จุดเปลี่ยน การเมือง กรณี ปราสาท พระวิหาร เปิดตัว ประชาธิปัตย์
วิวาทะกลางรัฐสภาระหว่าง นายวีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมทนายความไทย
ในคดีปราสาทพระวิหาร กับ นายศิริโชค โสภา ดำเนินไปในลักษณะเปิดเปลือย
เปิดและเปลือย นายศิริโชค โสภา อย่างล่อนจ้อน
ล่อนจ้อนให้ประจักษ์ว่าภายใต้วาทกรรมความรักชาติ ไม่ยอมเสียดินแดน
แม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้นความเป็นจริงเป็นอย่างไร
เป็นอย่างที่พูด หรือว่า ดีแต่พูด
หลังคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน
ได้ทำให้คนไทยได้รับรู้มิติบางมิติของนักการเมือง ของกลุ่มการเมือง
ที่อ้างว่า รักชาติ นั้นแท้จริงแล้วคือ คลั่งชาติ
ที่อ้างว่าทำเพื่อรักษาแผ่นดินไทยนั้นแท้จริงแล้วกำลังสร้างความขัดแย้ง ขยายวง
ความขัดแย้งให้เข้าสู่สถานการณ์และการปะทะกันด้วยอาวุธอีกหนหนึ่ง
เหมือนที่เคยเกิดในรัฐบาล ประชาธิปัตย์
หากตามกระแสทางความคิดของม็อบสารพัด กลุ่ม ซึ่งมีเป้าหมายร่วม คือ
เป้าหมายจะอาศัยคำพิพากษามาเป็นอาวุธในการทิ่มแทงและโค่นล้มรัฐบาล
ก็จะสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของ เจตนา อันแท้จริง
ลึกๆ มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการให้คำพิพากษาออกมาใน ทางลบ แก่ประเทศ
แก่รัฐบาลเพื่อที่พวกตนจะอาศัยมาขยายความขัดแย้ง
บังเอิญที่คำพิพากษาไม่ได้เป็นไปตามเจตนาและความต้องการ
กระนั้น ก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดาย การปลุกกระแสขยายและบิดเบือนคำพิพากษา
ให้ออกไปในทางเลวร้ายก็ยังดำเนินไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่ากระทรวง
การต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมจะออกมาทัดทาน ท้วงติงอย่างเหน็ดเหนื่อย
ก็ยังไม่ยอม หยุด ก็ยังไม่ยอม ยั้งคิด
จำเป็นต้องย้อนกลับไปยังบรรยากาศทางการเมืองลักษณะนี้ในการชุมนุมใหญ่
เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ประสานและขานรับในเวทีสภาผู้แทนราษฎร
นั่นแหละคือรากที่มาของความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและยาวนาน
ยิ่งเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ปมจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ก็กลายเป็น
ประเด็นทำให้เรื่องบานปลายกระทั่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
ในที่สุด คดีก็มีการฟ้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างชาติหรือ ศาลโลก
เรื่องที่ไทย-กัมพูชาถนอมน้ำใจกันมาตั้งแต่เมื่อปี 2505 ก็บานปลายกลาย
เป็นคดีความในยุคแห่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แม้คำพิพากษาของตุลาการ
จะออกมาในทางสร้างสรรค์ก็ยังไม่ยอม
เป็น คนหน้าเดิม เมื่อปี 2551 นั่นแหละที่ไม่ยอม
คำชี้แจงของ นายวีรชัย พลาศรัย คือใยไร้สภาพอันปรากฏขึ้นมาจากข้าราชการ
ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน
ระยะเวลาจากปี 2554 ที่เขารับหน้าที่เป็นทนายความ อยู่ในปัญหา อยู่ในความขัดแย้ง
จึงย่อมรู้ดีว่าต้นตอแท้จริงมาจากไหนและจะทำอย่างไรเพื่อให้คลี่คลายไปในทางที่ดี
ต่างจากบางฝ่ายที่ต้องการ ขยาย บิดเบือนเพื่อสร้าง ปัญหา ไม่จบสิ้น
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EVXpNRGt3TlE9PQ==§ionid=
แฟนคลับ บอกไม่เอา ไม่เชื่อ .... ตัวการทำให้ไทยเสียดินแดน รับคำสั่งรัฐบาลไป ... อ่ะ
จุดเปลี่ยน การเมือง กรณี ปราสาท พระวิหาร เปิดตัว ประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ ข่าวสดออนไลน์
วิวาทะกลางรัฐสภาระหว่าง นายวีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมทนายความไทย
ในคดีปราสาทพระวิหาร กับ นายศิริโชค โสภา ดำเนินไปในลักษณะเปิดเปลือย
เปิดและเปลือย นายศิริโชค โสภา อย่างล่อนจ้อน
ล่อนจ้อนให้ประจักษ์ว่าภายใต้วาทกรรมความรักชาติ ไม่ยอมเสียดินแดน
แม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้นความเป็นจริงเป็นอย่างไร
เป็นอย่างที่พูด หรือว่า ดีแต่พูด
หลังคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน
ได้ทำให้คนไทยได้รับรู้มิติบางมิติของนักการเมือง ของกลุ่มการเมือง
ที่อ้างว่า รักชาติ นั้นแท้จริงแล้วคือ คลั่งชาติ
ที่อ้างว่าทำเพื่อรักษาแผ่นดินไทยนั้นแท้จริงแล้วกำลังสร้างความขัดแย้ง ขยายวง
ความขัดแย้งให้เข้าสู่สถานการณ์และการปะทะกันด้วยอาวุธอีกหนหนึ่ง
เหมือนที่เคยเกิดในรัฐบาล ประชาธิปัตย์
หากตามกระแสทางความคิดของม็อบสารพัด กลุ่ม ซึ่งมีเป้าหมายร่วม คือ
เป้าหมายจะอาศัยคำพิพากษามาเป็นอาวุธในการทิ่มแทงและโค่นล้มรัฐบาล
ก็จะสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของ เจตนา อันแท้จริง
ลึกๆ มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการให้คำพิพากษาออกมาใน ทางลบ แก่ประเทศ
แก่รัฐบาลเพื่อที่พวกตนจะอาศัยมาขยายความขัดแย้ง
บังเอิญที่คำพิพากษาไม่ได้เป็นไปตามเจตนาและความต้องการ
กระนั้น ก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดาย การปลุกกระแสขยายและบิดเบือนคำพิพากษา
ให้ออกไปในทางเลวร้ายก็ยังดำเนินไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่ากระทรวง
การต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมจะออกมาทัดทาน ท้วงติงอย่างเหน็ดเหนื่อย
ก็ยังไม่ยอม หยุด ก็ยังไม่ยอม ยั้งคิด
จำเป็นต้องย้อนกลับไปยังบรรยากาศทางการเมืองลักษณะนี้ในการชุมนุมใหญ่
เมื่อเดือนมิถุนายน 2551 โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ประสานและขานรับในเวทีสภาผู้แทนราษฎร
นั่นแหละคือรากที่มาของความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและยาวนาน
ยิ่งเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ปมจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ก็กลายเป็น
ประเด็นทำให้เรื่องบานปลายกระทั่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ
ในที่สุด คดีก็มีการฟ้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างชาติหรือ ศาลโลก
เรื่องที่ไทย-กัมพูชาถนอมน้ำใจกันมาตั้งแต่เมื่อปี 2505 ก็บานปลายกลาย
เป็นคดีความในยุคแห่งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แม้คำพิพากษาของตุลาการ
จะออกมาในทางสร้างสรรค์ก็ยังไม่ยอม
เป็น คนหน้าเดิม เมื่อปี 2551 นั่นแหละที่ไม่ยอม
คำชี้แจงของ นายวีรชัย พลาศรัย คือใยไร้สภาพอันปรากฏขึ้นมาจากข้าราชการ
ผู้รักชาติ รักแผ่นดิน
ระยะเวลาจากปี 2554 ที่เขารับหน้าที่เป็นทนายความ อยู่ในปัญหา อยู่ในความขัดแย้ง
จึงย่อมรู้ดีว่าต้นตอแท้จริงมาจากไหนและจะทำอย่างไรเพื่อให้คลี่คลายไปในทางที่ดี
ต่างจากบางฝ่ายที่ต้องการ ขยาย บิดเบือนเพื่อสร้าง ปัญหา ไม่จบสิ้น
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EVXpNRGt3TlE9PQ==§ionid=
แฟนคลับ บอกไม่เอา ไม่เชื่อ .... ตัวการทำให้ไทยเสียดินแดน รับคำสั่งรัฐบาลไป ... อ่ะ