สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะมารีวิวที่เที่ยวอย่างเป็นจริง เป็นจัง หลังจากทุกครั้ง ไปแล้วกลับมาว่าจะรีวิวก็ลืมม ฮ่าๆ ขอแก้ตัวด้วยรีวิวนี้แทนนะคะ ^___^
          การออกเดินทางครั้งนี้ ก็เริ่มจากว่าวันหยุดยาว 3 วัน จะไปที่ไหนกันดีที่ยังไม่เคยไป ในที่สุดเราก็เลือก จังหวัดระนอง เกาะพยาม ช่วงที่เราเลือกเดินทางคือกลางเดือนกรกฎา ก็จะเป็นหน้าฝน เอาล่ะ พอเลือกได้แล้วก็เริ่มดูข้อมูลการเดินทาง ที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปสวยๆ อิอิ (นี่แหล่ะประเด็น ฮ่าๆ) ตอนนั้นโทรไปจองตั๋วรถทัวร์ เราจองของบริษัทโชคอนันต์ทัวร์ ขาไปเราเลือกจองแบบ VIP 32 ในราคา 470.-/คน ไหนๆ เห็นว่าไปไกล นั่งนานก็เลือกที่นั่งที่คิดว่าสบายหน่อยแล้วกัน ก็ได้ตั๋วมาจนได้ สำหรับ 2 ที่นั่งสุดท้าย ฮ่าๆ
แนะนำถ้ามีแพลนจะไปจริงๆ ควรเตรียมตัวล่วงหน้าจะดีมากค่ะ มาเริ่มกันด้วยวันแรกเป็นเย็นวันศุกร์ที่ฝนตกรถติดหนักมาก รถที่เราจองออก 21.00 น. เนื่องจากรถติดหนักมากเรามาถึงที่ท่ารถ 20.55น. วิ่งกันสนุกเลย ฮ่าๆ รถออก 21.00 น. (ถ่ายรูปรถไม่ทันค่ะ) พอขึ้นรถได้เราก็หลับเลย ตื่นอีกที ประมาน 23.30 น. รถจอดแวะให้เรา เข้าห้องน้ำและทานข้าวศูนย์อาหารที่เพชรบุรี(แวะประมาน 30 นาที) อาหารจะเป็นพวกข้าวต้มกุ๊ย ทานกับกับข้าว วางเตรียมจัดไว้ให้บนโต๊ะ นั่งได้โต๊ะละประมาน 8 คน (ออกแนวคล้ายๆโต๊ะจีน) ก้จะงงๆ ผสม ง่วงๆ ฮ่าๆ อร่อยเลยที่เดียว รีบทาน รีบกลับขึ้นรถ นอนต่อ ยาวไปๆ

ในที่สุดก็ถึง ระนอง ตอนประมาน 6.30 น. รวมแล้วใช้เวลาในการเดินทางจาก กรุงเทพฯ-ระนอง 9.30 ชม.(รวมแวะทานข้าวกลางทาง) จริงๆแล้วก่อนขึ้นรถเจ้าหน้าที่เขาจะถามเราว่าจะลงที่ไหน เราก็ลองปรึกษาเขาว่าถ้าจะไปท่าเรือข้ามไปเกาพยามลงที่ไหนสะดวกกว่ากัน เขาแนะนำว่าลงที่บ.โชคอนันต์ เราก็เลือกลงที่ บ.โชคอนันต์ ทัวร์ โชคดีที่เลือกลงที่นี่ ฮ่าๆ มีที่นั่งในห้องแอร์เย็นๆ ห้องน้ำสะอาด แวะล้างหน้า ล้างตา เพื่อความสดชื่น
แล้วก็มีคุณลุงคนนึงขี่สามล้อเข้ามาถามว่าไปไหน เราก็บอกไปว่าจะไปท่าเรือไปเกาะพยาม ตกลงราคากันได้ในราคาคนละ 40.-
แล้วเราก็ขึ้นรถมากับคุณลุง ประมาน 10 นาที ก็ถึงท่าเรือท่านึงชื่อ “บ้านลุงเงาะ” รอบวิ่งเรือก็จะมีตามรูปนี้เลยจ้า ช่วงที่เราไปเป็นช่วง Low Season รอบเรือก็จะมีน้อย ลองสอบถามเขาได้เลยนะคะ
เราถึงท่าเรือประมาน 7.15 น. เราก็ไปเดินเล่นสำรวจแถวหมู่บ้านตรงนั้นก่อน วันนั้นบังเอิญเป็นวันพระใหญ่(วันอาสาฬหบูชา)เราก็เห็นพวกชาวบ้าน น่าจะเป็นชาวมอญแต่งตัวสวยเชียว เราคิดว่าเขาน่าจะเพิ่งกลับจากวัดหลังจากไปทำบุญมา
ท้องร้องแล้ว ได้เวลาเติมพลังสำหรับเช้านี้แล้ว ฮ่าๆ สั่งข้าวเช้าทาน กะว่ามื้อแรกซอฟๆ ละกัน จัดกระเพรา ไข่ดาวไปคนละจาน พอถึงตอนคิดเงิน จานละ 60 บาท ก็อิ่มไปเลย 555
นั่งไปนั่งมาเห็นรถสองแถวขับมาจอดที่ขายตั๋วเรือ แหม่ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนแรก ทำไมมองไม่เห็นรถสองแถว 555 ถ้าขึ้นรถสองแถวมาก็จะได้ในราคาคนละ 15.- ตลอดสายค่ะ
หลังจากนั้น นั่งรอแปปนึงก็จะมีรถมารับเราไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเมล์ไต๋แขก ตรงแถวๆสะพานปลา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเรียกว่าปากคลองนะคะ พอ 10.00 น. ก็ขึ้นเรือ เรือออกจากท่าประมาณ 10.20 น. ถึงเกาะพยาม ตอน 12.20 น. พอดี
อ้อออ! แนะนำนิดนึงค่ะ ทางที่ดีควรซื้อของตุนไว้จาก7/11 ก่อนขึ้นเรือได้เลยนะคะ เพราะที่เกาะ ไม่มี 7/11 แต่จะมีร้านค้าเล็กๆขายของ (แต่ราคาข้ามเกาะก็จะบวกเพิ่มนิดหน่อยค่ะ ถ้าสนใจอุดหนุนชาวบ้าน ขี้เกียจแบกของเยอะ ก็ไปซื้อที่เกาะได้เลยนะคะ)อันดับแรกเราต้องมีมาดูแผนที่บนเกาะกันคร่าวๆก่อน และนี่ก็คือแผนที่ของเกาะค่ะ

พอถึงเกาะพยามเราก็เดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซด์กันก่อนเลย เดินเข้าไปเรื่อยๆ บังเอิญเจอร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซด์ แต่เขาก็มีมอเตอร์ไซด์ไว้ให้เช่าค่ะ ปกติ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ราคา 200.- /วัน ถ้าเกียร์ธรรมดา ราคา 150.- แต่ราคานี้ค่อนข้างหายากค่ะ รถที่เราไปเช่าเป็นเกียร์ธรรมดา ราคา150.- ก็ลองต่อรองราคาดู พี่เขาใจดีลดให้ เหลือ120.- เราเช่า 2 วัน ได้ราคา 240.-  
จากนั้น พอเรามีมอเตอร์ไซด์เรียบร้อยแล้ว เราก็แบกเป้สะพายกล้องขึ้นมอเตอร์ไซด์แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังที่พักก่อนเลย (เราจองผ่านเว็บ booking จองไว้ที่ payam coconut beach resort รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บริเวณอ่าวใหญ่(จุดที่เขาว่ากันว่าเป็นจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกสวยงามที่สุดของเกาะนี้  ขี่รถจากร้านเช่าไปประมาน 5-6 กิโลเมตร ก็ถึงรีสอร์ท(เข้าไปไกลอยู่เหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าหลง 555 เพราะมันวิ่งเข้าไปในเกาะเพื่อไปทะลุอีกฝั่งของเกาะเลยทีเดียว
พอถึงที่พักก็ไม่รีรอ ขออาบน้ำก่อนเลย หลังจากนั่งรถทัวร์มา นั่งเรือ มาหลายชั่วโมง อาบน้ำให้สบายตัวแล้วออกไปเที่ยวกันต่อดีกว่า อิอิ พออาบน้ำเสร็จ เป็นเวลาประมานบ่าย 3 เราก็ออกเดินทาง เริ่มต้นด้วยหาดเขาควาย-หินทะลุ

โชคดีตรงที่ว่า  ไปหาดนี้ตอนนี้แล้วน้ำลดพอดี คนน้อยด้วย ทำให้เราลงไปเดินเล่นถ่ายรูปที่หาดได้ (จุดเด่นของหาดนี้ก็คือ หินทะลุ) เราใช้เวลาอยู่เกาะนี้เกือบ 2 ชั่วโมง เดิน นั่งเล่น ถ่ายรูปเล่น ชิวๆ เพลินจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ทานข้าวนี่นา ฮ่าๆ พอนึกขึ้นได้ปุ๊ป ก็หิวปั๊ป 555 ไปหาอะไรทานกันต่อดีกว่า แล้วเราก็ออกเดินทางต่อ เพื่อหาข้าวทาน เราขี่รถกลับมาเรื่อยๆ ทางกลับที่พักตรงอ่าวใหญ่ ก็เจอร้านข้าวอยู่ร้านนึง ชื่อว่าร้าน “แม่ไก่” ร้านนี้ดูน่านั่ง แต่ไม่ติดทะเลนะคะ
เราสั่ง ข้าวกุ้ง+ตับทอดกระเทียมราดข้าว(120.-) , ข้าวผัดกระเพราหมูสับ(80.-), ต้มแซ่บหมู(60.-)  รสชาติอาหารก็อร่อยอยู่นะคะ แต่มื้อนี้หมดค่าเสียหายไป 260.- ฮ่าๆ สบายพุงงงเลย ทานข้าวเสร็จก็เริ่มมืดแล้ววว กลับที่พักดีกว่ากะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่หน้าที่พัก แต่ฟ้าไม่เป็นใจ เมฆบังดวงอาทิตย์ ฝนเริ่มตก ทำให้มองไม่เห็นดวงอาทิตย์ เลยทำได้แค่กลับไปพักผ่อนชิวๆ ที่บ้านพัก เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วง Low Season ร้านนั่งชิลตอนกลางคืนแถวนั้นไม่ค่อยมี หรือว่ามีแล้วเราไม่เห็นไม่รู้นะ ฮ่าๆ ก็เลยไม่ได้ออกไปไหนตอนกลางคืน...