เนื่องมาจากวันนี้ จขกท.พาป้าไปช็อปปิ้งที่โลตัสแห่งหนึ่ง ซึ่งคนที่เดินซูเปอร์มาเก็ตบ่อยๆคงรู้ดีว่า ในบางเวลา ห้างจะนำสินค้ามาแปะสติกเกอร์ป้ายเหลืองบ้าง ป้ายแดงบ้าง ราคาลดพิเศษแบบครึ่งต่อครึ่ง (ส่วนคุณภาพ ต้องแล้วแต่ดวง ตาดีได้ ตาร้ายเสีย) และวันนี้ ก็ถือเป็นวันโชคดีของเรากับป้าที่ได้ของถูกและดีมาไว้ในครอบครองหลายชิ้น ขณะที่กำลังเริงร่ากับป้าของตัวเองอยู่ ณ แคชเชียร์ รอจ่ายเงิน เราก็ได้พบกับสิ่งที่คนเรียกขานกันว่า
มนุษย์ป้า เข้าอย่างจัง
มนุษย์ป้าท่านนี้มากับลูกสาว (หรือไม่ก็หลาน) วัยประมาณสิบกว่าๆ ในชุดแสนสะดุดสีชมพูแป๋น กับสร้อย แหวน และตุ้มทอง (จขกท.ขอให้คะแนนการแต่งกาย 10/10) สไลด์รถเข็นมาต่อคิวคิดเงินถัดจากเราไป ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร เห็นป้าชมพูแกคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับเด็กที่มาด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของป้าชมพูก็วาวโรจน์ เมื่อเห็นสินค้าที่วางไว้รอสแกนบาร์โค้ดของเรากับป้า (เหตุการณ์นี้มีป้า 2 ท่านนะคะ ป้าของเราเอง และมนุษย์ป้าเสื้อชมพู ^^) และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มนุษย์ป้าเอื้อมมือมาที่แพ็คกระเพาะหมูลดราคาสุดๆ (จาก 76 เหลือ 38) ด้วยสายตาประหนึ่งพบขุมทรัพย์ แล้วเอานิ้วจิก จิ้ม พลิก พิสูจน์ ชันสูตร ราวกับมันเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็กวาดสายตาไปยังสินค้าชิ้นอื่นๆที่ผ่านการคัดสรรและลดราคาแล้ว อันได้แก่เห็ดโคนญี่ปุ่น มะเขือม่วง และสินค้าอื่นๆที่ sale แปะป้ายเหลืองราคาลดพิเศษ แล้วเอื้อมมือลงมาอีกครั้งหนึ่ง...
คือว่า...การชันสูตรสินค้าก่อนซื้อหรือจ่ายเงินมันไม่ใช่เรื่องแปลกนะ...ใครๆเขาก็ทำกัน ยิ่งเป็นของลดราคาแต่ว่าอยู่ในสภาพดี ใครเห็นก็ต้องถูกใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่...แต่...แต่...นี่มันของรอคิดเงินของเรานะเฟ้ย !!! คุณมนุษย์ป้า !!! กระเพาะหมูอุตสาห์เลือกแพ็คดีๆ ไม่มีรอยช้ำ นี่เล่นกดชันสูตรซะเป็นรอยนิ้วบุ๋มลงไปเลย !!!
แล้วมนุษย์ป้าคงจะรู้ตัวละมั้งว่าเราจ้องอยู่ (กำลังจะอ้าปากด่าแล้ว) ชีเชิดหน้า มองเรากลับด้วยสายตาจิกๆ เอานิ้วที่ใส่แหวนชี้ลงมาที่กระเพาะหมูแล้วถามเสียงจิกๆ
มนุษย์ป้า : ไอ้นี่หยิบมาจากตรงไหน
Me : ก็ตรงนั้นละค่ะ (ชี้นิ้วไปทางแผนกขายของสดที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่)
มนุษย์ป้า : แล้วของหมดหรือยัง
Me : ไม่รู้สิคะ เมื่อกี้ก็มีไม่กี่อันด้วย (ถามพนักงานง่ายกว่ามั้ยป้า)
มนุษย์ป้าหันไปหาเด็กที่มาด้วยกัน บอกว่า "รออยู่นี่ก่อนนะ" แล้วออกตัวไปด้วยความเร็วสูง มุ่งสู่แผนกของสดด้วยความเร็วสูง
แล้วน้องที่มาด้วยกันก็ทำหน้าเจื่อนๆ งงๆ สงสารก็แต่คิวต่อจากเด็กของป้าชมพู (มีต่อหลังอยู่อีกสองคิว) ถ้าชียังไม่กลับ รถเข็นก็คงค้างเติ่งอย่างนั้น คิวหลังๆก็คิดเงินไม่ได้
ส่วนป้าของจขกท.ไม่ได้สังเกตุเหตุการณ์อะไร พอคิดเงินของต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็พากันเข็นรถหลั่นล้าลองมาชั้นล่าง จขกท.ก็เล่าเรื่องให้ป้าฟัง ป้าเราก็เออออแล้วบ่นว่า "นี่ถึงป้าแก่แล้ว ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ"
สรุปว่าปัจจัยที่สร้างมนุษย์ป้าขึ้นมาได้ คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ หรือฐานะ แต่เป็นนิสัยส่วนตัวล้วนๆเลยสินะเนี่ย
ปล.กลับมาถึงบ้านแล้ว พอป้าเราเห็นแพ็คกระเพาะหมูที่มีรอยจิก ก็บ่นใหญ่เลยทีนี้ หาว่าไม่ห้ามมนุษย์ป้าเอาไว้ ไม่ให้แตะต้องของๆเรา
[ขอระบายขำๆ] เมื่อข้าพเจ้าพบ "มนุษย์ป้า" ณ โลตัส...
มนุษย์ป้าท่านนี้มากับลูกสาว (หรือไม่ก็หลาน) วัยประมาณสิบกว่าๆ ในชุดแสนสะดุดสีชมพูแป๋น กับสร้อย แหวน และตุ้มทอง (จขกท.ขอให้คะแนนการแต่งกาย 10/10) สไลด์รถเข็นมาต่อคิวคิดเงินถัดจากเราไป ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร เห็นป้าชมพูแกคุยกระจุ๋งกระจิ๋งกับเด็กที่มาด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของป้าชมพูก็วาวโรจน์ เมื่อเห็นสินค้าที่วางไว้รอสแกนบาร์โค้ดของเรากับป้า (เหตุการณ์นี้มีป้า 2 ท่านนะคะ ป้าของเราเอง และมนุษย์ป้าเสื้อชมพู ^^) และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มนุษย์ป้าเอื้อมมือมาที่แพ็คกระเพาะหมูลดราคาสุดๆ (จาก 76 เหลือ 38) ด้วยสายตาประหนึ่งพบขุมทรัพย์ แล้วเอานิ้วจิก จิ้ม พลิก พิสูจน์ ชันสูตร ราวกับมันเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็กวาดสายตาไปยังสินค้าชิ้นอื่นๆที่ผ่านการคัดสรรและลดราคาแล้ว อันได้แก่เห็ดโคนญี่ปุ่น มะเขือม่วง และสินค้าอื่นๆที่ sale แปะป้ายเหลืองราคาลดพิเศษ แล้วเอื้อมมือลงมาอีกครั้งหนึ่ง...
คือว่า...การชันสูตรสินค้าก่อนซื้อหรือจ่ายเงินมันไม่ใช่เรื่องแปลกนะ...ใครๆเขาก็ทำกัน ยิ่งเป็นของลดราคาแต่ว่าอยู่ในสภาพดี ใครเห็นก็ต้องถูกใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่...แต่...แต่...นี่มันของรอคิดเงินของเรานะเฟ้ย !!! คุณมนุษย์ป้า !!! กระเพาะหมูอุตสาห์เลือกแพ็คดีๆ ไม่มีรอยช้ำ นี่เล่นกดชันสูตรซะเป็นรอยนิ้วบุ๋มลงไปเลย !!!
แล้วมนุษย์ป้าคงจะรู้ตัวละมั้งว่าเราจ้องอยู่ (กำลังจะอ้าปากด่าแล้ว) ชีเชิดหน้า มองเรากลับด้วยสายตาจิกๆ เอานิ้วที่ใส่แหวนชี้ลงมาที่กระเพาะหมูแล้วถามเสียงจิกๆ
มนุษย์ป้า : ไอ้นี่หยิบมาจากตรงไหน
Me : ก็ตรงนั้นละค่ะ (ชี้นิ้วไปทางแผนกขายของสดที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่)
มนุษย์ป้า : แล้วของหมดหรือยัง
Me : ไม่รู้สิคะ เมื่อกี้ก็มีไม่กี่อันด้วย (ถามพนักงานง่ายกว่ามั้ยป้า)
มนุษย์ป้าหันไปหาเด็กที่มาด้วยกัน บอกว่า "รออยู่นี่ก่อนนะ" แล้วออกตัวไปด้วยความเร็วสูง มุ่งสู่แผนกของสดด้วยความเร็วสูง
แล้วน้องที่มาด้วยกันก็ทำหน้าเจื่อนๆ งงๆ สงสารก็แต่คิวต่อจากเด็กของป้าชมพู (มีต่อหลังอยู่อีกสองคิว) ถ้าชียังไม่กลับ รถเข็นก็คงค้างเติ่งอย่างนั้น คิวหลังๆก็คิดเงินไม่ได้
ส่วนป้าของจขกท.ไม่ได้สังเกตุเหตุการณ์อะไร พอคิดเงินของต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็พากันเข็นรถหลั่นล้าลองมาชั้นล่าง จขกท.ก็เล่าเรื่องให้ป้าฟัง ป้าเราก็เออออแล้วบ่นว่า "นี่ถึงป้าแก่แล้ว ก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ"
สรุปว่าปัจจัยที่สร้างมนุษย์ป้าขึ้นมาได้ คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ หรือฐานะ แต่เป็นนิสัยส่วนตัวล้วนๆเลยสินะเนี่ย
ปล.กลับมาถึงบ้านแล้ว พอป้าเราเห็นแพ็คกระเพาะหมูที่มีรอยจิก ก็บ่นใหญ่เลยทีนี้ หาว่าไม่ห้ามมนุษย์ป้าเอาไว้ ไม่ให้แตะต้องของๆเรา