ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เรากับเพื่อนสาวรวมกัน 3 คน ซึ่งได้คิดกันมานานแล้วว่าจะต้องไปเที่ยวทะเลกันให้ได้สักทีหนึ่ง ซึ่งสถานที่ที่ไปจะต้องเป็นสถานที่ธรรมชาติ คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อนและถ่ายรูปเล่น หาข้อมูลไปมา มาสะดุดตาที่เกาะพยาม ซึ่งยังไม่ป๊อบมากเท่าไหร่ และดูบรรยากาศเหมาะแก่การพักผ่อนมาก เลยตัดสินใจหาที่พักและจองตั๋วเครื่องบินกัน ในตอนแรกกะจะไปกันช่วงวันที่ 15-16-17 แต่จองตั๋วเครื่องบินไม่ทันกัน เลยเลื่อนไปเป็น 22-23-24 ซึ่งเป็นเหมือนการเล่นเกม puzzle ที่ไม่ลงล็อก พอเลื่อนแล้วกลายเป็นไม่พอดีไปซะทุกอย่างเลย 55555 เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไปค่ะว่ามันเป็นยังไงบ้าง
ขาไปเราไปรถทัวร์กรุงเทพฯ-ระนอง ของสมบัติทัวร์ ตั้งแต่เย็นวันพฤหัสบดี ไปขึ้นรถที่สายใต้ใหม่
ไม่ได้ไปสายใต้ใหม่มานานมาก มีร้านรวงเยอะมากเหมือนห้างสรรพสินค้าดีๆนี่เอง
แวะรับตั๋วที่บูธของสมบัติทัวร์ ตั๋วไประนอง 544 บาทค่ะ
ก่อนออกเดินทาง แวะกินข้าวกันก่อน ร้านอาหารเยอะแยะเหมือนห้างเลย เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
รถทัวร์ออกเดินทางสองทุ่ม ลืมถ่ายรูปหน้ารถไว้ ถ่ายแต่ในรถค่ะ ที่นั่งสะดวกสบาย มีหมอนรองคอกับผ้าห่มซีลถุงพลาสติกให้
มีทีวีส่วนตัว เลือกดูหนัง ฟังเพลง ดูรายการทีวีย้อนหลัง ตลก ซิทคอมอะไรก็ได้ตามเมนู
มีแจกขนมบนรถด้วย พร้อมน้ำดื่ม 1 ขวด ถ่ายตอนรถวิ่งภาพเบลอนิดหน่อยค่ะ
ประมาณเที่ยงคืนครึ่งถึงทับสะแก แวะกินข้าวต้มกันก่อน เป็นบริการที่แถมมากับรถทัวร์ค่ะ แกงจืดมะระตุ๋นอร่อยมาก
นอนๆไป หลับๆตื่นๆ เพราะรถเปิดไฟบ่อยนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ มีบางช่วงมีตำรวจมาตรวจบัตรประชาชนบนรถด้วย เพราะว่าแถวนี้น่าจะมีพม่าแอบลอบเข้าเมืองมาเยอะ จนกระทั่งมาถึงสถานีขนส่งที่ระนองตอนประมาณตี 4.45 ร่องรอยฝนตกยังปรากฏอยู่ตามพื้นเลยค่ะ น้ำเจิ่งไปทั่ว
นั่งๆรอจน 6 โมงเช้า เดินออกมารอรถสองแถวไปท่าเรือ ซึ่งเพิ่งรู้ทีหลังว่ารถเลี้ยวมารับคนในขนส่งด้วย ไม่รู้จะเดินออกไปทำไม 555 ค่ารถคนละ 20 บาทค่ะ
มาถึงท่าเรือก็ประมาณ 7 โมงกว่าๆ ก็มาซื้อตั๋วเรือไปเกาะพยามกัน ถ้าเป็นเรือแบบธรรมดาก็คนละ 200 บาท ถ้าสปีดโบ๊ตก็คนละ 350 บาท ซึ่งประหยัดเวลากว่ากันเกือบ 2 ชั่วโมงเลย เราก็เลยซื้อตั๋วสปีดโบ๊ตกันค่ะ
ตอนไปถึงแรกๆ ยังงงกันเลยค่ะว่าเราจะออกเรือกันยังไง น้ำแห้งมากกกก
แต่รอไปกว่าจะถึงเวลาเรือออก 10 โมงเช้า น้ำก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ฝนก็ตกปรอยๆไปเรื่อย ชวนให้เซ็ง 555
ระหว่างรอ ก็มีปลาตีนและปูมาเดินเล่นให้ดูไปพลางๆ ซูมด้วย Nikon P510 ค่ะ เลยซูมได้เยอะ
พอเรือมาถึง เราก็กางร่มไปขึ้นเรือกัน คนอื่นๆที่ไปด้วยกันกับเราส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยมีนิดหน่อยค่ะ
นั่งเรือเพลินๆ ประมาณ 40 กว่านาทีก็ถึงเกาะพยามจนได้
ตอนขึ้นฝั่งมานี่ไม่ทันได้ดูอะไรเลยค่ะ เพราะฝนกำลังตกได้ที่ เอาแต่จ้ำอ้าวกันท่าเดียว
ภาพหน้าเกาะ ขออนุญาตเอารูปตอนวันกลับ (ที่ฟ้าใสและแดดเปรี้ยงแล้ว
) มาให้ชมแล้วกันนะคะ
ป้ายต้อนรับหน้าเกาะ
มีผักบุ้งทะเลขึ้นเต็ม
ตรงส่วนหน้าเกาะมีขยะประปรายนิดหน่อย แต่หาดอื่นๆไม่มีเลยนะคะ ทะเลสะอาดมาก ใครไปก็เก็บขยะกันด้วยนะคะ
เกาะพยามมีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอเมือง
มีป้ายโฆษณารีสอร์ต ที่พัก ร้านอาหาร ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนมาก
บริเวณหน้าเกาะจะมีร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านชำ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม
ที่นี่ไปไหนมาไหนเขาจะใช้มอเตอร์ไซค์กัน มีให้เช่าคันละ 100/วัน แต่เราชาวคณะไม่มีใครขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเลย เลยต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่นี่เขาเรียกแท็กซี่ สนนราคาก็ตั้งแต่ 50 ไปถึง 100 บาท แล้วแต่ระยะทางค่ะ มีแผนที่บอกพิกัดชัดเจน ถ้าแวะหลายที่ก็แล้วแต่จะตกลงกัน
ถนนที่นี่ดีไซน์มาสำหรับมอเตอร์ไซค์เท่านั้นค่ะ มีจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ คันละ 80/วัน
สองข้างทางจะเป็นป่าทั้งนั้นค่ะ รู้สึกว่าเกาะนี้จะมีงูเกือบทุกชนิด ใครเดินสุ่มสี่สุ่มห้าต้องระวังหน่อย
แล้วเราก็มาถึงที่พักของเรา อยู่ริมอ่าวเขาควาย ชื่อ Buffalo Bay Vacation หาเจอจากในเว็บค่ะ
ที่พักก็จะเป็นหลังๆแบบนี้ ที่เราจองเป็นห้องแบบแฟมิลี่ค่ะ พักได้ 4 คน คืนละ 2,500 บาท ที่นี่ถือว่าราคาอยู่ในระดับไฮนะคะ เพราะมีไฟฟ้า และไวไฟบริการ 24 ชั่วโมง ที่เกาะนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ค่ะ ต้องปั่นไฟใช้เอง
สภาพในห้องดีมาก มีเตียงเดี่ยว ผ้าเช็ดตัวสะอาดให้
มีเตียงสองชั้น นอนได้อีกสองคน
มีทีวี ตู้เย็นพร้อมสรรพ ทีวีไทยดูได้แต่ช่อง 3 ค่ะ ไม่รู้ทำไม 555
ห้องน้ำตกแต่งน่ารัก
มีน้ำอุ่นด้วยนะคะ
มาถึงก็ไปเดินดูรอบๆหาดก่อน คนไม่มีเลย เงียบมาก ฝนตกปรอยๆตลอด
อ่าวเขาควาย ลักษณะหาดทรายเป็นทรายละเอียดสีน้ำตาล มีเปลือกหอยทับถมเป็นสีชมพูเป็นหย่อมๆ เสียดายตอนที่ไปฝนตกตลอด ฟ้าเลยไม่ใสเท่าที่ควร
ออกไปไหนไม่ได้เพราะฝนตก เลยต้องทานอาหารกันที่รีสอร์ตนั่นล่ะค่ะ แล้วก็พบกับข่าวร้ายคือ ช่วงนี้เชฟไม่อยู่ค่ะ อาหารหลายเมนู โดยเฉพาะอาหารฝรั่งที่น่ากินมากกกก เลยไม่มี เห็นในเมนูแล้วเสียดายสุดๆ แต่กระนั้นก็พอจะสั่งได้บางอย่าง อาหารจานละ 100 กว่าๆขึ้นไปนะคะ แต่ให้เยอะสมราคา ทานสามคนได้ค่ะ
สลัดฝรั่งเศส ผักสดมาก
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
ของหวาน เป็นแป้งกรอบคล้ายโรตีไส้กล้วยทอดค่ะ เรียกกล้วยห่มผ้า
เพราะฝนตกไปไหนไกลๆไม่ได้ เลยไปเดินกางร่มสำรวจป่าชายเลนแถวนั้นกันค่ะ เจอฝูงนกลงมาที่หาดพอดี
ธงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นสัญลักษณ์ของอะไรกันแน่
ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก
พอกลับมาถึงห้อง ด้วยความเหนื่อยเลยหลับเป็นตายกันเลย รู้สึกตัวอีกทีเย็นแล้ว เลยหาอะไรกิน ที่รีสอร์ตอีกเช่นเคย
หมึกผัดพริกไทยดำ กับต้มยำกุ้งค่ะ ให้เยอะและรสชาติดี
กลางคืนฝนยังตกต่อเนื่องค่ะ เลยไม่ได้ไปไหน ยิ่งฟังพี่ที่ดูแลยิ่งเศร้า เพราะเค้าบอกอาทิตย์ก่อนอากาศดีมากกกกกก ถ้ามาอาทิตย์ก่อนนี่ลงล็อกเป๊ะเลย
เช้าอีกวันมา ก็ทานที่รีสอร์ตเช่นเคย อาหารเช้าตามสั่งค่ะ ที่เห็นนี้จานละ 90-100 บาท
เช้านี้ฝนก็ยังตกเช่นเคย เดินออกไปสำรวจหาด คราวนี้เจอปูเยอะมาก
ถึงฝนจะตก แต่เราต้องออกไปเที่ยวที่อื่นบ้างล่ะ ไม่งั้นจะเสียเที่ยวมาก เลยให้พี่ที่ดูแลรีสอร์ตโทรเรียกแท็กซี่(มอเตอร์ไซค์) มารับค่ะ
อ้อ ลืมบอกไปว่า สัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ มีเอไอเอสใช้ได้อยู่เจ้าเดียวเท่านั้นค่ะ
ที่แรกที่เราไป คือวัดเกาะพยามค่ะ เป็นวัดแห่งเดียวของเกาะนี้
มีโขดหินที่มีปูเกาะแน่นมาก
โบสถ์กลางน้ำ
[CR] ไปเกาะพยาม ยามฝนตกพรำๆ
ขาไปเราไปรถทัวร์กรุงเทพฯ-ระนอง ของสมบัติทัวร์ ตั้งแต่เย็นวันพฤหัสบดี ไปขึ้นรถที่สายใต้ใหม่
ไม่ได้ไปสายใต้ใหม่มานานมาก มีร้านรวงเยอะมากเหมือนห้างสรรพสินค้าดีๆนี่เอง
แวะรับตั๋วที่บูธของสมบัติทัวร์ ตั๋วไประนอง 544 บาทค่ะ
ก่อนออกเดินทาง แวะกินข้าวกันก่อน ร้านอาหารเยอะแยะเหมือนห้างเลย เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
รถทัวร์ออกเดินทางสองทุ่ม ลืมถ่ายรูปหน้ารถไว้ ถ่ายแต่ในรถค่ะ ที่นั่งสะดวกสบาย มีหมอนรองคอกับผ้าห่มซีลถุงพลาสติกให้
มีทีวีส่วนตัว เลือกดูหนัง ฟังเพลง ดูรายการทีวีย้อนหลัง ตลก ซิทคอมอะไรก็ได้ตามเมนู
มีแจกขนมบนรถด้วย พร้อมน้ำดื่ม 1 ขวด ถ่ายตอนรถวิ่งภาพเบลอนิดหน่อยค่ะ
ประมาณเที่ยงคืนครึ่งถึงทับสะแก แวะกินข้าวต้มกันก่อน เป็นบริการที่แถมมากับรถทัวร์ค่ะ แกงจืดมะระตุ๋นอร่อยมาก
นอนๆไป หลับๆตื่นๆ เพราะรถเปิดไฟบ่อยนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ มีบางช่วงมีตำรวจมาตรวจบัตรประชาชนบนรถด้วย เพราะว่าแถวนี้น่าจะมีพม่าแอบลอบเข้าเมืองมาเยอะ จนกระทั่งมาถึงสถานีขนส่งที่ระนองตอนประมาณตี 4.45 ร่องรอยฝนตกยังปรากฏอยู่ตามพื้นเลยค่ะ น้ำเจิ่งไปทั่ว
นั่งๆรอจน 6 โมงเช้า เดินออกมารอรถสองแถวไปท่าเรือ ซึ่งเพิ่งรู้ทีหลังว่ารถเลี้ยวมารับคนในขนส่งด้วย ไม่รู้จะเดินออกไปทำไม 555 ค่ารถคนละ 20 บาทค่ะ
มาถึงท่าเรือก็ประมาณ 7 โมงกว่าๆ ก็มาซื้อตั๋วเรือไปเกาะพยามกัน ถ้าเป็นเรือแบบธรรมดาก็คนละ 200 บาท ถ้าสปีดโบ๊ตก็คนละ 350 บาท ซึ่งประหยัดเวลากว่ากันเกือบ 2 ชั่วโมงเลย เราก็เลยซื้อตั๋วสปีดโบ๊ตกันค่ะ
ตอนไปถึงแรกๆ ยังงงกันเลยค่ะว่าเราจะออกเรือกันยังไง น้ำแห้งมากกกก
แต่รอไปกว่าจะถึงเวลาเรือออก 10 โมงเช้า น้ำก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ฝนก็ตกปรอยๆไปเรื่อย ชวนให้เซ็ง 555
ระหว่างรอ ก็มีปลาตีนและปูมาเดินเล่นให้ดูไปพลางๆ ซูมด้วย Nikon P510 ค่ะ เลยซูมได้เยอะ
พอเรือมาถึง เราก็กางร่มไปขึ้นเรือกัน คนอื่นๆที่ไปด้วยกันกับเราส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยมีนิดหน่อยค่ะ
นั่งเรือเพลินๆ ประมาณ 40 กว่านาทีก็ถึงเกาะพยามจนได้
ตอนขึ้นฝั่งมานี่ไม่ทันได้ดูอะไรเลยค่ะ เพราะฝนกำลังตกได้ที่ เอาแต่จ้ำอ้าวกันท่าเดียว
ภาพหน้าเกาะ ขออนุญาตเอารูปตอนวันกลับ (ที่ฟ้าใสและแดดเปรี้ยงแล้ว ) มาให้ชมแล้วกันนะคะ
ป้ายต้อนรับหน้าเกาะ
มีผักบุ้งทะเลขึ้นเต็ม
ตรงส่วนหน้าเกาะมีขยะประปรายนิดหน่อย แต่หาดอื่นๆไม่มีเลยนะคะ ทะเลสะอาดมาก ใครไปก็เก็บขยะกันด้วยนะคะ
เกาะพยามมีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอเมือง
มีป้ายโฆษณารีสอร์ต ที่พัก ร้านอาหาร ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนมาก
บริเวณหน้าเกาะจะมีร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านชำ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม
ที่นี่ไปไหนมาไหนเขาจะใช้มอเตอร์ไซค์กัน มีให้เช่าคันละ 100/วัน แต่เราชาวคณะไม่มีใครขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเลย เลยต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่นี่เขาเรียกแท็กซี่ สนนราคาก็ตั้งแต่ 50 ไปถึง 100 บาท แล้วแต่ระยะทางค่ะ มีแผนที่บอกพิกัดชัดเจน ถ้าแวะหลายที่ก็แล้วแต่จะตกลงกัน
ถนนที่นี่ดีไซน์มาสำหรับมอเตอร์ไซค์เท่านั้นค่ะ มีจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ คันละ 80/วัน
สองข้างทางจะเป็นป่าทั้งนั้นค่ะ รู้สึกว่าเกาะนี้จะมีงูเกือบทุกชนิด ใครเดินสุ่มสี่สุ่มห้าต้องระวังหน่อย
แล้วเราก็มาถึงที่พักของเรา อยู่ริมอ่าวเขาควาย ชื่อ Buffalo Bay Vacation หาเจอจากในเว็บค่ะ
ที่พักก็จะเป็นหลังๆแบบนี้ ที่เราจองเป็นห้องแบบแฟมิลี่ค่ะ พักได้ 4 คน คืนละ 2,500 บาท ที่นี่ถือว่าราคาอยู่ในระดับไฮนะคะ เพราะมีไฟฟ้า และไวไฟบริการ 24 ชั่วโมง ที่เกาะนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ค่ะ ต้องปั่นไฟใช้เอง
สภาพในห้องดีมาก มีเตียงเดี่ยว ผ้าเช็ดตัวสะอาดให้
มีเตียงสองชั้น นอนได้อีกสองคน
มีทีวี ตู้เย็นพร้อมสรรพ ทีวีไทยดูได้แต่ช่อง 3 ค่ะ ไม่รู้ทำไม 555
ห้องน้ำตกแต่งน่ารัก
มีน้ำอุ่นด้วยนะคะ
มาถึงก็ไปเดินดูรอบๆหาดก่อน คนไม่มีเลย เงียบมาก ฝนตกปรอยๆตลอด
อ่าวเขาควาย ลักษณะหาดทรายเป็นทรายละเอียดสีน้ำตาล มีเปลือกหอยทับถมเป็นสีชมพูเป็นหย่อมๆ เสียดายตอนที่ไปฝนตกตลอด ฟ้าเลยไม่ใสเท่าที่ควร
ออกไปไหนไม่ได้เพราะฝนตก เลยต้องทานอาหารกันที่รีสอร์ตนั่นล่ะค่ะ แล้วก็พบกับข่าวร้ายคือ ช่วงนี้เชฟไม่อยู่ค่ะ อาหารหลายเมนู โดยเฉพาะอาหารฝรั่งที่น่ากินมากกกก เลยไม่มี เห็นในเมนูแล้วเสียดายสุดๆ แต่กระนั้นก็พอจะสั่งได้บางอย่าง อาหารจานละ 100 กว่าๆขึ้นไปนะคะ แต่ให้เยอะสมราคา ทานสามคนได้ค่ะ
สลัดฝรั่งเศส ผักสดมาก
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
ของหวาน เป็นแป้งกรอบคล้ายโรตีไส้กล้วยทอดค่ะ เรียกกล้วยห่มผ้า
เพราะฝนตกไปไหนไกลๆไม่ได้ เลยไปเดินกางร่มสำรวจป่าชายเลนแถวนั้นกันค่ะ เจอฝูงนกลงมาที่หาดพอดี
ธงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นสัญลักษณ์ของอะไรกันแน่
ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก
พอกลับมาถึงห้อง ด้วยความเหนื่อยเลยหลับเป็นตายกันเลย รู้สึกตัวอีกทีเย็นแล้ว เลยหาอะไรกิน ที่รีสอร์ตอีกเช่นเคย
หมึกผัดพริกไทยดำ กับต้มยำกุ้งค่ะ ให้เยอะและรสชาติดี
กลางคืนฝนยังตกต่อเนื่องค่ะ เลยไม่ได้ไปไหน ยิ่งฟังพี่ที่ดูแลยิ่งเศร้า เพราะเค้าบอกอาทิตย์ก่อนอากาศดีมากกกกกก ถ้ามาอาทิตย์ก่อนนี่ลงล็อกเป๊ะเลย
เช้าอีกวันมา ก็ทานที่รีสอร์ตเช่นเคย อาหารเช้าตามสั่งค่ะ ที่เห็นนี้จานละ 90-100 บาท
เช้านี้ฝนก็ยังตกเช่นเคย เดินออกไปสำรวจหาด คราวนี้เจอปูเยอะมาก
ถึงฝนจะตก แต่เราต้องออกไปเที่ยวที่อื่นบ้างล่ะ ไม่งั้นจะเสียเที่ยวมาก เลยให้พี่ที่ดูแลรีสอร์ตโทรเรียกแท็กซี่(มอเตอร์ไซค์) มารับค่ะ
อ้อ ลืมบอกไปว่า สัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ มีเอไอเอสใช้ได้อยู่เจ้าเดียวเท่านั้นค่ะ
ที่แรกที่เราไป คือวัดเกาะพยามค่ะ เป็นวัดแห่งเดียวของเกาะนี้
มีโขดหินที่มีปูเกาะแน่นมาก
โบสถ์กลางน้ำ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น