สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวก้นครัว และ น้าๆชาวหลังคัน(เบ็ด)
เมื่อเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปหากับข้าวกลางอ่าวไทย ก็ตามประสาคนชอบตกปลาอ่ะครับ ว่างหรือมีเวลาเป็นไม่ได้ จะต้องไปหากับข้าวกินเสมอ ถึงแม้ว่า บางทีอาจจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป หรือ แม้แต่ชีวิตที่อาจจะดับเอาง่ายๆ เหตุผลเดียวคือ เพราะชอบและใจรัก
แบบเดียวกับเหตุการณ์ที่ผมได้พบมา ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตเลยทีเดียว และทำให้รู้รสชาติของชีวิตมากขึ้น กับการที่ต้องนั่งเรือกลางพายุฝน ซึ่งมาแบบไม่ได้ตั้งตัว และรู้เลยว่า ชาวประมง ที่ต้องออกทะเลหาปลาขายเลี้ยงชีพ มันเสี่ยงขนาดไหน ผมออกเรือตกปลาทะเลก้หลายครั้ง ทั้งแบบจิ๊บๆชายฝั่ง ยัน หมายนอกหลายๆสิบไมค์จากฝั่ง ก็ไม่เค๊ย..ไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
ผมจึงเข้าใจเลยครับ กับความหมายที่ว่า คนเรามันจะรู้คุณค่าของชีวิต ก็ตรงที่เห็นความตายลอยมาอยู่ตรงหน้า ก็ครั้งนี้นี่เอง ลูกเมีย จะอยู่ยังไง ถ้าเราไม่อยู่ พี่น้องเพื่อนฝูงและครอบครัว จะเป็นห่วงเราแค่ไหน ถ้าเราหายไปกลางทะเล สุดท้าย ศพผมจะมีคนเจอหรือเปล่า จะลอยอึดไปถึงไหน แต่คงไปไม่ถึงเกาะพะงันมั๊ง สภาพคงไม่น่าดู หรือ อาจจะจำไม่ได้เลย คงไม่โชคดีเหมือนในหนังเรื่อง Cast Away ถ้าเป็นหรือ โชคดีแบบนั้น ผมคงมีลูกมะพร้าวเป็นเพื่อน ชื่อ ทิดรอด แทนลูกวอลเลย์บอลแบบ มิสเตอร์ วิลสัน ของน้าทอมแฮงค์
โม้มาก็ยืดยาว รอดมาได้ก็ถือว่าดวงยังดี ยังได้กลับมาให้เมียด่า ก็ถือว่ายังมีบุญอยู่ มาครับ มาดูเรื่องราวประกาบภาพกันดีกว่า
ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่อง ลางสังหรณ์ นะครับ แต่ก่อนออกจากบ้าน
เตือนครั้งที่ ๑ จิ้งจกร้องทัก ฮ่าๆ
เตือนครั้งที่ ๒ ยางรถโดนตะปู
เตือนครั้งที่ ๓ หลอดยาดมแตกเต็มกางเกง อยากจะบอกว่าแสบห้องเครื่องสุดๆ
กว่าจะมาถึงท่าเรือ (ห้องเย็น สัตหีบ) ก็ปาไป สี่โมงเย็น ออกมาตั้งแต่บ่ายโมงจาก ระยอง นะ
เสบียงเพียบ
สภาพก่อนออกเดินทาง ดูสงบดีนะ
ประมงชายฝั่งก็ปกตี ได้ปลาเพียบ แอบคิดในใจ งานนี้มีเฮแน่ๆ ขนาดชายฝั่งยังได้กันเยอะ กลางอ่าวจะขนาดไหน
หาเอง ทำเอง กินเอง ตอน เกือบดับกลางอ่าวไทย เพราะ เก๋าสามรส กะ หมึกน้ำดำ
เมื่อเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปหากับข้าวกลางอ่าวไทย ก็ตามประสาคนชอบตกปลาอ่ะครับ ว่างหรือมีเวลาเป็นไม่ได้ จะต้องไปหากับข้าวกินเสมอ ถึงแม้ว่า บางทีอาจจะไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป หรือ แม้แต่ชีวิตที่อาจจะดับเอาง่ายๆ เหตุผลเดียวคือ เพราะชอบและใจรัก
แบบเดียวกับเหตุการณ์ที่ผมได้พบมา ถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตเลยทีเดียว และทำให้รู้รสชาติของชีวิตมากขึ้น กับการที่ต้องนั่งเรือกลางพายุฝน ซึ่งมาแบบไม่ได้ตั้งตัว และรู้เลยว่า ชาวประมง ที่ต้องออกทะเลหาปลาขายเลี้ยงชีพ มันเสี่ยงขนาดไหน ผมออกเรือตกปลาทะเลก้หลายครั้ง ทั้งแบบจิ๊บๆชายฝั่ง ยัน หมายนอกหลายๆสิบไมค์จากฝั่ง ก็ไม่เค๊ย..ไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน
ผมจึงเข้าใจเลยครับ กับความหมายที่ว่า คนเรามันจะรู้คุณค่าของชีวิต ก็ตรงที่เห็นความตายลอยมาอยู่ตรงหน้า ก็ครั้งนี้นี่เอง ลูกเมีย จะอยู่ยังไง ถ้าเราไม่อยู่ พี่น้องเพื่อนฝูงและครอบครัว จะเป็นห่วงเราแค่ไหน ถ้าเราหายไปกลางทะเล สุดท้าย ศพผมจะมีคนเจอหรือเปล่า จะลอยอึดไปถึงไหน แต่คงไปไม่ถึงเกาะพะงันมั๊ง สภาพคงไม่น่าดู หรือ อาจจะจำไม่ได้เลย คงไม่โชคดีเหมือนในหนังเรื่อง Cast Away ถ้าเป็นหรือ โชคดีแบบนั้น ผมคงมีลูกมะพร้าวเป็นเพื่อน ชื่อ ทิดรอด แทนลูกวอลเลย์บอลแบบ มิสเตอร์ วิลสัน ของน้าทอมแฮงค์
โม้มาก็ยืดยาว รอดมาได้ก็ถือว่าดวงยังดี ยังได้กลับมาให้เมียด่า ก็ถือว่ายังมีบุญอยู่ มาครับ มาดูเรื่องราวประกาบภาพกันดีกว่า
ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่อง ลางสังหรณ์ นะครับ แต่ก่อนออกจากบ้าน
เตือนครั้งที่ ๑ จิ้งจกร้องทัก ฮ่าๆ
เตือนครั้งที่ ๒ ยางรถโดนตะปู
เตือนครั้งที่ ๓ หลอดยาดมแตกเต็มกางเกง อยากจะบอกว่าแสบห้องเครื่องสุดๆ
กว่าจะมาถึงท่าเรือ (ห้องเย็น สัตหีบ) ก็ปาไป สี่โมงเย็น ออกมาตั้งแต่บ่ายโมงจาก ระยอง นะ
เสบียงเพียบ
สภาพก่อนออกเดินทาง ดูสงบดีนะ
ประมงชายฝั่งก็ปกตี ได้ปลาเพียบ แอบคิดในใจ งานนี้มีเฮแน่ๆ ขนาดชายฝั่งยังได้กันเยอะ กลางอ่าวจะขนาดไหน