ทุ่ม2หมื่นล้านปลุกค้าปลีก ศุภลักษณ์ ยึดสุขุมวิทดันรายได้แสนล.ใน5ปี



ทุ่ม 2 หมื่นล้านสร้างอาณาจักรใหม่ "ศุภลักษณ์ อัมพุช" เผยโฉม 3Em "ดิ เอ็มโพเรี่ยม-ดิ เอ็มควอเทียร์ -ดิ เอ็มสเฟียร์" บนพื้นที่ 50 ไร่ เนรมิตเป็นย่านช็อปปิ้งแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท ด้วยรูปลักษณ์และแนวคิดที่แตกต่างจาก "สยามพารากอน" มั่นใจพร้อมเปิดให้บริการอย่างอลังการในปี 2559

ขณะที่ปีหน้าเตรียมปรับโครงสร้างบอร์ดบริหารกลุ่มเดอะ มอลล์ กรุ๊ป รองรับการขยายงานและมุ่งสร้างรายได้ทะลุแสนล้านในอีก 5 ปี

นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะ มอลล์ , สยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรี่ยม เปิดเผยว่า บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทในการพัฒนาศูนย์การค้าจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ การปรับปรุง (รีโนเวต) ดิ เอ็มโพเรี่ยม (The Emporium) ซึ่งเปิดให้บริการมานาน 16 ปีใหม่ทั้งหมดด้วยงบลงทุนราว 7 พันล้านบาท โดยเริ่มปรับปรุงในปีนี้และเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2557, การก่อสร้างศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ (The EmQuartier) ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทฝั่งตรงข้ามดิ เอ็มโพเรี่ยม งบลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างแล้วและจะเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปลายปี 2557 และโครงการดิ เอ็มสเฟียร์ (The Emsphere) ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งเดียวกับดิ เอ็มโพเรี่ยม ติดกับสวนเบญจสิริ อีกกว่า 7 พันล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2557 และเสร็จในปี 2559 โดยทั้ง 3 ศูนย์จะถูกเชื่อมต่อกัน และเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี 2559 ส่งผลให้มีพื้นที่รวมกันกว่า 6.5 แสนตารางเมตร

"เป้าหมายของเราคือการสร้างให้ย่านดังกล่าวเป็นย่านธุรกิจและช็อปปิ้งแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท โดดเด่นทั้งตัวสถาปัตยกรรมของศูนย์การค้า และการรวมตัวกันของร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลกกว่า 1 พันร้านค้า ทั้งในกลุ่มแฟชั่น ลักชัวรี เทคโนโลยี เฮลธ์แอนด์บิวตี้ ลิฟวิ่ง และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น โดยที่นี่ยังเป็นการรวมร้านค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในเอเชียด้วย" นางสาวศุภลักษณ์กล่าวและว่า

ที่นี่จะถูกเนรมิตมีความโดดเด่นและแตกต่างจากสยามพารากอน ซึ่งเป็น The Jewel of Asia หรือเปรียบเหมือนย่านกินซ่าในประเทศญี่ปุ่น แต่ 3 Em เมื่อรวมกันแล้วจะเปรียบเหมือนย่านโอโมเตะ ซันโดะ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใหม่ ที่เน้นความทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นเช่นกัน

อย่างไรก็ดี การเติบโตของย่านสุขุมวิท เมื่อเปรียบเทียบกับย่านสีลม หรือย่านสยาม ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาย่านสุขุมวิท มีการเติบโตของทั้งภาคธุรกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากกว่า 1 หมื่นยูนิตและเป็นคอนโดฯที่มีราคาสูง นอกจากนี้ยังมีภาคค้าปลีกที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ย่านสยาม ถูกพัฒนาจนเต็มพื้นที่ ส่วนย่านสีลมก็เป็นย่านธุรกิจสำคัญ ขาดภาคค้าปลีก ในทำเลดังกล่าวถือเป็นแม็กเนตสำคัญและเป็นที่ดินผืนสุดท้ายบนสุขุมวิทก็ว่าได้ ซึ่งบริษัทเองใช้เวลาในการรวบรวมที่ดินกว่าจะได้เป็นผืนใหญ่และพัฒนาเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่นาน 3-5 ปีเลยทีเดียว

"เดอะ มอลล์ เลือกที่จะไม่ทำเยอะ แต่เลือกหาเพชร ไม่มองหาพลอย ในรัศมี 10 กิโลเมตรนี้ ถือว่า ดิ เอ็มโพเรี่ยม , ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ไม่มีคู่แข่งเลย จะมีก็แต่คอมมิวนิตี มอลล์เล็กๆ ขณะที่ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่บนคอนโดฯ ทำงานบนตึกสูง นิยมจะออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีเวลาในการท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าจำกัด จึงนิยมช็อปปิ้งในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายครบครัน ดังนั้นบริษัทจึงเชื่อมั่นว่าด้วยรูปแบบ แนวคิด และการพัฒนาศูนย์การค้าใหม่ทั้งดิ เอ็มควอเทียร์และดิ เอ็มสเฟียร์ครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการตอบรับของผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจจองพื้นที่ส่งผลให้ดิ เอ็มควอเทียร์มียอดจองพื้นที่เต็ม 100% ในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนดิ เอ็มสเฟียร์ จะเริ่มเปิดให้จองในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจองพื้นที่หมดอย่างรวดเร็วเช่นกัน"

นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทมีแผนจะเปิดโครงสร้างบริษัทใหม่ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างและคณะกรรมการบริหารบริษัท (บอร์ด) ใหม่ในปีนี้ พร้อมสรรหาผู้บริหารในระดับกลางและระดับสูงเข้ามาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งในส่วนของทีมการตลาด ทีมก่อสร้าง ทีมวางแผน ฯลฯ เพื่อเป็นการรองรับการขยายงานที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทจะเปิดตัวโครงการลงทุนทั้งหมดซึ่งมีอยู่ราว 5-6 โครงการใหม่อีกครั้งในปีหน้าด้วย ซึ่งจะรวมถึงโครงการศูนย์การค้าในย่านบางนาด้วย

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้กว่า 4.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 5-7% และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2561

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 21 - 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ติดตาม Maibat Fanpage https://www.facebook.com/maibat.thailand
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่