจกด่าเราอีกรอบแน่นอน
แล้วก็ไม่พลาด หมอนั่นชะลอรถ เปิดกระจก ด่าเราอีกรอบ จำประโยคไม่ได้ละ แต่หนีไม่พ้นเรื่องเดิม ด่าเสร็จ ปิดกระจก ออกรถ หายใจได้ 3 ที รถหยุดอีก ฮ่วย!!
ประตูหลังฝั่งซ้ายเปิดออก เห็นแฟนเค้าเปิดประตูออกมาเร็วๆ พูดไรซักอย่าง จับใจความไม่ได้ แล้วก็ปิดประตูอย่างแรง รถก็ออกไปอีก ขับแบบน่ากลัวมาก คือเป็นลานดินนะ ไม่ใช่สนามแข่ง
พี่ที่มากับเรา มาบอกทีหลังว่า ได้ยินแฟนเค้าที่เปิดประตูออกมา พูดว่า จะเอาขึ้นรถไปด้วยเลยมั้ย เดาว่าหมอนั่นคงจะหยุดรถ อยากจะมาด่าเราอีกรอบมั้ง แฟนเลยโมโหแทนเลยทีนี้
พอรถเค้าวิ่งเหมือนแข่งรถออกไปพ้นจากลานจอดรถแล้ว เพื่อนเรากับพี่ผู้ชายอีกคนก็เดินขึ้นมาพอดี จนท. 4 คน ก็เดินมาหากลุ่มพวกเรา บอกว่ากำลังจะเรียกสายตรวจอุทยานฯ มาแล้ว ถ้ามานี่ได้แตกหักกันแน่กับหมอนั่น ขามาเค้าก็ขับรถน่ากลัวมาแบบนี้ แล้วบอกเราว่าขอบคุณนะที่มาช่วย เรานี่แบบ โอ้ย อย่ามาขอบคุณหนูเลยค่ะ หนูสิต้องขอโทษ จะมาสร้างเรื่องให้แทน จนท.บอกว่าถ้าไม่มี ผญ. เข้าไปช่วยพูด คงไม่จบ จริงๆ เราก็คิดว่านักท่องเที่ยวผู้ชายที่หาเรื่องแบบนั้น ถ้าเจอกับ จนท. ผู้ชาย มันน่าจะจบยากกว่าเจอกับ จนท. ผู้หญิง แต่ก็คงขึ้นกับเทคนิคแต่ละคนด้วย
เค้าก็ถามเราว่าทำงานที่ไหน เราก็บอกว่าอยู่สำนักงานเขต วันนี้มาเที่ยวกันเฉยๆ แต่เห็นอย่างนี้ก็อดไม่ไ้ด้ จนท.ก็ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย ทำแบบนี้ ตอนนั้นเรามึนๆ งงๆ ว่าเรานี่ก็กล้าไปด่ากับเค้าเนาะ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่มากับเรา บอกว่าดีนะเค้าไม่เอาปืนมายิง ด้วยจังหวะที่เค้าโกรธหน้ามืด ไร้สติ เผื่อมีปืนในรถ
แต่ความรู้สึกเรา ตอนมองหน้า จ้องตาหมอนี่ เรามีความรู้สึกว่า เค้าไม่กล้า จริงๆ นะ อารมณ์เหมือนคนกล้าๆ กลัวๆ น่ะ
เราเคยเจอแววตาที่น่ากลัวกว่านี้จากเพื่อนผู้ชายเวลาที่ัมันเมาหรือไม่เมาก็ยังมี แต่ก็อย่างว่าค่ะ คิดย้อนไปก็อาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นได้ แต่ใจเราตอนที่เดินไปหาเค้า เราคิดละว่า จะเกิดอะไรก็เกิดไปเลย ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ตอนที่ความโกรธมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งความคิดแบบนี้ไม่ได้เกิดมานานแล้วนะคะ ความคิดแบบฉันไม่กลัวอะไร เคยเป็นบ้างสมัยเรียนมหาลัย ตอนนี้อายุ 26 แล้ว มานั่งคิดย้อนหลังก็แอบกลัวตัวเองตอนสติหลุดเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
เรื่องวันนั้นก็จบไปค่ะ เป็นเหตุการณ์ที่เอามาเล่าในที่ทำงาน ให้พี่ๆ ที่สนิทกันที่ไม่ได้ไป เอามาคุยกันออกรสชาติไปอีกหลายวัน
ยังไม่ถึงจุดพีคนะคะ มีต่อค่ะ