'การ์ดอาชีวะ' แผนสู้...อาวุธปราบจลาจล

กระทู้ข่าว
http://www.komchadluek.net/detail/20131114/172728.html





นักเรียนอาชีวะกลับมาเป็น "ฮีโร่" อีกครั้งหนึ่ง เมื่อแกนนำประท้วงรัฐบาลทั้ง 3 เวทีบนถนนราชดำเนิน ยกย่องให้ "การ์ดอาชีวะ" เป็นแนวหน้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล หากมีการใช้กำลังหรือยิงแก๊สน้ำตาทำร้ายประชาชน

11 พฤศจิกายน 2556 คลื่นม็อบนกหวีดทั่วกรุงเทพฯ เรือนแสน หลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันบนถนนราชดำเนิน คลื่นมหาประชาชน ซึ่งหลั่งไหลร่วมชุมนุมสร้างความตึงเครียดให้แก่ "การ์ดอาชีวะ" ผู้แบกรับความปลอดภัยในพื้นที่ สมาชิกถูกเรียกตัวเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ ตั้งแต่เช้าตรู่

มีข่าวลือว่า หากตำรวจหรือชายชุดดำเข้ามาก่อความไม่สงบ หรือทำให้ผู้ชุมนุมเสียเลือดเนื้อแม้แต่คนเดียว พลังอาชีวะทั้งหมดจะลุกขึ้นโต้กลับอย่างพร้อมเพรียงกัน

การ์ดอาชีวะผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลความเรียบร้อยบริเวณ "เต็นท์อาชีวะ:กู้ชาติ" เล่าให้ฟังว่า วันนี้ถนนราชดำเนินถูกยึดเป็นแหล่งยุทธศาสตร์ของ 3 เวทีประท้วงรัฐบาล ได้แก่ 1.เวทีคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนจากสถานีรถไฟสามเสนมาตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำให้ต้องเพิ่มการ์ดอาชีวะในจุดนี้เป็นพิเศษหลังปิดถนนบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ 2.เวทีกองทัพธรรม ร่วมกับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) มาถึงเย็นวันที่ 5 พฤศจิกายน และ 3.เวที คปท. หรือ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กลุ่มนี้เคลื่อนจากแยกอุรุพงษ์มาถึงตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นเสมือนแกนหลักในการประสานนักเรียนอาชีวะจากสถาบันต่างๆ

ทั้งนี้ มี 3 กลุ่มดูแลระบบการดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมทั้งหมด 1.การ์ดเวที เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของแกนนำที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีต่างๆ และดูแลประตูทางเข้าออก ส่วนใหญ่เป็นผู้มีประสบการณ์ผ่านมาหลายเวทีแล้ว แค่มองหน้าก็รู้ว่าใครแฝงตัวเข้ามาหรือมีลักษณะผิดปกติไม่น่าไว้วางใจ 2.การ์ดบ้าน หรือกลุ่มชายวัยรุ่นใส่เสื้อยืดสีดำมีตัวอักษรคำว่า "security" พิมพ์ไว้ด้านหลัง กลุ่มนี้เฝ้าตามมุมถนนต่างๆ คอยดูแลความปลอดภัยทั่วไป 3.การ์ดอาชีวะ คาดว่ามีการระดมพลจากสถาบันการศึกษาสารพัดช่าง หรือโรงเรียนเทคนิคต่างๆ มาร่วมไม่ต่ำกว่า 2,000 คนทั่วประเทศ

"ผมไม่รู้นะว่าอาชีวะมากี่สถาบันกันแน่ แต่เท่าที่เห็นๆ ไม่ต่ำกว่า 50 สถาบัน ผมมาจากพระนครฯ เป็นศิษย์เก่าจบมา 2-3 ปีแล้ว พวกเรามาไม่ต่ำกว่า 40 คน ส่วนใหญ่ไม่รู้จักกัน มาจากหลายจังหวัด ต้องใช้วิธีแต่งตั้งแกนกลางเป็นผู้ประสานงานสั่งระดมคน ใช้ ว. หรือพวกวิทยุสื่อสารในการติดต่อ พวกเราไม่มีอาวุธ ไม่มีเสื้อกันกระสุน มีแต่สั่งให้ใส่เสื้อช็อปของแต่ละสถาบันมาเลย จะได้รู้ว่ามาจากไหน บางคนอาจได้รับแจกผ้าผันคอหรือผ้าผูกแขนด้วย เพื่อให้รู้ว่าเป็นการ์ดอาชีวะตัวจริง"

การเตรียมตัวของฝั่งตำรวจหากเกิดการปะกันนั้น นอกจากโล่-กระบองที่ติดตัวแล้ว ยังมีแก๊สน้ำตาชนิดขว้างแบบควัน, รถฉีดน้ำที่ภายในบรรจุแก๊สน้ำตา, กระสุนยาง ฯลฯ แต่สำหรับกลยุทธ์ในการต่อสู้นั้น การ์ดอาชีวะข้างต้นไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้ฟังได้มากนัก บอกเพียงว่า มี 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.กลุ่มผู้ประสานงานเตรียมความพร้อมขั้นตอนการสั่งระดมพลไว้แล้ว 2.วางจุดป้องกันมวลชนจัดเวรยามหมุนเวียน 24 ชั่วโมง พร้อมเฝ้าระวังการสลายม็อบจากตำรวจ 3.เตรียมพร้อมอุปกรณ์ช่าง เช่น กรรไกรตัดเหล็ก โดยเฉพาะพวกลวดหนามหรือกำแพงที่สร้างป้องกันบนสะพานมัฆวานรังสรรค์ ขอเพียงแกนนำสั่งลุยเชื่อว่าไม่กี่นาทีการ์ดอาชีวะก็สามารถรื้อถอนออกได้หมด

"เช" หนุ่มใหญ่ผมยาวหน้าเข้ม วัย 40 พร้อมรุ่นน้องอีก 2 คน สวมเสื้อช็อปปัก "กนกเทคโนโลยี" ตัวใหญ่บนอกซ้าย เล่าด้วยมาความภาคภูมิใจว่า แม้ว่าสถาบันของเขาจะถูกสั่งปิดไปตั้งแต่ปี 2539 แต่ศิษย์เก่ายังรวมตัวกันหนาแน่น มีเฟซบุ๊กแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ วันนี้อาชีวะที่มาส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วหลายปี ไม่อยากให้รุ่นน้องเป็นกังวลหรือมารับผิดชอบเรื่องนี้มากเกินไป เพราะต้องไปเรียนหนังสือและยังไม่มีประสบการณ์ต่อสู้มากนัก

เมื่อถามถึงกลยุทธ์ต่อสู้กับตำรวจที่มีอาวุธปราบม็อบครบมือ พวกเขาจะต้านทานไหวหรือไม่ "เช" ตอบอย่างติดตลกว่า

"อาชีวะมีคนน้อยนิด แต่มีน้อยหน่า พูดเล่นนะ เราไม่มีระเบิดน้อยหน่าหรอก แต่มีเครื่องมืออย่างอื่น ผมบอกได้เลยว่า ถ้ามีใครรังแกมวลชน ช่างกลอย่างพวกเราจะใช้มือเปล่าสู้ให้ดู ผมว่าเราประสานทีเดียวเรียกอาชีวะเข้ามาเพิ่มได้เป็นหมื่นคนทันที"

ขณะที่ "หนึ่ง" หนุ่มวัย 39 ปี ศิษย์เก่ากนกเทคโนโลยีรุ่นปี 25 เล่าให้ฟังว่า กลุ่มการ์ดอาชีวะที่มาครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่มากกว่า เพราะมีงานทำแล้ว เป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องทำให้พ่อแม่หรือครูอาจารย์เป็นห่วง "หนึ่ง" เป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ มาร่วมเวทีทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน งานไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีลูกน้องดูแลให้

จากการพูดคุยกับตัวแทนการ์ดอาชีวะหลายคน ทำให้วิเคราะห์เบื้องต้นได้ว่า สาเหตุที่แกนนำ 3 เวที มอบหมายให้การ์ดอาชีวะเป็นด่านแรกในการป้องกันความปลอดภัยของพี่น้องมวลชน เพราะแผนสู้ที่สำคัญของพวกเขาคือประสบการณ์ พวกเขาเป็นช่างกลจบมาทำงานกันหลายสิบปี รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือสามารถเอาทุกอย่างมาประยุกต์ไว้ป้องกันตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธร้ายแรง และที่สำคัญคือ พวกเขามีสปิริตของนักสู้!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่