สวัสดีครับ เป็นครั้งที่ 4 ใน 8 ครั้งที่ผมตั้งใจจะนำเสนอร้านอาหารที่ได้ไปชิมในรอบปีที่ผ่านมายังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ในวันนี้ ผมจะกลับไปยังสองประเทศในยุโรปที่มีโอกาสได้ไปชิมมากันอีกครั้งครับ



ประเทศแรกที่ผมจะพาทุกท่านไปก็คือเบลเยี่ยม วันนี้ผมเริ่มต้นเดินทางจากมิลานไปบรัสเซลส์ สำหรับเรื่องของอิตาลี จะขอนำมาเล่าเป็นตอนเฉพาะในโอกาสถัดไปครับ ผมเลือกเดินทางโดยสายการบินประจำชาติ เบลเยี่ยม นั่นก็คือบรัสเซลส์ แอร์ไลนส์ สายการบินนี้หากบินในยุโรปบนชั้นประหยัด จะไม่ต่างอะไรกับสายการบินต้นทุนต่ำเลยครับ เพราะไม่มีการบริการอาหารบนเครื่อง อยากได้อะไรก็เชิญซื้อหาเอา รวมถึงเลือกที่นั่งไม่ได้ เรียกว่าฟังแล้วต้องกลับไปดูแพนหางให้แน่ๆ ว่าสีน้ำเงินหรือเป็นสีแดงแบบที่คุ้นเคยครับ



ผมเองโชคดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะตัดสินใจจ่ายเงินนั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม หรือที่เรียกว่า b-flex เนื่องจากเครื่องบินที่ผมนั่งเป็นรุ่น avro rj 100 มีชั้นธุรกิจแถวเดียว อีกสามแถวถัดมาเป็นชั้นประหยัดพิเศษ ที่เหลือเป็นชั้นประหยัดทั้งลำ ข้อดีของชั้นประหยัดพิเศษก็คือการตรวจสัมภาระช่องเดียวกับชั้นธุรกิจ มีช่องตรวจโลหะแบบ fast track ได้ขึ้นเครื่องก่อน (แต่สุดท้ายก็ยืนเบียดไปบนรถบัสคันเดียวกัน) เก้าอี้บนเครื่องทุกแถวเหมือนกันแต่จะเว้น เก้าอี้ตัวกลางให้ว่างเอาไว้สำหรับผู้โดยสารชั้นนี้ และสุดท้ายคือมีอาหารบริการพร้อมเครื่องดื่มไม่อั้นครับ



ดังนั้น ผมจึงได้รับประทานอาหารมื้อบ่าย(เกือบแก่) เป็น Croque Monsieur รสชาติดีมากทีเดียวครับ เครื่องดื่มก็ทานได้ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ แอลกอฮอล์ และชากาแฟครับ



ปิดท้ายด้วยความรู้สึกแบบ “ถึงเบลเยี่ยม” จริงๆ ด้วยนอยฮาวส์ชิ้นนี้ครับ ขอได้เรื่อยๆ บริการไม่มีอั้น เห็นคุณพี่อิตาเลียนที่นั่งใกล้ๆ กับผม บอกผ่านอาหารหลัก แล้วขอเจ้าชิ้นนี้มาแบบยกโหล สงสัยจะติดนิยายเหมาโหลถูกว่าแบบผมครับ



ถึงบรัสเซลส์เป็นที่เรียบร้อยครับ ผมพักที่เชอราตันครับหนนี้ ทำเลดีมาก นั่งรถไฟจากสนามบินมา 12 นาที เดินต่ออีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงครับ ห้องกลางเก่ากลางใหม่ กว้างขวาง โทรทัศน์เป็นรุ่นใหม่ อินเทอร์เน็ตฟรี และห้องน้ำอุตส่าห์มี bidet ไว้ให้ใช้ด้วย คุ้มค่ากับดีลในราคาคืนละ 70 เหรียญสหรัฐ ฯ ครับ