จขกท.เพิ่งได้รับอนุมัติวีซ่าอยู่อาศัยประเทศสวีเดน มีอายุ 2 ปีค่ะ เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะขอวีซ่าประเภทนี้
ขอเกริ่นนิดนึง ตัวจขกท.เอง ทำงานอยู่บริษัทรถยนต์ชั้นนำของสวีเดน (ขอไม่ระบุยี่ห้อนะคะ) ในตำแหน่งหัวหน้างาน ได้มีโอกาสบินไปต่างประเทศพอสมควร โดยเฉพาะได้ไปประชุมที่ประเทศสวีเดน 1 ครั้งก่อนจะเจอกับแฟน ซึ่งแฟนเป็นชาวโรมาเนียมาทำงานที่ประเทศสวีเดนตั้งแต่ปี 2007 ในตำแหน่ง Technical Trainer เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วก็ได้พบกับแฟนและตกลงเป็นแฟนกัน เพิ่งจะหมั้นกันไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เมื่อเราตกลงว่าจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศสวีเดนเราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าอยู่อาศัย (เรียกย่อๆ ว่า UT Visa) ตามเว็บต่างๆ แต่ละคนก็จะมีเงื่อนไขและระยะเวลาในการพิจารณาแตกต่างกันไป
หลังจากที่สรุปได้แล้วว่าจะขอวีซ่าอยู่อาศัยแน่ๆ เราก็วางแผนการเดินทางโดยขอวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น 3 เดือนไปก่อน 1 ครั้ง เพื่อให้มีเวลาใช้ชีวิตและได้ศึกษาวัฒนธรรม ภาษา และสภาพแวดล้อมก่อนจะไปอยู่จริงค่ะ โดยแฟนเป็นคนรับรองการเดินทางให้ทุกอย่าง เราลาออกจากงานที่ทำอยู่และได้เดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ในยุโรป ทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ และโรมาเนียบ้านเกิดของแฟน เพิ่งกลับมาเมืองไทยเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (วีซ่าท่องเที่ยวหมดอายุ)
หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวในการยื่นขอวีซ่าอยู่อาศัยทันทีค่ะ (ทำความเข้าใจก่อนนะคะ วีซ่าอยู่อาศัยไม่ใช่วีซ่าถาวร วีซ่าถาวร Permanent Uppehållstillstånd หรือ PUT เป็นวีซ่าที่จะสามารถยื่นขอได้ต่อเมื่อได้รับวีซ่าอยู่อาศัยแล้วอย่างน้อย 2 ปี) เอกสารที่ต้องเตรียมในกรณียื่นเอกสารออนไลน์ กับไมเกรชั่น (Migrationsverket) มีดังนี้
1. พาสปอร์ต และทุกหน้าที่มีการเดินทางเข้าออกประเทศสวีเดน และจะต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 2 ปี (กรณีของจขกท.ต้องไปทำพาสปอร์ตใหม่ก่อนไปสัมภาษณ์ค่ะ เพราะเหลือแค่ปีเดียว)
2. เอกสารใบรับรองโสด หรือทะเบียนสมรส กรณีสมรสแล้ว (Certificate of Marital Status)
3. เอกสารยืนยันการตั้งครรภ์ กรณีตั้งครรภ์
4. สูติบัตรของบุตร กรณียื่นขอพร้อมบุตร
5. เอกสารของผู้รับรอง (Personbevis) ซึ่งขอได้จากกรมสรรพากรของสวีเดน (Skattverket)
6. หลักฐานความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่าย หรืออีเมล์ ที่มีการติดต่อกันระหว่างผู้รับรองกับเรา
เอกสารทั้งหมดนี้ ถ้าเป็นเอกสารราชการของไทย ต้องนำไปแปลที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ
(แนะนำให้ไปหาร้านแปลแถวๆ นั้นจะไม่ต้องเสียเวลา เพราะว่าเจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวด อย่าริแปลเองเชียวนะคะ จะเสียน้อยเสียยาก และเสียเวลาด้วย) เอกสารของเราให้ไปหาที่สแกนโดยไฟล์จะต้องมีขนาดไม่เกิน 2 MB (แนะนำให้ใช้ความละเอียดต่ำสุด แต่ให้อ่านออก ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียเวลามาก)
เมื่อได้เอกสารทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องเตรียมตัวกับทางผู้รับรองของเรา ซึ่งต้องเตรียมบัตรเครดิตที่มีวงเงินพอจ่ายค่าสมัคร 1500 SEK แล้วทำแบบสอบถามไปพร้อมกับเรา
กรณีของเรา มีระยะเวลาตั้งแต่ยื่นใบสมัครเสร็จเรียบร้อยครบทุกกระบวนการ จนถึงได้รับการพิจารณาอนุมัติ รวม 14 วัน (ตั้งแต่ 7 พ.ย. 56 - 21 พ.ย. 56) โดยหลังจากยื่นเอกสารในวันที่ 7 พ.ย. ทางผู้รับรองที่สวีเดนก็จะได้รับอีเมล์แจ้งให้ตอบแบบสอบถามทันที และเค้ายื่นกลับไปให้ตม.ในวันที่ 10 พ.ย. พอวันที่ 11 พ.ย. เราก็ได้รับอีเมล์แจ้งให้ไปนัดหมายกับสถานทูตในการสัมภาษณ์ (นัดสัมภาษณ์ ในวันที่ 19 พ.ย. คืออีก 1 สัปดาห์ถัดมา) หลังจากนั้น 2 วันผู้รับรองของเราก็ได้รับจดหมายแจ้งผลการอนุมัติวีซ่าว่าผ่านแล้ว ช่างรวดเร็วจริงๆ เลย
เทคนิคในการได้รับพิจารณาไวก็มีดังนี้ค่ะ
1. แบบสอบถามที่เราตอบควรมีข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน ระบุวัน เดือน ปี ให้ชัดเจน เรียงตามลำดับก่อนหลัง ทั้งหมดนี้เป็นภาษาอังกฤษ
2. แบบสอบถามที่ผู้รับรองตอบจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกับแบบสอบถามของเรา (แต่เป็นภาษาสวีเดน) และระบุรายละเอียดที่จำเป็นให้ครบถ้วนเช่นกัน
3. เอกสารที่สแกนควรจะอ่านง่าย กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ เช่น ในส่วนความสัมพันธ์ ไม่ต้องใส่รูปมากมาย เพียงแต่คัดเอาที่สำคัญๆ เช่น งานหมั้น งานแต่ง ไปเที่ยวด้วยกันที่แรก เป็นต้น เขียนอธิบายเหตุการณ์ สถานที่ วัน เดือน ปี ให้ชัดเจน
4. ในวันสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่จะขอดูเฉพาะเอกสารต้นฉบับที่คุณสแกนลงไปในใบสมัครออนไลน์เท่านั้น และถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ร้องขอก็ไม่ต้องยื่นเอกสารอื่นเพิ่มเติม (เสียดายค่าแปลทะเบียนบ้านจังเลย ไม่ได้ใช้ T^T)
5. ตอบคำถามที่เจ้าหน้าที่ถามอย่างฉะฉาน ไม่ลังเล เช่น ยื่นวีซ่าอะไรคะ ตอบว่า วีซ่าอยู่อาศัย (หรือวีซ่าทำงาน) ค่ะ ยื่นทำไมคะ ตอบว่า ต้องการเดินทางไปอาศัยอยู่กับแฟน/คู่หมั้น/สามีหรือภรรยา เป็นต้น
โปรดระลึกไว้ว่า ยิ่งข้อมูลละเอียดมากเท่าไหร่ จะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นเท่านั้น
การพิจารณาของตม.ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว บางรายอาจนานถึง 10-12 เดือน และอาจนานถึง 17 เดือนหากมีเหตุต้องสงสัยและต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม และเราควรหมั่นตรวจสอบสถานะของเอกสารจากเว็บไซต์ของ migrationsverket.se
(เลขเอกสารจะได้ในวันที่สัมภาษณ์ ถ้าไม่ได้ให้รีบท้วงเลยนะคะ เพื่อนเราโดนมาแล้วไม่ได้เลขเคส จากสถานทูตในจาการ์ต้า ต้องเริ่มต้นใหม่หมดเลยค่ะ แย่เลย)
อย่าเชื่อ เว็บไซต์ที่อ้างว่าสามารถทำให้พิจารณาได้เร็วขึ้น หากคุณสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลาง หรือสามารถใช้งานอินเตอร์เนตได้อยู่แล้ว เพราะบุคคลกลุ่มนี้มักจะหากินกับผู้ที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ หรือไม่มีความรู้ ซึ่งจะถูกเรียกค่าบริการราว 3 หมื่นบาทต่อราย ทั้งนี้ไม่มีใครสามารถรับประกันว่ากรณีของคุณจะได้รับการพิจารณาเร็วหรือช้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลของคุณว่ายากหรือง่ายอย่างไร
หวังว่าเรื่องของเราจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่านที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอโทษที่เรื่องยาวไปซักนิด หากท่านไหนต้องการสอบถามหลังไมค์ ยินดีนะคะ
ขอวีซ่าอยู่อาศัยประเทศสวีเดน (Uppehållstillstånd) 2 ปี ผ่านแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิด
ขอเกริ่นนิดนึง ตัวจขกท.เอง ทำงานอยู่บริษัทรถยนต์ชั้นนำของสวีเดน (ขอไม่ระบุยี่ห้อนะคะ) ในตำแหน่งหัวหน้างาน ได้มีโอกาสบินไปต่างประเทศพอสมควร โดยเฉพาะได้ไปประชุมที่ประเทศสวีเดน 1 ครั้งก่อนจะเจอกับแฟน ซึ่งแฟนเป็นชาวโรมาเนียมาทำงานที่ประเทศสวีเดนตั้งแต่ปี 2007 ในตำแหน่ง Technical Trainer เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วก็ได้พบกับแฟนและตกลงเป็นแฟนกัน เพิ่งจะหมั้นกันไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เมื่อเราตกลงว่าจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศสวีเดนเราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าอยู่อาศัย (เรียกย่อๆ ว่า UT Visa) ตามเว็บต่างๆ แต่ละคนก็จะมีเงื่อนไขและระยะเวลาในการพิจารณาแตกต่างกันไป
หลังจากที่สรุปได้แล้วว่าจะขอวีซ่าอยู่อาศัยแน่ๆ เราก็วางแผนการเดินทางโดยขอวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น 3 เดือนไปก่อน 1 ครั้ง เพื่อให้มีเวลาใช้ชีวิตและได้ศึกษาวัฒนธรรม ภาษา และสภาพแวดล้อมก่อนจะไปอยู่จริงค่ะ โดยแฟนเป็นคนรับรองการเดินทางให้ทุกอย่าง เราลาออกจากงานที่ทำอยู่และได้เดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ในยุโรป ทั้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ และโรมาเนียบ้านเกิดของแฟน เพิ่งกลับมาเมืองไทยเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (วีซ่าท่องเที่ยวหมดอายุ)
หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวในการยื่นขอวีซ่าอยู่อาศัยทันทีค่ะ (ทำความเข้าใจก่อนนะคะ วีซ่าอยู่อาศัยไม่ใช่วีซ่าถาวร วีซ่าถาวร Permanent Uppehållstillstånd หรือ PUT เป็นวีซ่าที่จะสามารถยื่นขอได้ต่อเมื่อได้รับวีซ่าอยู่อาศัยแล้วอย่างน้อย 2 ปี) เอกสารที่ต้องเตรียมในกรณียื่นเอกสารออนไลน์ กับไมเกรชั่น (Migrationsverket) มีดังนี้
1. พาสปอร์ต และทุกหน้าที่มีการเดินทางเข้าออกประเทศสวีเดน และจะต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 2 ปี (กรณีของจขกท.ต้องไปทำพาสปอร์ตใหม่ก่อนไปสัมภาษณ์ค่ะ เพราะเหลือแค่ปีเดียว)
2. เอกสารใบรับรองโสด หรือทะเบียนสมรส กรณีสมรสแล้ว (Certificate of Marital Status)
3. เอกสารยืนยันการตั้งครรภ์ กรณีตั้งครรภ์
4. สูติบัตรของบุตร กรณียื่นขอพร้อมบุตร
5. เอกสารของผู้รับรอง (Personbevis) ซึ่งขอได้จากกรมสรรพากรของสวีเดน (Skattverket)
6. หลักฐานความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่าย หรืออีเมล์ ที่มีการติดต่อกันระหว่างผู้รับรองกับเรา
เอกสารทั้งหมดนี้ ถ้าเป็นเอกสารราชการของไทย ต้องนำไปแปลที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ
(แนะนำให้ไปหาร้านแปลแถวๆ นั้นจะไม่ต้องเสียเวลา เพราะว่าเจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวด อย่าริแปลเองเชียวนะคะ จะเสียน้อยเสียยาก และเสียเวลาด้วย) เอกสารของเราให้ไปหาที่สแกนโดยไฟล์จะต้องมีขนาดไม่เกิน 2 MB (แนะนำให้ใช้ความละเอียดต่ำสุด แต่ให้อ่านออก ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียเวลามาก)
เมื่อได้เอกสารทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องเตรียมตัวกับทางผู้รับรองของเรา ซึ่งต้องเตรียมบัตรเครดิตที่มีวงเงินพอจ่ายค่าสมัคร 1500 SEK แล้วทำแบบสอบถามไปพร้อมกับเรา
กรณีของเรา มีระยะเวลาตั้งแต่ยื่นใบสมัครเสร็จเรียบร้อยครบทุกกระบวนการ จนถึงได้รับการพิจารณาอนุมัติ รวม 14 วัน (ตั้งแต่ 7 พ.ย. 56 - 21 พ.ย. 56) โดยหลังจากยื่นเอกสารในวันที่ 7 พ.ย. ทางผู้รับรองที่สวีเดนก็จะได้รับอีเมล์แจ้งให้ตอบแบบสอบถามทันที และเค้ายื่นกลับไปให้ตม.ในวันที่ 10 พ.ย. พอวันที่ 11 พ.ย. เราก็ได้รับอีเมล์แจ้งให้ไปนัดหมายกับสถานทูตในการสัมภาษณ์ (นัดสัมภาษณ์ ในวันที่ 19 พ.ย. คืออีก 1 สัปดาห์ถัดมา) หลังจากนั้น 2 วันผู้รับรองของเราก็ได้รับจดหมายแจ้งผลการอนุมัติวีซ่าว่าผ่านแล้ว ช่างรวดเร็วจริงๆ เลย
เทคนิคในการได้รับพิจารณาไวก็มีดังนี้ค่ะ
1. แบบสอบถามที่เราตอบควรมีข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน ระบุวัน เดือน ปี ให้ชัดเจน เรียงตามลำดับก่อนหลัง ทั้งหมดนี้เป็นภาษาอังกฤษ
2. แบบสอบถามที่ผู้รับรองตอบจะต้องมีข้อมูลที่ตรงกับแบบสอบถามของเรา (แต่เป็นภาษาสวีเดน) และระบุรายละเอียดที่จำเป็นให้ครบถ้วนเช่นกัน
3. เอกสารที่สแกนควรจะอ่านง่าย กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ เช่น ในส่วนความสัมพันธ์ ไม่ต้องใส่รูปมากมาย เพียงแต่คัดเอาที่สำคัญๆ เช่น งานหมั้น งานแต่ง ไปเที่ยวด้วยกันที่แรก เป็นต้น เขียนอธิบายเหตุการณ์ สถานที่ วัน เดือน ปี ให้ชัดเจน
4. ในวันสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่จะขอดูเฉพาะเอกสารต้นฉบับที่คุณสแกนลงไปในใบสมัครออนไลน์เท่านั้น และถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ร้องขอก็ไม่ต้องยื่นเอกสารอื่นเพิ่มเติม (เสียดายค่าแปลทะเบียนบ้านจังเลย ไม่ได้ใช้ T^T)
5. ตอบคำถามที่เจ้าหน้าที่ถามอย่างฉะฉาน ไม่ลังเล เช่น ยื่นวีซ่าอะไรคะ ตอบว่า วีซ่าอยู่อาศัย (หรือวีซ่าทำงาน) ค่ะ ยื่นทำไมคะ ตอบว่า ต้องการเดินทางไปอาศัยอยู่กับแฟน/คู่หมั้น/สามีหรือภรรยา เป็นต้น
โปรดระลึกไว้ว่า ยิ่งข้อมูลละเอียดมากเท่าไหร่ จะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นเท่านั้น
การพิจารณาของตม.ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว บางรายอาจนานถึง 10-12 เดือน และอาจนานถึง 17 เดือนหากมีเหตุต้องสงสัยและต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม และเราควรหมั่นตรวจสอบสถานะของเอกสารจากเว็บไซต์ของ migrationsverket.se
(เลขเอกสารจะได้ในวันที่สัมภาษณ์ ถ้าไม่ได้ให้รีบท้วงเลยนะคะ เพื่อนเราโดนมาแล้วไม่ได้เลขเคส จากสถานทูตในจาการ์ต้า ต้องเริ่มต้นใหม่หมดเลยค่ะ แย่เลย)
อย่าเชื่อ เว็บไซต์ที่อ้างว่าสามารถทำให้พิจารณาได้เร็วขึ้น หากคุณสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลาง หรือสามารถใช้งานอินเตอร์เนตได้อยู่แล้ว เพราะบุคคลกลุ่มนี้มักจะหากินกับผู้ที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ หรือไม่มีความรู้ ซึ่งจะถูกเรียกค่าบริการราว 3 หมื่นบาทต่อราย ทั้งนี้ไม่มีใครสามารถรับประกันว่ากรณีของคุณจะได้รับการพิจารณาเร็วหรือช้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลของคุณว่ายากหรือง่ายอย่างไร
หวังว่าเรื่องของเราจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่านที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอโทษที่เรื่องยาวไปซักนิด หากท่านไหนต้องการสอบถามหลังไมค์ ยินดีนะคะ