เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://webboard.yenta4.com/topic/24713
ป็นเรื่อง "ไม่คิดไม่ฝัน!!" เมื่อของที่ใช้อยู่เป็นประจำใน "ห้องน้ำ" จะเป็นตัวร้าย "ย้อน" มาทำลายให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ!!!
เรื่อง "โชคร้าย" นี้เป็นของ ปิยะพัชร โพธิ์พิทักษ์กุล แอคเคานต์แมเนเจอร์ภูมิพีอาร์ วัย 39 ปี ที่เกิดอาการติดเชื้อที่ "กรวยไต" สาเหตุอันเนื่องมาจาก "สายฉีดล้างอวัยวะเพศในห้องน้ำ!!!"
"ปกติจะดูแลตัวเองอย่างดี เป็นคนดื่มน้ำเยอะ ไม่เคยกลั้นปัสสาวะ ใช้แผ่นอนามัยตลอดเวลา และใช้น้ำยาล้างภายนอกเป็นประจำทุกวัน ในการทำความสะอาดเช้าเย็น แต่กลับพลาด!! ลืมสังเกตว่าสายฉีดในห้องน้ำสาธารณะ ก็เป็นพาหะนำโรคได้เหมือนกัน เพราะคนมากหน้าหลายตามาใช้ของอันเดียวกัน ซึ่งบางคนอาจเป็นโรคติดต่อร้ายแรง แล้วพอไปใช้ต่อ ซึ่งวันนั้นใช้สายฉีดใกล้อวัยวะเพศมาก เนื่องจากน้ำไม่ค่อยไหล จึงทำให้ติดเชื้อโรคมา เพราะหลังจากวันนั้นก็มีอาการไข้สูง ปวดตรงบั้นเอวด้านขวาเหมือนปวดประจำเดือน พอไปหาหมอจึงรู้ว่าเป็นโรคกรวยไตอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ รักษาอยู่ 10 วันกว่าจะหาย"
ปิยะพัชรบอกว่า การป่วยครั้งนี้เป็นครั้งที่ทรมานที่สุดในชีวิต และถือว่าโชคร้ายมากที่สุดด้วย เพราะโรคติดเชื้อจากสายฉีดน้ำและมีอาการหนักขนาดลามไปติดเชื้อถึงกรวยไต มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ที่เธอได้รับเชื้อเพราะเมื่อ 10 ปีก่อนเคยมีประวัติ "กรวยไตอักเสบ" ทำให้มีโอกาสการติดเชื้อง่ายกว่าคนปกติ และกิจวัตรประจำวันที่เข้าใจ "ผิด" ว่าเป็นการดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งเรื่องใช้แผ่นอนามัย และน้ำยาทำความสะอาดภายนอกก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จนติดเชื้อจากสายฉีดในห้องน้ำอีกเช่นกัน
"หลังจากหายป่วยดิฉันเลิกใช้แผ่นอนามัย เลิกใช้น้ำยาล้างภายนอก กลับมาใช้แค่น้ำเปล่าเหมือนเดิม แล้วหันมาพกกระดาษทิชชู เวลาไปเข้าห้องน้ำที่ไหนจะใช้ทิชชูส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช้สายฉีดน้ำ และทิชชูสาธารณะอีกเลย สำหรับผู้หญิงทุกคน แนะนำว่าเวลาเข้าห้องน้ำควรสำรวจรอบๆ ห้องน้ำบ้าง และควรพกกระดาษทิชชูเป็นของตัวเอง เพราะเชื้อโรคเป็นสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และเราไม่รู้ว่าโชคร้ายจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ดังนั้นควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ที่หลัง"
อย่า...อย่าเพิ่งตกอกตกใจ จนไม่กล้าใช้ "สายฉีดน้ำ" ในห้องน้ำกันเลย เพราะได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ ชัยศิลป์วัฒนา สาขาวิชาการใช้กล้องเพื่อส่องตรวจและรักษา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า โอกาสที่จะติดเชื้อโรคจากสายฉีดน้ำในห้องน้ำมี "น้อยมากๆ" แต่ก็สามารถเป็นได้ ถ้าคนคนนั้นมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาทิ เคยมีประวัติเป็นโรคเรื้อรัง ใช้น้ำยาล้าง ใช้แผ่นอนามัย ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ดูแลตามธรรมชาติโดยใช้น้ำเปล่าดีที่สุด
"ก่อนใช้สายฉีดน้ำในห้องน้ำสาธารณะ ควรฉีดน้ำออกก่อนแล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้งและฉีดน้ำอีกที จึงค่อยใช้ และขณะใช้อย่าให้หัวฉีดสัมผัสอวัยวะเพศ เพราะอาจมีเชื้อหนอง และตกขาวคนอื่นติดอยู่ แล้วถ้าห้องน้ำสกปรกมาก แนะนำให้ยืนปัสสาวะ โดยนำขวดน้ำมาตัดครึ่งตามยาวให้เป็นท่อรองปัสสาวะ"
ศ.นพ.พงษ์ศักดิ์บอกอีกว่า ผู้หญิงประมาณ 5-7% เท่านั้นที่โชคร้ายเป็นโรคติดเชื้อที่อวัยวะเพศ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความรักสวยรักงามใช้น้ำเปล่าล้างไม่พอ ต้องไปซื้อน้ำยามาล้างให้สะอาดมากขึ้น แล้วน้ำยาก็มาทำลายแบคทีเรียตัวที่ป้องกันเชื้อโรคในช่องคลอด หรือปล่อยให้ระบายอากาศดีๆ ไม่ชอบ ไปหาแผ่นอนามัยมาใช้ ใส่กางเกงชั้นในสเตย์ฟิตๆ กางเกงยีนส์หนาๆ ให้อบ แฉะ อึดอัด ไม่มีอากาศระบาย
"โรคติดเชื้อที่อวัยวะเพศ เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าภูมิต้านทานดี อวัยวะเพศไม่ชื้น อับ แฉะ ก็ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ"
รู้อย่างนี้แล้ว ค่อยหายห่วง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้หญิงทั้งหลายแล้วล่ะว่า...ดูแลตัวเองดีแค่ไหน เอ๊ะ! หรือดีเกินไปหรือเปล่า...
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ มติชน
เจ้าของกระทู้ ได้ถามคุณหมอ มาแกแนะว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สายฉีดที่ห้องนั้าในบ้าน เช็ดล้างสะอาด หัวฉีดแห้ง เวลาเราฉีดให้เราฉีดย้อนเหมือนล้างก้นแต่ให้เราฉีดเข้าให้รู้สึกว่าถึงจุดรึบริเวณช่องฉี่นั่นแหละคะ ฉีดนิดเดียวนะคะครั้งเดียวอย่าแรง ระวังอย่าให้โดน น้อง โหม่ยยย เยอะ นะคะ มันจะทำให้อับชื้น คันในร่มผ้า เวลาฉีดก้นให้ฉีดพอดีอย่าให้เปียกเหมือนอาบน้ามอย่างนั้น ถ้าสะดวกใช้กระดาษเช็ดให้แห้งอีกทีจะดีกว่าฉีดแล้ว ใส่กางเกงเลยนะคะ เพื่อป้องกันผดผื่นแต่ถ้ากางเกงในหนา ไม่ซึมเปื้อน อันนี้ไม่ว่ากันฮ่าๆๆ อันหลังนี้มั่วแระ
อ่านๆอันตราย! สายฉีดล้างอวัยวะเพศในห้องน้ำ
ป็นเรื่อง "ไม่คิดไม่ฝัน!!" เมื่อของที่ใช้อยู่เป็นประจำใน "ห้องน้ำ" จะเป็นตัวร้าย "ย้อน" มาทำลายให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ!!!
เรื่อง "โชคร้าย" นี้เป็นของ ปิยะพัชร โพธิ์พิทักษ์กุล แอคเคานต์แมเนเจอร์ภูมิพีอาร์ วัย 39 ปี ที่เกิดอาการติดเชื้อที่ "กรวยไต" สาเหตุอันเนื่องมาจาก "สายฉีดล้างอวัยวะเพศในห้องน้ำ!!!"
"ปกติจะดูแลตัวเองอย่างดี เป็นคนดื่มน้ำเยอะ ไม่เคยกลั้นปัสสาวะ ใช้แผ่นอนามัยตลอดเวลา และใช้น้ำยาล้างภายนอกเป็นประจำทุกวัน ในการทำความสะอาดเช้าเย็น แต่กลับพลาด!! ลืมสังเกตว่าสายฉีดในห้องน้ำสาธารณะ ก็เป็นพาหะนำโรคได้เหมือนกัน เพราะคนมากหน้าหลายตามาใช้ของอันเดียวกัน ซึ่งบางคนอาจเป็นโรคติดต่อร้ายแรง แล้วพอไปใช้ต่อ ซึ่งวันนั้นใช้สายฉีดใกล้อวัยวะเพศมาก เนื่องจากน้ำไม่ค่อยไหล จึงทำให้ติดเชื้อโรคมา เพราะหลังจากวันนั้นก็มีอาการไข้สูง ปวดตรงบั้นเอวด้านขวาเหมือนปวดประจำเดือน พอไปหาหมอจึงรู้ว่าเป็นโรคกรวยไตอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ รักษาอยู่ 10 วันกว่าจะหาย"
ปิยะพัชรบอกว่า การป่วยครั้งนี้เป็นครั้งที่ทรมานที่สุดในชีวิต และถือว่าโชคร้ายมากที่สุดด้วย เพราะโรคติดเชื้อจากสายฉีดน้ำและมีอาการหนักขนาดลามไปติดเชื้อถึงกรวยไต มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ที่เธอได้รับเชื้อเพราะเมื่อ 10 ปีก่อนเคยมีประวัติ "กรวยไตอักเสบ" ทำให้มีโอกาสการติดเชื้อง่ายกว่าคนปกติ และกิจวัตรประจำวันที่เข้าใจ "ผิด" ว่าเป็นการดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งเรื่องใช้แผ่นอนามัย และน้ำยาทำความสะอาดภายนอกก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ จนติดเชื้อจากสายฉีดในห้องน้ำอีกเช่นกัน
"หลังจากหายป่วยดิฉันเลิกใช้แผ่นอนามัย เลิกใช้น้ำยาล้างภายนอก กลับมาใช้แค่น้ำเปล่าเหมือนเดิม แล้วหันมาพกกระดาษทิชชู เวลาไปเข้าห้องน้ำที่ไหนจะใช้ทิชชูส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช้สายฉีดน้ำ และทิชชูสาธารณะอีกเลย สำหรับผู้หญิงทุกคน แนะนำว่าเวลาเข้าห้องน้ำควรสำรวจรอบๆ ห้องน้ำบ้าง และควรพกกระดาษทิชชูเป็นของตัวเอง เพราะเชื้อโรคเป็นสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และเราไม่รู้ว่าโชคร้ายจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ดังนั้นควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ที่หลัง"
อย่า...อย่าเพิ่งตกอกตกใจ จนไม่กล้าใช้ "สายฉีดน้ำ" ในห้องน้ำกันเลย เพราะได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ ชัยศิลป์วัฒนา สาขาวิชาการใช้กล้องเพื่อส่องตรวจและรักษา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า โอกาสที่จะติดเชื้อโรคจากสายฉีดน้ำในห้องน้ำมี "น้อยมากๆ" แต่ก็สามารถเป็นได้ ถ้าคนคนนั้นมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาทิ เคยมีประวัติเป็นโรคเรื้อรัง ใช้น้ำยาล้าง ใช้แผ่นอนามัย ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ดูแลตามธรรมชาติโดยใช้น้ำเปล่าดีที่สุด
"ก่อนใช้สายฉีดน้ำในห้องน้ำสาธารณะ ควรฉีดน้ำออกก่อนแล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้งและฉีดน้ำอีกที จึงค่อยใช้ และขณะใช้อย่าให้หัวฉีดสัมผัสอวัยวะเพศ เพราะอาจมีเชื้อหนอง และตกขาวคนอื่นติดอยู่ แล้วถ้าห้องน้ำสกปรกมาก แนะนำให้ยืนปัสสาวะ โดยนำขวดน้ำมาตัดครึ่งตามยาวให้เป็นท่อรองปัสสาวะ"
ศ.นพ.พงษ์ศักดิ์บอกอีกว่า ผู้หญิงประมาณ 5-7% เท่านั้นที่โชคร้ายเป็นโรคติดเชื้อที่อวัยวะเพศ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความรักสวยรักงามใช้น้ำเปล่าล้างไม่พอ ต้องไปซื้อน้ำยามาล้างให้สะอาดมากขึ้น แล้วน้ำยาก็มาทำลายแบคทีเรียตัวที่ป้องกันเชื้อโรคในช่องคลอด หรือปล่อยให้ระบายอากาศดีๆ ไม่ชอบ ไปหาแผ่นอนามัยมาใช้ ใส่กางเกงชั้นในสเตย์ฟิตๆ กางเกงยีนส์หนาๆ ให้อบ แฉะ อึดอัด ไม่มีอากาศระบาย
"โรคติดเชื้อที่อวัยวะเพศ เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าภูมิต้านทานดี อวัยวะเพศไม่ชื้น อับ แฉะ ก็ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ"
รู้อย่างนี้แล้ว ค่อยหายห่วง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้หญิงทั้งหลายแล้วล่ะว่า...ดูแลตัวเองดีแค่ไหน เอ๊ะ! หรือดีเกินไปหรือเปล่า...
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ มติชน
เจ้าของกระทู้ ได้ถามคุณหมอ มาแกแนะว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้