credit : bangkokbiznews.com
------
"บัณฑูร"วอนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ยุติความขัดแย้ง แสดงให้ดูได้ไหมว่า "ฉันรักประเทศไทย"
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศขณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจในระยะสั้นอย่างแน่นอน โดยมีปฎิกริยาเฉพาะหน้าต่อตลาดการเงินในทันที เช่น การลงทุนในตลาดหุ้น และการลงทุนในกองทุนต่างๆ เนื่องจากนักลงทุน และผู้บริโภคชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อรอความชัดเจนที่มากขึ้นก่อน รวมถึงการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ
"ผลกระทบมันมีอยู่แล้ว ร้านค้า ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เตรียมรับทรัพย์ก็กระทบทันที ถ้าไม่จบก็ลากยาวไป ไม่ต้องพูดถึงมาตรการทางเศรษฐกิจ ทุกอย่างก็เตรียมตัวแล้ว ระบบธนาคารพาณิชย์ ก็เตรียม แต่คนจะกู้อะไรมากมาย เป็นความเสี่ยงที่ปิดไม่ลง" นายบัณฑูร กล่าว
สำหรับทางออกของปัญหาทางการเมือง มองว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงความเป็นผู้ใหญ่ให้มาก และยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
"ไม่ได้ตัดสินว่ายุบหรือไม่ยุบ ลาออกหรือไม่ออก แต่ตัดสินตรงที่มีกรอบกติกาอะไรที่คนจะยอมกันได้ อันนั้นสำคัญกว่า มีลักษณะของจิตอย่างไรที่จะทำให้ไม่ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง ทั้งโดยตรงและโดยนัยยะ แล้วคนผู้น้อยตอนนี้จะพึ่งอะไร คนผู้ใหญ่ก็ยังพึ่งไม่ได้ อยู่ที่สภาวะของผู้ใหญ่แสดงให้ดูหน่อยได้ไหมว่า ฉันรักประเทศไทย" นายบัณฑูร กล่าว
ส่วนการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปีหน้า คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4-5% ส่วนการส่งออกขยายตัว 6-7% และการขยายตัวของสินเชื่อรวมทั้งระบบอยู่ที่ 8-9% โดยจะมีแรงกระตุ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทั้งนี้หากประเทศไทยสามารถเพิ่มปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมืองได้ จะยิ่งส่งเสริมภาคการผลิต การจ้างงาน การใช้จ่าย การลงทุน และการท่องเที่ยว ได้มากขึ้นอีกด้วย
"เศรษฐกิจโตได้ 4-5% ก็เก่งแล้ว มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากระตุ้น และถ้ามีความสงบ นักท่องเที่ยว นักลงทุน ก็มาอยู่แล้ว โดยรวมก็จะกระเตื้องขึ้น ระบบธนาคารก็คงปล่อยสินเชื่อ 8-9% ระวังไม่ให้เสี่ยงจนเกินไป คงพอไปได้ ค่อยๆฟื้นจนกว่าโครงสร้างพื้นฐานจะแน่นกว่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้" นาย บัณฑูร กล่าว
'บัณฑูร' วอนผู้ใหญ่สองฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง
------
"บัณฑูร"วอนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ยุติความขัดแย้ง แสดงให้ดูได้ไหมว่า "ฉันรักประเทศไทย"
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศขณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจในระยะสั้นอย่างแน่นอน โดยมีปฎิกริยาเฉพาะหน้าต่อตลาดการเงินในทันที เช่น การลงทุนในตลาดหุ้น และการลงทุนในกองทุนต่างๆ เนื่องจากนักลงทุน และผู้บริโภคชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อรอความชัดเจนที่มากขึ้นก่อน รวมถึงการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ
"ผลกระทบมันมีอยู่แล้ว ร้านค้า ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เตรียมรับทรัพย์ก็กระทบทันที ถ้าไม่จบก็ลากยาวไป ไม่ต้องพูดถึงมาตรการทางเศรษฐกิจ ทุกอย่างก็เตรียมตัวแล้ว ระบบธนาคารพาณิชย์ ก็เตรียม แต่คนจะกู้อะไรมากมาย เป็นความเสี่ยงที่ปิดไม่ลง" นายบัณฑูร กล่าว
สำหรับทางออกของปัญหาทางการเมือง มองว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงความเป็นผู้ใหญ่ให้มาก และยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
"ไม่ได้ตัดสินว่ายุบหรือไม่ยุบ ลาออกหรือไม่ออก แต่ตัดสินตรงที่มีกรอบกติกาอะไรที่คนจะยอมกันได้ อันนั้นสำคัญกว่า มีลักษณะของจิตอย่างไรที่จะทำให้ไม่ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง ทั้งโดยตรงและโดยนัยยะ แล้วคนผู้น้อยตอนนี้จะพึ่งอะไร คนผู้ใหญ่ก็ยังพึ่งไม่ได้ อยู่ที่สภาวะของผู้ใหญ่แสดงให้ดูหน่อยได้ไหมว่า ฉันรักประเทศไทย" นายบัณฑูร กล่าว
ส่วนการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปีหน้า คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4-5% ส่วนการส่งออกขยายตัว 6-7% และการขยายตัวของสินเชื่อรวมทั้งระบบอยู่ที่ 8-9% โดยจะมีแรงกระตุ้นจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทั้งนี้หากประเทศไทยสามารถเพิ่มปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมืองได้ จะยิ่งส่งเสริมภาคการผลิต การจ้างงาน การใช้จ่าย การลงทุน และการท่องเที่ยว ได้มากขึ้นอีกด้วย
"เศรษฐกิจโตได้ 4-5% ก็เก่งแล้ว มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากระตุ้น และถ้ามีความสงบ นักท่องเที่ยว นักลงทุน ก็มาอยู่แล้ว โดยรวมก็จะกระเตื้องขึ้น ระบบธนาคารก็คงปล่อยสินเชื่อ 8-9% ระวังไม่ให้เสี่ยงจนเกินไป คงพอไปได้ ค่อยๆฟื้นจนกว่าโครงสร้างพื้นฐานจะแน่นกว่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้" นาย บัณฑูร กล่าว