เมื่อวันอาทิตย์ออกไปปั่นด้วยเหตุผล 3 ข้อครับ
1.ซ้อมเตรียมตัววันอาทิตย์ที่ 1 ทริปน้าวี ขาโฉด
2.รับปากน้าเชษฐ์ จะพาทัวร์ถนนเส้นนี้ แต่ผมยังไม่เคยเล้ย
3.ลองใส่คลีตครั้งแรกในชีวิต
เริ่มออกจากบ้านตอนตี 4.30น. ปั่นบนถนนสุขุมวิท ไปอำเภอแกลง แยกซ้ายไป สุนทรภู่ ระยะประมาณ 65 กม.
ซึ่งถนนสายเฉลิมบูรพาชลทิตจะมีจุดเริ่มต้น ที่ข้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ครับ
เส้นทางก็ออกแบบมาให้นักปั่นจักรยานได้ดีครับ
พอมาถึงหลัก กม.10 ก็จะมีการก่อสร้างสะพานข้ามปากน้ำประแสร์
ลักษณะสะพานเหมือนกับสะพานข้ามปากน้ำแขมหนูหรือสะพานข้ามปากน้ำแหลมสิงห์
รถทุกชนิดยังไม่สามารถใช้งานได้
ภาพนี้ถ่ายบนสะพาน จะเห็นตลาดประแสร์ มีชาวประมง และแรงงานต่างชาติมากมาย
ถามคนที่ก่อสร้าง บอกว่าจะแล้วเสร็จอีก ประมาณไม่เกิน 1 ปี
แล้วกระผมจะทำยังไงเนี่ย ได้รับคำแนะนำว่าให้รอเรือโดยสาร ค่าโดยสาร 20 บาท
ข้ามมาได้แล้วก็ออกเดินทางต่อ ที่หลัก กม. 13
มาถึง กม. 24 แวะเติมพลัง ที่ร้านป้าใจดี
ปั่นมาถึง กม.47 แม่บ้านโทรให้กลับไปกินข้าวเที่ยง เลยล้มเลิก 200 กม.
ได้แค่ 130 กม.ด้วยเวลาที่นานมาก เพราะจอดปรับรองเท้าคลีต ทุกๆ 10 กม. ยังไม่ลงตัว
สรุปว่า การใส่รองเท้าคลีต ทำให้สมรรถภาพการปั่นลดลง อย่างเห็นได้ชัด
ท้ายสุด เกือบถึงบ้าน ผมทำกระบอกน้ำหล่น เลยเบรคกระทันหัน รถหยุดแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถอดคลีต
ยอมรับสภาพ เกร็งตัวเอาไหล่ลง แต่ไม่รู้ว่าลงมายืนเองได้ยังไง แบบงงๆ ครับ
อีก 1 ปี ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต จะเปิดให้ชาวจักรยานเต็มเส้นทางครับ
1.ซ้อมเตรียมตัววันอาทิตย์ที่ 1 ทริปน้าวี ขาโฉด
2.รับปากน้าเชษฐ์ จะพาทัวร์ถนนเส้นนี้ แต่ผมยังไม่เคยเล้ย
3.ลองใส่คลีตครั้งแรกในชีวิต
เริ่มออกจากบ้านตอนตี 4.30น. ปั่นบนถนนสุขุมวิท ไปอำเภอแกลง แยกซ้ายไป สุนทรภู่ ระยะประมาณ 65 กม.
ซึ่งถนนสายเฉลิมบูรพาชลทิตจะมีจุดเริ่มต้น ที่ข้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ครับ
เส้นทางก็ออกแบบมาให้นักปั่นจักรยานได้ดีครับ
พอมาถึงหลัก กม.10 ก็จะมีการก่อสร้างสะพานข้ามปากน้ำประแสร์
ลักษณะสะพานเหมือนกับสะพานข้ามปากน้ำแขมหนูหรือสะพานข้ามปากน้ำแหลมสิงห์
รถทุกชนิดยังไม่สามารถใช้งานได้
ภาพนี้ถ่ายบนสะพาน จะเห็นตลาดประแสร์ มีชาวประมง และแรงงานต่างชาติมากมาย
ถามคนที่ก่อสร้าง บอกว่าจะแล้วเสร็จอีก ประมาณไม่เกิน 1 ปี
แล้วกระผมจะทำยังไงเนี่ย ได้รับคำแนะนำว่าให้รอเรือโดยสาร ค่าโดยสาร 20 บาท
ข้ามมาได้แล้วก็ออกเดินทางต่อ ที่หลัก กม. 13
มาถึง กม. 24 แวะเติมพลัง ที่ร้านป้าใจดี
ปั่นมาถึง กม.47 แม่บ้านโทรให้กลับไปกินข้าวเที่ยง เลยล้มเลิก 200 กม.
ได้แค่ 130 กม.ด้วยเวลาที่นานมาก เพราะจอดปรับรองเท้าคลีต ทุกๆ 10 กม. ยังไม่ลงตัว
สรุปว่า การใส่รองเท้าคลีต ทำให้สมรรถภาพการปั่นลดลง อย่างเห็นได้ชัด
ท้ายสุด เกือบถึงบ้าน ผมทำกระบอกน้ำหล่น เลยเบรคกระทันหัน รถหยุดแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถอดคลีต
ยอมรับสภาพ เกร็งตัวเอาไหล่ลง แต่ไม่รู้ว่าลงมายืนเองได้ยังไง แบบงงๆ ครับ