คัมภีร์ตรรกะวินาศ: Logical Fallacies….รวมสารพัดการ"แถ"
ท่านเคยคิดว่าท่านเป็นคนมีเหตุมีผลใช่ใหมครับ? ท่านคิดว่าที่ีท่านทั้งตั้งกระทู้หรือว่าตอบกระทู้ล้วนผ่านการกลั่นกรองด้วยเหตุและผล มีตรรกะที่สมบูรณ์ และมองฝ่ายตรงข้ามกับท่านว่าเป็นพวกไม่มีเหตุผล ท่านอาจคิดว่าคำพูดของนักการเมืองทั้งหลายนั้นมีพื้นฐานอยู่บนหลักของเหตุและผล
อย่ากระนั้นเลย ลองมาดูว่าเหล่าปรามาจารย์ผู้ให้กำเนิดหลักการใช้ตรรกกะในการถกเถียงอย่าง Plato, Socrates, และ Aristotle ให้ความเห็นเรื่องตรรกะลวง (Logical Fallacy) หรือที่เราเรียกว่า "แถ"อย่างไรกันบ้าง
แล้วท่านจะรู้ว่าการเมืองและสังคมไทยป่วยทางด้านการเหตุผลแค่ไหน...
แถขนิดที่1. Strawman (หุ่นฟาง)
- การนำเอาข้อถกเถียงของฝ่ายตรงข้ามมาแปลความหมายอย่างผิดๆเพื่อให้ง่ายต่อการตอบโต้
เช่นการหยิบคำพูดของฝ่ายตรงข้ามมาบิด ขยายความ ให้ความหมายผิดไปจากเดิม ตัวผู้ตอบโต้ก็จะดูเป็นคนมีเหตุผล (แบบแถๆ)
แถขนิดที่2. slippery slope (แถ-ลง)
- การคิดเองเออเองว่าถ้า ก. เกิดขี้น ข.จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้น เราไม่สามารถปล่อยให้ ก. เกิดขึ้นได้
เหมือนจะเป็นเหตุเป็นผลแต่แท้จริงมันคือการคาดคะเน ไม่ใช่หลักตรรกะอย่างแท้จริง
แถขนิดที่3. Special Pleading (เปลี่ยนจุดยืน)
- การเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อธงที่ตั้งไว้ได้แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นความจริง ก็เปลี่ยนเป้าไปเรื่อยๆเพื่อให้ฝ่ายตัวเองดูเสมือนว่ามีเหตุผลในการกระทำ เช่นการชุมนุมไล่รัฐบาลเพราะเรื่องการนิรโทษกรรม เมื่อรัฐบาลถอนก็อ้างเหตุผลอื่นเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองไปเรื่อยๆ
แถขนิดที่4. The Gambler's Fallacy (คิดแบบผีพนัน)
- การให้เหตุผลว่าถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงเวลาหนึ่งๆ สิ่งนั้นจะลดลงในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนนักพนันที่แพ้หลายๆตาติดกันแลัวเชื่อว่าจะต้องชนะบ้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงการออกแต่ละรอบของไพ่/รูเล็ต ไม่ได้เชื่อมโยงแต่แยกเป็นครั้งๆไปเป็นเอกเทศต่อกัน
แถขนิดที่5. Black-or-White (คิดแบบขาว-ดำ)
- การมองอะไรเป็นขาวและดำ โดยมองข้ามความเป็นไปได้ในส่วนอืนๆไปเช่นการมองว่า สุเทพเป็นคนเลว (หรือ สุเทพเป็นคนดี ) เพราะในความเป็นจริงคนเรามันมีทั้งด้านดีและเลวในคนเดียวกัน
เดี๋ยวจะมาต่อวันหลัง ยังเหลืออีกเยอะ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน
คัมภีร์ตรรกะวินาศ: Logical Fallacies….รวมสารพัดการ"แถ"
คัมภีร์ตรรกะวินาศ: Logical Fallacies….รวมสารพัดการ"แถ"
ท่านเคยคิดว่าท่านเป็นคนมีเหตุมีผลใช่ใหมครับ? ท่านคิดว่าที่ีท่านทั้งตั้งกระทู้หรือว่าตอบกระทู้ล้วนผ่านการกลั่นกรองด้วยเหตุและผล มีตรรกะที่สมบูรณ์ และมองฝ่ายตรงข้ามกับท่านว่าเป็นพวกไม่มีเหตุผล ท่านอาจคิดว่าคำพูดของนักการเมืองทั้งหลายนั้นมีพื้นฐานอยู่บนหลักของเหตุและผล
อย่ากระนั้นเลย ลองมาดูว่าเหล่าปรามาจารย์ผู้ให้กำเนิดหลักการใช้ตรรกกะในการถกเถียงอย่าง Plato, Socrates, และ Aristotle ให้ความเห็นเรื่องตรรกะลวง (Logical Fallacy) หรือที่เราเรียกว่า "แถ"อย่างไรกันบ้าง
แล้วท่านจะรู้ว่าการเมืองและสังคมไทยป่วยทางด้านการเหตุผลแค่ไหน...
แถขนิดที่1. Strawman (หุ่นฟาง)
- การนำเอาข้อถกเถียงของฝ่ายตรงข้ามมาแปลความหมายอย่างผิดๆเพื่อให้ง่ายต่อการตอบโต้
เช่นการหยิบคำพูดของฝ่ายตรงข้ามมาบิด ขยายความ ให้ความหมายผิดไปจากเดิม ตัวผู้ตอบโต้ก็จะดูเป็นคนมีเหตุผล (แบบแถๆ)
แถขนิดที่2. slippery slope (แถ-ลง)
- การคิดเองเออเองว่าถ้า ก. เกิดขี้น ข.จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้น เราไม่สามารถปล่อยให้ ก. เกิดขึ้นได้
เหมือนจะเป็นเหตุเป็นผลแต่แท้จริงมันคือการคาดคะเน ไม่ใช่หลักตรรกะอย่างแท้จริง
แถขนิดที่3. Special Pleading (เปลี่ยนจุดยืน)
- การเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อธงที่ตั้งไว้ได้แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นความจริง ก็เปลี่ยนเป้าไปเรื่อยๆเพื่อให้ฝ่ายตัวเองดูเสมือนว่ามีเหตุผลในการกระทำ เช่นการชุมนุมไล่รัฐบาลเพราะเรื่องการนิรโทษกรรม เมื่อรัฐบาลถอนก็อ้างเหตุผลอื่นเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองไปเรื่อยๆ
แถขนิดที่4. The Gambler's Fallacy (คิดแบบผีพนัน)
- การให้เหตุผลว่าถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงเวลาหนึ่งๆ สิ่งนั้นจะลดลงในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนนักพนันที่แพ้หลายๆตาติดกันแลัวเชื่อว่าจะต้องชนะบ้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงการออกแต่ละรอบของไพ่/รูเล็ต ไม่ได้เชื่อมโยงแต่แยกเป็นครั้งๆไปเป็นเอกเทศต่อกัน
แถขนิดที่5. Black-or-White (คิดแบบขาว-ดำ)
- การมองอะไรเป็นขาวและดำ โดยมองข้ามความเป็นไปได้ในส่วนอืนๆไปเช่นการมองว่า สุเทพเป็นคนเลว (หรือ สุเทพเป็นคนดี ) เพราะในความเป็นจริงคนเรามันมีทั้งด้านดีและเลวในคนเดียวกัน
เดี๋ยวจะมาต่อวันหลัง ยังเหลืออีกเยอะ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน