สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 441
เราไม่ได้มีข้อเท็จจริงอะไรเกี่ยวกับไลเซ่นส์และปริญญาของคุณหมอค่ะ มีแต่ประสบการณ์จากการติดตามเป็นแฟนคลับแกอยู่พักนึง หลอนจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
มีคนหลังไมค์มาถามว่าเราเคยเป็นแฟนคลับหมอวัชรพลด้วยเหรอ เราเคยเป็นแฟนคลับสมัยแรกๆเลยตั้งแต่แกยังไม่มาเมืองไทยด้วยซ้ำ วันที่แกนัดทานอาหารที่ร้านขวัญจิตรอ่ะค่ะ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เราอ่านมาทุกเรื่องที่แกเขียน ดูคลิปยูทูปทุกอัน ตอนนั้นถึงขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ค่ะ แกไปแจกลายเซ็นที่ไหนเราก็ตามไปค่ะ ทีแรกเราก็นึกว่าได้เจอคุณหมอใจเย็น สุขุม เก่ง เป็นกันเองกับแฟนคลับ แต่เราเริ่มตะหงิดๆใจในวันที่มีพี่ในกลุ่มแฟนคลับคนหนึ่งบอกว่า คุณหมอบอกว่าอยากให้เรียกว่า อ.หมอ เพราะแกสอนนิสิตแพทย์ด้วย เทียบเท่าว่าเป็นอาจารย์ เรียกคุณหมอ พี่หมอ แบบนี้ มันไม่ให้เกียรติกันเป็นการดูถูก เราก็นึกในใจ เฮ้ย คนไม่รู้จักคุณอ่ะ คนทั่วไปไม่ได้อยู่วงการเดียวกับคุณเค้าจะรู้หรอว่าต้องเรียกอะไร เรียกคุณหมอเนี่ยให้เกียรติและสุภาพที่สุดแระ ทำไมต้องบังคับให้เรียกแบบที่ตัวเองต้องการด้วย แต่เราก็แค่ตะหงิดๆใจอ่ะค่ะ ยังชื่นชมต่อไป
จนไปเข้าแคมป์ที่ภูเก็ตค่ะ เราได้เห็นธาตุแท้ตัวตนจริงๆของแก ในมุมที่ตอนเป็นแฟนคลับไม่เคยเจอ เรารับไม่ได้ค่ะ สามวันที่แคมป์เนี่ย นรกสำหรับเราเลยนะคะ ใครคิดว่าถือว่าไปเที่ยวสนุกๆ ขอบอกว่าไม่ใช่เลยนะคะ ไปไหนก็ไม่ได้ค่ะ ต้องอยู่แต่ที่โรงแรมเพราะเดี๋ยวแกเรียกรวมกลุ่มแล้วไม่เจอ กำหนดการไม่มีค่ะ นัดตามใจแกทั้งสิ้น มีแต่นั่งฟังแกพูดๆๆๆๆ ฟังอยู่แต่เรื่องเดิมๆ รักพ่อเลยเขียนหนังสือ โดนจ่ายยาเกือบช็อค บลาๆๆๆ แค้นคนนั้นโกรธคนนี้ โฟกัสแต่เรื่องจะแก้แค้น อึดอัดมาก เหมือนติดคุกอ่ะค่ะ ถ้าต้องเสียเงินขนาดนี้ เป็นหมื่นๆนะคะ ค่าที่พักกับค่าเครื่องบินอ่ะค่ะ เราเอาตังค์เที่ยวเองดีกว่าไหม เปิดอบรมมา เรื่องวางขนมเช็คอินตรงหัวนอนก่อนเลยค่ะ ห้ามระบุที่วาง ห้ามวางจดหมายที่มีชื่อไว้ มันเป็นการเจาะจง ไม่ได้ผมให้พวกคุณเลือกเอง ถ้าวางไว้ให้มันเป็นการบังคับผู้เข้าอบรมอย่างงั้นอย่างงี้ แอตติ้งแกเยอะมาก แต่เก้าอี้มีชื่อแปะนะคะ ต้องนั่งตามนี้เท่านั้น งงสิคะ ไหนมะกี้บอกให้เลือกเองไม่บังคับพวกคุณ แล้วทำไมฟิคเก้าอี้ล่ะ ดูขัดแย้งกันอย่างมากค่ะ และพี่คนที่จัดขนมก็โดนสวดชุดใหญ่ต่อหน้าผู้เข้าอบรมทุกคนค่ะ เป็นเราต้องทั้งเจ็บและอายแน่นอนค่ะ แกชอบพูดเสมอๆว่าพี่คนนั้นแกจบป.เอก แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง ในความรู้สึกเรา มันเหมือนการประจานและ-ดันค่ะ ไม่ได้เหมือนการสอน คนที่มีความรู้ขนาดนี้ ประกาศตัวเองเป็น อจ. ดร. สารพัด เค้าใช้วิธีการสอนคนแบบนี้หรอคะ เรารู้สึกว่ามันไม่มีมารยาทค่ะ ไม่ปลื้ม
พี่แกเป็นแฟนคลับวงในค่ะ แกจะใช้คำนี้เสมอๆ ทำให้เหมือนมีขอบเขต มีแฟนคลับวงใน แฟนคลับวงนอก อะไรแบบนี้ค่ะ เพื่อความพิเศษค่ะ เป็นจิตวิทยาอย่างนึงค่ะ เรารู้สึกได้ แล้วต่อมาแกก็พูดถึงพี่แอดมินเพจคนที่สามของแกค่ะ ว่าหักหลังแก ทรยศแก อย่างงั้น อย่างงี้ ผมช่วยมันมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เราฟังแล้วแบบว่า เฮ้ยขอโทษนะคะ นี่คุณเคยทำงานร่วมกันมานะคะ ไม่รู้หรอกค่ะ คุณทะเลาะอะไรกันมา ใครถูกใครผิด แต่คุณเอาเค้ามาพูดแบบนี้ต่อที่สาธารณะ มันไม่เป็นมืออาชีพค่ะ เจ้าคิดเจ้าแค้นไปมั้ยคะ จิกกัดเค้าตลอดเวลา คุณพูดเหมือนคุณเป็นผู้มีพระคุณเป็นผู้ให้กำเนิดเค้า เค้าไม่ทำงานให้คุณก็ไม่แปลกนี่คะ เค้าอาจไม่ได้ปลาบปลื้มคุณแล้วก็ได้นะคะ ความเชื่อ ความศรัทธามันมีสิ้นสุดค่ะ ถ้าคุณทำให้มันลดน้อยถอยลงไป
แค่พอเริ่มการอบรมด้วยแบบนี้เรา ที่เหลือของเราก็เป็นนรกแล้วค่ะ เราหมดความศรัทธา ความเชื่อทุกๆ อย่างในตัวแก จบเลยค่ะ พอกันที ของแจกเข้าอบรมมีแต่ขนมถูกๆ อันละบาทสองบาท มันดูไม่ลงทุนเลย มีสมุดไดอารี่กับช้างก็เป็นของทางโรงแรมค่ะ เราว่ามันดูเอาเปรียบค่ะ ของโรงแรมเค้าแจกแขกที่มาพักอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ คุณเอามาใส่ในถุงตัวเองมันดูเหมือนคุณโมเมว่าเป็นของแจกของคุณนะคะ แล้วที่คุณพูดอยู่เสมอๆ ว่าคุณทำแล้วขาดทุน เอ่อไหนว่าเต็มใจ เต็มที่ อยากจัดอบรม อยากสอน อยากช่วยไงคะ แล้วทำไมบ่นว่าขาดทุนตลอดอ่ะ กลับมาจากภูเก็ตเราไม่เคยตามแกไปที่ไหนอีกเลยค่ะ รู้สึกว่าไม่ใช่แระคนนี้ นี่มันสร้างภาพหลอกลวงกันชัดๆ
ปล. ขอพื้นที่ระบายหน่อยนึงค่ะ โล่งแล้วค่ะ ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกก
มีคนหลังไมค์มาถามว่าเราเคยเป็นแฟนคลับหมอวัชรพลด้วยเหรอ เราเคยเป็นแฟนคลับสมัยแรกๆเลยตั้งแต่แกยังไม่มาเมืองไทยด้วยซ้ำ วันที่แกนัดทานอาหารที่ร้านขวัญจิตรอ่ะค่ะ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม เราอ่านมาทุกเรื่องที่แกเขียน ดูคลิปยูทูปทุกอัน ตอนนั้นถึงขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ค่ะ แกไปแจกลายเซ็นที่ไหนเราก็ตามไปค่ะ ทีแรกเราก็นึกว่าได้เจอคุณหมอใจเย็น สุขุม เก่ง เป็นกันเองกับแฟนคลับ แต่เราเริ่มตะหงิดๆใจในวันที่มีพี่ในกลุ่มแฟนคลับคนหนึ่งบอกว่า คุณหมอบอกว่าอยากให้เรียกว่า อ.หมอ เพราะแกสอนนิสิตแพทย์ด้วย เทียบเท่าว่าเป็นอาจารย์ เรียกคุณหมอ พี่หมอ แบบนี้ มันไม่ให้เกียรติกันเป็นการดูถูก เราก็นึกในใจ เฮ้ย คนไม่รู้จักคุณอ่ะ คนทั่วไปไม่ได้อยู่วงการเดียวกับคุณเค้าจะรู้หรอว่าต้องเรียกอะไร เรียกคุณหมอเนี่ยให้เกียรติและสุภาพที่สุดแระ ทำไมต้องบังคับให้เรียกแบบที่ตัวเองต้องการด้วย แต่เราก็แค่ตะหงิดๆใจอ่ะค่ะ ยังชื่นชมต่อไป
จนไปเข้าแคมป์ที่ภูเก็ตค่ะ เราได้เห็นธาตุแท้ตัวตนจริงๆของแก ในมุมที่ตอนเป็นแฟนคลับไม่เคยเจอ เรารับไม่ได้ค่ะ สามวันที่แคมป์เนี่ย นรกสำหรับเราเลยนะคะ ใครคิดว่าถือว่าไปเที่ยวสนุกๆ ขอบอกว่าไม่ใช่เลยนะคะ ไปไหนก็ไม่ได้ค่ะ ต้องอยู่แต่ที่โรงแรมเพราะเดี๋ยวแกเรียกรวมกลุ่มแล้วไม่เจอ กำหนดการไม่มีค่ะ นัดตามใจแกทั้งสิ้น มีแต่นั่งฟังแกพูดๆๆๆๆ ฟังอยู่แต่เรื่องเดิมๆ รักพ่อเลยเขียนหนังสือ โดนจ่ายยาเกือบช็อค บลาๆๆๆ แค้นคนนั้นโกรธคนนี้ โฟกัสแต่เรื่องจะแก้แค้น อึดอัดมาก เหมือนติดคุกอ่ะค่ะ ถ้าต้องเสียเงินขนาดนี้ เป็นหมื่นๆนะคะ ค่าที่พักกับค่าเครื่องบินอ่ะค่ะ เราเอาตังค์เที่ยวเองดีกว่าไหม เปิดอบรมมา เรื่องวางขนมเช็คอินตรงหัวนอนก่อนเลยค่ะ ห้ามระบุที่วาง ห้ามวางจดหมายที่มีชื่อไว้ มันเป็นการเจาะจง ไม่ได้ผมให้พวกคุณเลือกเอง ถ้าวางไว้ให้มันเป็นการบังคับผู้เข้าอบรมอย่างงั้นอย่างงี้ แอตติ้งแกเยอะมาก แต่เก้าอี้มีชื่อแปะนะคะ ต้องนั่งตามนี้เท่านั้น งงสิคะ ไหนมะกี้บอกให้เลือกเองไม่บังคับพวกคุณ แล้วทำไมฟิคเก้าอี้ล่ะ ดูขัดแย้งกันอย่างมากค่ะ และพี่คนที่จัดขนมก็โดนสวดชุดใหญ่ต่อหน้าผู้เข้าอบรมทุกคนค่ะ เป็นเราต้องทั้งเจ็บและอายแน่นอนค่ะ แกชอบพูดเสมอๆว่าพี่คนนั้นแกจบป.เอก แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง ในความรู้สึกเรา มันเหมือนการประจานและ-ดันค่ะ ไม่ได้เหมือนการสอน คนที่มีความรู้ขนาดนี้ ประกาศตัวเองเป็น อจ. ดร. สารพัด เค้าใช้วิธีการสอนคนแบบนี้หรอคะ เรารู้สึกว่ามันไม่มีมารยาทค่ะ ไม่ปลื้ม
พี่แกเป็นแฟนคลับวงในค่ะ แกจะใช้คำนี้เสมอๆ ทำให้เหมือนมีขอบเขต มีแฟนคลับวงใน แฟนคลับวงนอก อะไรแบบนี้ค่ะ เพื่อความพิเศษค่ะ เป็นจิตวิทยาอย่างนึงค่ะ เรารู้สึกได้ แล้วต่อมาแกก็พูดถึงพี่แอดมินเพจคนที่สามของแกค่ะ ว่าหักหลังแก ทรยศแก อย่างงั้น อย่างงี้ ผมช่วยมันมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เราฟังแล้วแบบว่า เฮ้ยขอโทษนะคะ นี่คุณเคยทำงานร่วมกันมานะคะ ไม่รู้หรอกค่ะ คุณทะเลาะอะไรกันมา ใครถูกใครผิด แต่คุณเอาเค้ามาพูดแบบนี้ต่อที่สาธารณะ มันไม่เป็นมืออาชีพค่ะ เจ้าคิดเจ้าแค้นไปมั้ยคะ จิกกัดเค้าตลอดเวลา คุณพูดเหมือนคุณเป็นผู้มีพระคุณเป็นผู้ให้กำเนิดเค้า เค้าไม่ทำงานให้คุณก็ไม่แปลกนี่คะ เค้าอาจไม่ได้ปลาบปลื้มคุณแล้วก็ได้นะคะ ความเชื่อ ความศรัทธามันมีสิ้นสุดค่ะ ถ้าคุณทำให้มันลดน้อยถอยลงไป
แค่พอเริ่มการอบรมด้วยแบบนี้เรา ที่เหลือของเราก็เป็นนรกแล้วค่ะ เราหมดความศรัทธา ความเชื่อทุกๆ อย่างในตัวแก จบเลยค่ะ พอกันที ของแจกเข้าอบรมมีแต่ขนมถูกๆ อันละบาทสองบาท มันดูไม่ลงทุนเลย มีสมุดไดอารี่กับช้างก็เป็นของทางโรงแรมค่ะ เราว่ามันดูเอาเปรียบค่ะ ของโรงแรมเค้าแจกแขกที่มาพักอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ คุณเอามาใส่ในถุงตัวเองมันดูเหมือนคุณโมเมว่าเป็นของแจกของคุณนะคะ แล้วที่คุณพูดอยู่เสมอๆ ว่าคุณทำแล้วขาดทุน เอ่อไหนว่าเต็มใจ เต็มที่ อยากจัดอบรม อยากสอน อยากช่วยไงคะ แล้วทำไมบ่นว่าขาดทุนตลอดอ่ะ กลับมาจากภูเก็ตเราไม่เคยตามแกไปที่ไหนอีกเลยค่ะ รู้สึกว่าไม่ใช่แระคนนี้ นี่มันสร้างภาพหลอกลวงกันชัดๆ
ปล. ขอพื้นที่ระบายหน่อยนึงค่ะ โล่งแล้วค่ะ ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกก
ความคิดเห็นที่ 2
ข้อมูลจาก thaiclinic น่าสนใจมาก จริงๆ ครับ
จากความเห็น 2 ในกระทู้
Code:
Watcharaphol Kamnerdsiri, MD, Dip Mil Med, MS, PhDc
I was born and educated in Thailand.
I moved to Greece for my medical studies on a scholarship from the Hellenic Ministry of National Defense.
After earning my medical degree and a diploma in military medicine, I pursued training in general and forensic psychiatry in France.
I then moved to England, where I received a postgraduate degree with merit in war psychiatry at King's College London.
It was during this period that I focused my professional interests on military sexuality.
The completion of a sexual medicine program at Oxford leaded by ESSM Director of Education Dr. John Dean only confirmed this interest.
I am presently a PhD candidate at the Institute of Sexology at Charles University in Prague, Czech Republic.
จาก http://www.issm.info/who-we-are/nominations-board-of-directors/watcharap hol-alexandre-kamnerdsiri/
Code:
The place of Bachelor degree : Faculty of Medicine, Aristotle, University of Thessaloniki, Greece
Master degree : MSc
The place of Master degree : Institute of Psychiatry, London, UK
Level Of Study : PhD
จาก http://www.schuai.net/dbtse/peopleinfo.asp?table=people&id=491&n ame=espolon
สรุปสั้นๆ คือ
เป็นคนไทย เคยเรียนแพทย์
(น่าจะแค่ปี 1 หรือไม่จบปี 1 ด้วยปัญหาส่วนตัวอะไรสักอย่าง)
แล้วได้ทุนรัฐบาลกรีก
จึงมาเรียนแพทย์ที่กรีซ
จบแพทย์ที่กรีซเสร็จ
มาปารีส ในลักษณะโครงการแลกเปลี่ยน หรือกึ่ง fellow/observer
ที่ รรพ. แห่งหนึ่งของปารีส (รรพ. ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป)
(เท่าที่ทราบ) ไม่ได้ผ่าน residency training แบบเต็มหลักสูตร (l'internat)
เพราะไม่มีชื่อขึ้นในรายชื่อแพทย์เฉพาะทางของฝรั่งเศส (ordre de medecins)
website ต่างๆ ของฝรั่งเศส ก็ลงเป็น "แพทย์ GP" --> http://www.bonmedecin.be/medecins/pag-1023/
จากนั้นก็ไปเรียนหลักสูตรวิจัยใน UK
คือ Diploma + ป.โท
จากนั้นก็ไปทำ ป. เอก ที่ปราก ประเทศเชค
ปัญหาที่ "มัก" ถูกวิจารณ์ คือ
1. ไม่ได้ผ่าน residency training และไม่มี certified board
แต่มักแสดงให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็น board-certified psychiatrist
2. ยังไม่จบ ป. เอก
แต่เขียน PhD เสมอ หลังนามสกุล (ทำให้เข้าใจว่าจบ ป.เอกแล้ว)
ทั้งๆ ที่เพิ่งไปลงทะเบียนเรียน ป. เอก เมื่อ ต.ค. ปีที่แล้วนี่เอง
(ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด)
3. มักให้สัมภาษณ์ หรือไปงานต่างๆ
มักบอกว่า เป็นจิตแพทย์ รรพ. แห่งหนึ่งในปารีส
แต่ว่าจริงๆ ไม่มีอัตราแพทย์ (ไม่ได้แพทย์ประจำ แต่เป็น observer)
รายชื่อแพทย์ใน รพ. ทุกแห่งของปารีส ก็ไม่มีชื่อคุณหมอท่านนี้
ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ใน รพ. ปารีส --> http://www.aphp.fr/consultations/?s_medecin=Kamnerdsiri&hopital_disp lay=&last_selection=search_doctor
Code:
Aucun resultat pour cette recherche. Essayez de modifier vos critères de recherche.
แปลว่า ...
ผลการสืบค้น (ชื่อแพทย์) ไม่พบข้อมูล
กรุณาลองแก้ไข และค้นหาใหม่
รายละเอียดอื่นๆ ไม่เขียนแล้วกัน
ไม่อยาก offensive
จากความเห็น 2 ในกระทู้
Code:
Watcharaphol Kamnerdsiri, MD, Dip Mil Med, MS, PhDc
I was born and educated in Thailand.
I moved to Greece for my medical studies on a scholarship from the Hellenic Ministry of National Defense.
After earning my medical degree and a diploma in military medicine, I pursued training in general and forensic psychiatry in France.
I then moved to England, where I received a postgraduate degree with merit in war psychiatry at King's College London.
It was during this period that I focused my professional interests on military sexuality.
The completion of a sexual medicine program at Oxford leaded by ESSM Director of Education Dr. John Dean only confirmed this interest.
I am presently a PhD candidate at the Institute of Sexology at Charles University in Prague, Czech Republic.
จาก http://www.issm.info/who-we-are/nominations-board-of-directors/watcharap hol-alexandre-kamnerdsiri/
Code:
The place of Bachelor degree : Faculty of Medicine, Aristotle, University of Thessaloniki, Greece
Master degree : MSc
The place of Master degree : Institute of Psychiatry, London, UK
Level Of Study : PhD
จาก http://www.schuai.net/dbtse/peopleinfo.asp?table=people&id=491&n ame=espolon
สรุปสั้นๆ คือ
เป็นคนไทย เคยเรียนแพทย์
(น่าจะแค่ปี 1 หรือไม่จบปี 1 ด้วยปัญหาส่วนตัวอะไรสักอย่าง)
แล้วได้ทุนรัฐบาลกรีก
จึงมาเรียนแพทย์ที่กรีซ
จบแพทย์ที่กรีซเสร็จ
มาปารีส ในลักษณะโครงการแลกเปลี่ยน หรือกึ่ง fellow/observer
ที่ รรพ. แห่งหนึ่งของปารีส (รรพ. ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป)
(เท่าที่ทราบ) ไม่ได้ผ่าน residency training แบบเต็มหลักสูตร (l'internat)
เพราะไม่มีชื่อขึ้นในรายชื่อแพทย์เฉพาะทางของฝรั่งเศส (ordre de medecins)
website ต่างๆ ของฝรั่งเศส ก็ลงเป็น "แพทย์ GP" --> http://www.bonmedecin.be/medecins/pag-1023/
จากนั้นก็ไปเรียนหลักสูตรวิจัยใน UK
คือ Diploma + ป.โท
จากนั้นก็ไปทำ ป. เอก ที่ปราก ประเทศเชค
ปัญหาที่ "มัก" ถูกวิจารณ์ คือ
1. ไม่ได้ผ่าน residency training และไม่มี certified board
แต่มักแสดงให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็น board-certified psychiatrist
2. ยังไม่จบ ป. เอก
แต่เขียน PhD เสมอ หลังนามสกุล (ทำให้เข้าใจว่าจบ ป.เอกแล้ว)
ทั้งๆ ที่เพิ่งไปลงทะเบียนเรียน ป. เอก เมื่อ ต.ค. ปีที่แล้วนี่เอง
(ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด)
3. มักให้สัมภาษณ์ หรือไปงานต่างๆ
มักบอกว่า เป็นจิตแพทย์ รรพ. แห่งหนึ่งในปารีส
แต่ว่าจริงๆ ไม่มีอัตราแพทย์ (ไม่ได้แพทย์ประจำ แต่เป็น observer)
รายชื่อแพทย์ใน รพ. ทุกแห่งของปารีส ก็ไม่มีชื่อคุณหมอท่านนี้
ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ใน รพ. ปารีส --> http://www.aphp.fr/consultations/?s_medecin=Kamnerdsiri&hopital_disp lay=&last_selection=search_doctor
Code:
Aucun resultat pour cette recherche. Essayez de modifier vos critères de recherche.
แปลว่า ...
ผลการสืบค้น (ชื่อแพทย์) ไม่พบข้อมูล
กรุณาลองแก้ไข และค้นหาใหม่
รายละเอียดอื่นๆ ไม่เขียนแล้วกัน
ไม่อยาก offensive
ความคิดเห็นที่ 35
เคยติดตามอ่าน เป็นแฟนเพจอยู่
หมอไม่น่าใช้คำพูดรุนแรงขนาดนี้เลย
แถมมีการขู่กลับว่า ผมจะก้าวก่ายชีวิตของพวกมันทีละคนๆ
งง ทำไมไม่หาหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเองตามที่เค้าสงสัย
เรื่องก็จบ ไม่มีดราม่า ถ้าไม่ได้โกหกอะไร จะโกรธทำไม
อีกอย่างเป็นจิตแพทย์น่าจะรู้วิธีการจัดการอารมณ์มากกว่านี้
จัดการอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะไปรักษาคนอื่นให้ดีได้ยังไง
ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนด้วยแล้ว ไม่น่าเลย หมดกันศรัทธา
หมอไม่น่าใช้คำพูดรุนแรงขนาดนี้เลย
แถมมีการขู่กลับว่า ผมจะก้าวก่ายชีวิตของพวกมันทีละคนๆ
งง ทำไมไม่หาหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเองตามที่เค้าสงสัย
เรื่องก็จบ ไม่มีดราม่า ถ้าไม่ได้โกหกอะไร จะโกรธทำไม
อีกอย่างเป็นจิตแพทย์น่าจะรู้วิธีการจัดการอารมณ์มากกว่านี้
จัดการอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะไปรักษาคนอื่นให้ดีได้ยังไง
ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนด้วยแล้ว ไม่น่าเลย หมดกันศรัทธา
ความคิดเห็นที่ 103
คือไม่รู้หรอกว่าจบอะไรยังไงมานะ แต่นิสัยนี้ บอกตรงๆ ไม่ไหวจะเคลียร์อ่ะ จากที่เราชื่นชมแกอยู่หน่อยๆ พอฟังแกมาบรรยายที่ ม. เราถึงขั้นแอนตี้เลยล่ะ แกดูถูกเด็กเรียนไม่เก่ง อวยเด็กเกรดดี อวยตัวเองสุดๆ ที่ไม่ชอบสุดๆ คือ ตอนนึง แกบอกให้ทุกคนปิดโทรศัพท์ บอกว่าตัวเค้าเองยังปิด แล้วก็พูดว่ามันเป็นการเสียมารยาทถ้าโทรศัพท์ดัง พูดประมาณว่าแย่มากนะถ้าเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา แต่ซักพักเสียงโทรศัพท์เค้าดัง เป็นเสียงการ์ตูนอะไรซักอย่าง แกก็ยังไม่รู้สึกผิดนะ ยังขำ แล้วบอกว่าเค้าชอบดูการ์ตูนนะถึงจะเป็นหมอ
คุณหมอเค้ารับโทรศัพท์ แล้วคุยเป็นภาษาอะไรซักอย่างออกไมค์ ประมาณว่าชั้นนี้พูดได้หลายภาษานะ คือเรางงว่าพูดออกไมค์ทำไม แล้วไหนบอกปิดโทรศัพท์แล้ว ??
คุณหมอเค้ารับโทรศัพท์ แล้วคุยเป็นภาษาอะไรซักอย่างออกไมค์ ประมาณว่าชั้นนี้พูดได้หลายภาษานะ คือเรางงว่าพูดออกไมค์ทำไม แล้วไหนบอกปิดโทรศัพท์แล้ว ??
แสดงความคิดเห็น
โศกนาฏกรรมรัก (ของ ๒ นักเรียนไทย) ณ กรุงปารีส ... ในฤดูใบไม้ผลิ สรุปประวิติผู้แต่งก็เป็นเรื่องแต่งใช่มั้ย
http://ppantip.com/topic/30613055
เผอิญไปอ่านเจอกระทู้นี้มา เลยอยากให้ลองอ่านดู
สรุปผู้แต่งเคยเรียนปริญญาโทสาขาจิตเวช ไม่ได้รับการ training เป็นจิตแพทย์ ยังไม่จบ PhD และปัจจุบันไม่ได้มี license ประกอบวิชาชีพในฝรั่งเศส และ License to Practice Medicine ขึ้นตรงต่อสหภาพยุโรป ดูเหมือนจะไม่มีตามที่กล่าว
ไม่ทราบว่าถ้าเป็นความจริง การอ้างว่าเป็นจิตแพทย์และ PhD ต่อสาธารณชนนั้นเหมาะสมหรือไม่
นอกจากนี้ เป็นไปได้หรือที่การที่ผู้ที่ไม่มี license เป็นจิตแพทย์จะได้รับการปรึกษาให้ดูแลผู้ป่วย
อ้างอิงจากกระทู้ข้างต้น
ปรกติเรียกตัวเองว่า จิตแพทย์ (หรือแพทย์เฉพาะทางสาขาไหนๆ) "ไม่ได้" อยู่แล้ว
เอาไปทำงานไม่ได้ นอกจากทำวิจัย หรือเป็นนักวิชาการ ฯลฯ
ไม่สามารถประกอบเวชปฏิบัติได้ (no patient contact)
ต้องผ่าน training มี board ในสาขาของตน
ในหลายประเทศ มี MD แล้วยังทำงานไม่ได้เลย ถ้ายังไม่มี board
(ยกเว้นจะมี work permission ซึ่งมักได้ไม่เกิน 2 ปี)
เห็นช่วงๆหลังคนที่มาตั้งกระทู้จนได้เป็นกระทู้แนะนำในพันทิฟมันจะมีผลประโยชน์แอบแฝงต่อมาทั้งนั้น ตัวอย่าง เช่น แม่ยูอะุ ตอนแรกมาแนะนำเครื่องสำอางต่อมาก็กลายเป็นขายของแทน
ในรายนี้ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ไม่ทราบว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายหนังสือของผู้แต่งหรือไม่