ก่อนอื่นขอบอกว่า จขกท. ไม่ค่อยได้ดูละครเวทีเท่าไรนัก
แต่คราวนี้โดนดึงดูดให้ไปชมก็เพราะเพลงล้วน ๆ เลยค่ะ
เพลงที่ปล่อยออกมาให้ฟังช่วงแรก ๆ นั้นเพราะถูกใจทั้งสิ้น ยิ่งฟังยิ่งซึ้ง
ยิ่งพอได้มาอ่านกระทู้รีวิว
http://ppantip.com/topic/31250594 ยิ่งอยากไปพิสูจน์เป็นทวีคูณ
เมื่อสำรวจแล้วรอบที่สะดวกมีตั๋ว อิฉันก็ไม่รอช้าที่จะไปดูค่ะ
ตั้งแต่เพลงแรกหลังเปิดม่าน หมู่มวลร้องเพลงประสานเสียง
"งูขาว.... งูเขียว.... พี่น้องสองศรี..." เราก็เริ่มตะลึงกับความไพเราะของบทเพลง
แต่นั่นยังแค่เบาะ ๆ ค่ะ เมื่อนางพญางูทั้งสองกลายร่างเป็นคน
บัดนั้นเราเข้าใจในทันที ทำไมค่ายนี้จึงให้ความสำคัญกับคุณน้ำมนต์มากเหลือเกิน
เสียงของเธอทั้งไพเราะ ใส กังวาล มีพลัง แล้วยังแสดงอารมณ์ออกมาได้ตามต้องการ
โดยไม่รู้สึกว่าเธอต้องพยายามอะไรเลย เวลาสบายใจเสียงก็มีพลังแบบสบายใจ
เวลาทุกข์ใจเสียงก็มีพลังแบบทุกข์ใจ เวลาสับสนก็มีพลังแบบสับสน
คือเหมือนเพลงทั้งยากทั้งง่ายต่าง ๆ เธอเอาอยู่หมด....
โดยเฉพาะเพลงสุดท้าย "เดียวดาย" เธอนั่งอยู่กลางเวทีเพียงคนเดียวและร้องเพลงเดี่ยว
โดยปราศจากเสียงประสานหรือเสียงดนตรีใด ๆ ช่วย
เสียงอันโศกระทมของเธอก้องกังวาลไปทั่วโรงละครที่มีไฟเหลือเพียงไม่กี่ดวง
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใจสลาย ต้องพลัดพรากจากคนที่รักไปชั่วนิรันดร
เธอฟูมฟายหาความรัก ความอบอุ่น คนที่แสนห่วงหาที่นับแต่นี้จะไม่มีวันได้พบ
เสียงนั้นแม้เสนาะหูเหลือเกินแต่ฟังดูระทมขมขื่นจนเราก็หัวใจสลายตามเธอไปในตอนนั้น....
ส่วนนางพญางูเขียว (เนส af) ฟังครั้งแรกก็พอทราบว่าประสบการณ์ยังไม่เท่าคุณน้ำมนต์
แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจนน่าเกลียด เธอรับผิดชอบเพลงของเธอไหว ท่อนประสาน ท่อนร้องโต้ตอบก็ทำได้ดี
ยิ่งช่วงที่ต้องแสดงอารมณ์อย่างตอนโกรธ หรือช่วงหลังที่ทั้งสองเริ่มสิ้นหวังกับมนุษย์
เธอรับส่งบทกับคุณน้ำมนต์ได้อย่างดี ได้ความรู้สึกโศกเศร้าและบีบคั้นของทั้งคู่อย่างชัดเจน
ด้วยความเป็นสาววัยสดใส เธอเล่นบทซุกซนได้อย่างน่ารัก โดยเฉพาะตอนเล่นเกมเสกของกับพี่เขย
ส่วนคุณชาย ชาตโยดม รู้สึกว่าเป็นคนที่ต้องทำงานหนักยิ่งกว่าใครในเรื่อง
แต่กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่าที่คุณชายเคยให้สัมภาษณ์ว่าแทบไม่เคยร้องเพลงให้ดาราผู้สัมภาษณ์ฟังมาก่อน
นั้นคุณชายพูดจริง คือดูแล้วรู้สึกได้ว่าคุณชายต้องพยายามมากในการร้องเพลง
โดยเฉพาะเมื่อต้องประกบกับรุ่นใหญ่แล้ว ยังเห็นความแตกต่างชัดเจน
แต่คุณชายก็พยายามจริง ในเพลงหลัง ๆ ที่ต้องใส่อารมณ์คุณชายทำได้อย่างดี
เพลงร้องประสานกับคุณน้ำมนต์ในช่วงหลังนั้นทำได้ดีกว่ากลางสายธาราตอนแรก
คุณธานี ในบทหลวงจีนฟาไห่ เป็นเสียงที่ทรงพลังมากจนรู้สึกว่าถ้าจะให้ใครมาต่อกร
กับคุณน้ำมนต์ได้ก็ต้องมีพลังประมาณนี้แหละ ไม่งั้นเสร็จนางพญางูแน่ ๆ
หลวงจีนในละครเวทีจะดูเหมือนดุ โหดอยู่พอสมควร (จะโหดไปไหน)
การออกแบบให้มีพระลูกศิษย์เดินตามเป็นเสียงประสานด้วยยิ่งทำให้รู้สึกว่า
พระรูปนี้มีอำนาจบารมีมากขึ้น ยิ่งตอนที่ร้อง "งูขาว.... งูเขียว.... พี่น้องสองศรี..."
ตอนที่สู้กับนางพญางูขาวยิ่งรู้สึกถึงอำนาจ เหมาะกับบทสุด ๆ
คุณนิธิวดี กับบทพี่สาวของพระเอก ตัวละครนี้บทไม่มาก แต่ต้องแสดงอารมณ์มาก
เธอเสียงดีมากและแสดงได้ดีมาก คือดูแล้วตัวละครนี้ปากร้าย ใช้อารมณ์มาก
มีตอนที่เธอด่าทอไล่ส่งแต่พอฝ่ายตรงข้ามไปกลับร้องไห้ ทำบางเรื่องที่ไม่ค่อยมีเหตุผล
แต่เธอแสดงเป็นคนที่ใช้อารมณ์นำเหตุผลได้อย่างพอเหมาะพอดีมากค่ะ (อธิบายแบบนี้งงมั้ยคะ เหอ ๆ)
ละครเรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่องผ่านวันผ่านเวลาด้วยการร้องเพลงของหมู่มวลนักแสดงประกอบ
ซึ่งไพเราะมาก นักแสดงประกอบทุกคนร้องเพลงดี ดนตรีก็ดี ฟังแล้วเพลินทีเดียว
โดยรวมเห็นด้วยกับคุณ Frebber ที่ว่าฉากไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่
บางฉากแอบคิดว่าอาจทำให้อลังการกว่านี้ก็ได้
แต่... นี่เป็นละครเพลง ฉากทั้งหลายเป็นเพียงส่วนประกอบการเล่าเรื่องราวด้วยเพลงเท่านั้น
ในขณะที่ด้านเพลงนั้นเราเห็นว่าเป็นด้านที่ทำได้แทบจะสมบูรณ์แบบ
ทั้งบทประพันธ์ที่ไพเราะ เนื้อร้องที่สละสลวย นักแสดงและนักดนตรีถ่ายทอดได้ไพเราะและเข้าถึง
แค่นี้ก็ทำให้เราอยากกลับมาเปิดเพลงละครฟังไม่หยุดระหว่างรอซีดีเพลงแล้วค่ะ
[CR] นางพญางูขาว : เมื่อฉันต้องอำนาจมนตราและเสียงสวรรค์ของนางพญางู
แต่คราวนี้โดนดึงดูดให้ไปชมก็เพราะเพลงล้วน ๆ เลยค่ะ
เพลงที่ปล่อยออกมาให้ฟังช่วงแรก ๆ นั้นเพราะถูกใจทั้งสิ้น ยิ่งฟังยิ่งซึ้ง
ยิ่งพอได้มาอ่านกระทู้รีวิว http://ppantip.com/topic/31250594 ยิ่งอยากไปพิสูจน์เป็นทวีคูณ
เมื่อสำรวจแล้วรอบที่สะดวกมีตั๋ว อิฉันก็ไม่รอช้าที่จะไปดูค่ะ
ตั้งแต่เพลงแรกหลังเปิดม่าน หมู่มวลร้องเพลงประสานเสียง
"งูขาว.... งูเขียว.... พี่น้องสองศรี..." เราก็เริ่มตะลึงกับความไพเราะของบทเพลง
แต่นั่นยังแค่เบาะ ๆ ค่ะ เมื่อนางพญางูทั้งสองกลายร่างเป็นคน
บัดนั้นเราเข้าใจในทันที ทำไมค่ายนี้จึงให้ความสำคัญกับคุณน้ำมนต์มากเหลือเกิน
เสียงของเธอทั้งไพเราะ ใส กังวาล มีพลัง แล้วยังแสดงอารมณ์ออกมาได้ตามต้องการ
โดยไม่รู้สึกว่าเธอต้องพยายามอะไรเลย เวลาสบายใจเสียงก็มีพลังแบบสบายใจ
เวลาทุกข์ใจเสียงก็มีพลังแบบทุกข์ใจ เวลาสับสนก็มีพลังแบบสับสน
คือเหมือนเพลงทั้งยากทั้งง่ายต่าง ๆ เธอเอาอยู่หมด....
โดยเฉพาะเพลงสุดท้าย "เดียวดาย" เธอนั่งอยู่กลางเวทีเพียงคนเดียวและร้องเพลงเดี่ยว
โดยปราศจากเสียงประสานหรือเสียงดนตรีใด ๆ ช่วย
เสียงอันโศกระทมของเธอก้องกังวาลไปทั่วโรงละครที่มีไฟเหลือเพียงไม่กี่ดวง
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใจสลาย ต้องพลัดพรากจากคนที่รักไปชั่วนิรันดร
เธอฟูมฟายหาความรัก ความอบอุ่น คนที่แสนห่วงหาที่นับแต่นี้จะไม่มีวันได้พบ
เสียงนั้นแม้เสนาะหูเหลือเกินแต่ฟังดูระทมขมขื่นจนเราก็หัวใจสลายตามเธอไปในตอนนั้น....
ส่วนนางพญางูเขียว (เนส af) ฟังครั้งแรกก็พอทราบว่าประสบการณ์ยังไม่เท่าคุณน้ำมนต์
แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจนน่าเกลียด เธอรับผิดชอบเพลงของเธอไหว ท่อนประสาน ท่อนร้องโต้ตอบก็ทำได้ดี
ยิ่งช่วงที่ต้องแสดงอารมณ์อย่างตอนโกรธ หรือช่วงหลังที่ทั้งสองเริ่มสิ้นหวังกับมนุษย์
เธอรับส่งบทกับคุณน้ำมนต์ได้อย่างดี ได้ความรู้สึกโศกเศร้าและบีบคั้นของทั้งคู่อย่างชัดเจน
ด้วยความเป็นสาววัยสดใส เธอเล่นบทซุกซนได้อย่างน่ารัก โดยเฉพาะตอนเล่นเกมเสกของกับพี่เขย
ส่วนคุณชาย ชาตโยดม รู้สึกว่าเป็นคนที่ต้องทำงานหนักยิ่งกว่าใครในเรื่อง
แต่กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่าที่คุณชายเคยให้สัมภาษณ์ว่าแทบไม่เคยร้องเพลงให้ดาราผู้สัมภาษณ์ฟังมาก่อน
นั้นคุณชายพูดจริง คือดูแล้วรู้สึกได้ว่าคุณชายต้องพยายามมากในการร้องเพลง
โดยเฉพาะเมื่อต้องประกบกับรุ่นใหญ่แล้ว ยังเห็นความแตกต่างชัดเจน
แต่คุณชายก็พยายามจริง ในเพลงหลัง ๆ ที่ต้องใส่อารมณ์คุณชายทำได้อย่างดี
เพลงร้องประสานกับคุณน้ำมนต์ในช่วงหลังนั้นทำได้ดีกว่ากลางสายธาราตอนแรก
คุณธานี ในบทหลวงจีนฟาไห่ เป็นเสียงที่ทรงพลังมากจนรู้สึกว่าถ้าจะให้ใครมาต่อกร
กับคุณน้ำมนต์ได้ก็ต้องมีพลังประมาณนี้แหละ ไม่งั้นเสร็จนางพญางูแน่ ๆ
หลวงจีนในละครเวทีจะดูเหมือนดุ โหดอยู่พอสมควร (จะโหดไปไหน)
การออกแบบให้มีพระลูกศิษย์เดินตามเป็นเสียงประสานด้วยยิ่งทำให้รู้สึกว่า
พระรูปนี้มีอำนาจบารมีมากขึ้น ยิ่งตอนที่ร้อง "งูขาว.... งูเขียว.... พี่น้องสองศรี..."
ตอนที่สู้กับนางพญางูขาวยิ่งรู้สึกถึงอำนาจ เหมาะกับบทสุด ๆ
คุณนิธิวดี กับบทพี่สาวของพระเอก ตัวละครนี้บทไม่มาก แต่ต้องแสดงอารมณ์มาก
เธอเสียงดีมากและแสดงได้ดีมาก คือดูแล้วตัวละครนี้ปากร้าย ใช้อารมณ์มาก
มีตอนที่เธอด่าทอไล่ส่งแต่พอฝ่ายตรงข้ามไปกลับร้องไห้ ทำบางเรื่องที่ไม่ค่อยมีเหตุผล
แต่เธอแสดงเป็นคนที่ใช้อารมณ์นำเหตุผลได้อย่างพอเหมาะพอดีมากค่ะ (อธิบายแบบนี้งงมั้ยคะ เหอ ๆ)
ละครเรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่องผ่านวันผ่านเวลาด้วยการร้องเพลงของหมู่มวลนักแสดงประกอบ
ซึ่งไพเราะมาก นักแสดงประกอบทุกคนร้องเพลงดี ดนตรีก็ดี ฟังแล้วเพลินทีเดียว
โดยรวมเห็นด้วยกับคุณ Frebber ที่ว่าฉากไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่
บางฉากแอบคิดว่าอาจทำให้อลังการกว่านี้ก็ได้
แต่... นี่เป็นละครเพลง ฉากทั้งหลายเป็นเพียงส่วนประกอบการเล่าเรื่องราวด้วยเพลงเท่านั้น
ในขณะที่ด้านเพลงนั้นเราเห็นว่าเป็นด้านที่ทำได้แทบจะสมบูรณ์แบบ
ทั้งบทประพันธ์ที่ไพเราะ เนื้อร้องที่สละสลวย นักแสดงและนักดนตรีถ่ายทอดได้ไพเราะและเข้าถึง
แค่นี้ก็ทำให้เราอยากกลับมาเปิดเพลงละครฟังไม่หยุดระหว่างรอซีดีเพลงแล้วค่ะ