ขอความช่วยเหลือด้วยครับ....โดนพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์หลอกขายประกันชีวิตครับผม...พึ่งรู้ว่าผมก็ไม่ใช่เหยื่อรายแรก

ผมได้หลงกลซื้อประกันชีวิตของ ไทยพาณิชย์ เมื่อ 3 ปีที่แล้วครับ เพิ่งมาทราบว่าโดนต้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองครับ และผมก็ได้ส่งคำร้องเรียนไปที่ คปภ. มาได้ 3 วันแล้วครับ ขอรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ในบอร์ดช่วยแนะนำผมด้วยครับว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดีในการเรียกร้องเงินคืนเต็มจำนวน พอดีว่าผมได้มีโอกาสคุยกับพี่ท่านหนึ่งในวงการ เค้าบอกว่าโดนหลอกกันแบบนี้เยอะมาก ผมก็ไม่ทราบว่าจะใช้คำพูดแรงๆว่า “หลอกปล้น” ได้หรือไม่???  ผมต้องขอบอกก่อนว่าผมเป็นคนไทยที่มีถิ่นพำนักถาวรอยู่ต่างประเทศ ก็คือ ไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย พอลงเครื่องบินแค่ 2 วันก็โดนหลอกขายประกันเลยครับ เรื่องราวทั้งหมดเป็นดั่งนี้ครับ (ขออภัย ยาวนิดนึงนะครับ และเป็นภาษาทางการเพราะเป็นจดหมายร้องเรียนที่ส่งไป คปภ. ครับ)

ผมขอเรียกชื่อพนักงานที่ขายประกันให้ผมเป็น นาย A  แทนแล้วกันนะครับ

สวัสดีครับ ผมและภรรยาขอร้องเรียนขอความเป็นธรรมในกรณีที่ถูกพนักงานหรือนายหน้าขายประกันของบริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิตหลอกลวงขายประกันชีวิตโดยการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเงื่อนไขของประกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งการตกลงยินยอมซื้อประกัน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ในวันที่ 13 ตุลาคม 2553 ผมและภรรยาได้ทำการเปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ จังหวัดกรุงเทพฯ ในวันนั้นผมได้ฝากเงินไว้จำนวนหนึ่ง ในระหว่างดำเนินการอยู่นั้นได้มีพนักงานธนาคารเข้ามาชักชวนให้ซื้อประกันเนื่องจากเห็นว่าผมและภรรยามีเงินฝากพอที่เข้าข่ายเป็นเป้าหมายในการขายประกันชีวิต ในความเป็นจริงคือผมต้องการแค่เปิดบัญชีและฝากเงินไม่ได้มีความต้องการซื้อประกันแต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรที่จะฟังการอธิบายสักเล็กน้อยเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของพนักงาน ต่อมาพนักงานคนนั้นได้นำ นาย A   มาเข้าพบและอธิบายรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับประกันชีวิต แบบ SAVER PLUS

นาย A ได้อธิบายถึงเงินค่างวด 145,000 บาทต่อปี (แยกเป็น 2 กรมธรรม์ ของผม 72,500 บาทต่อปี และภรรยาของผม 72,500 บาทต่อปี) ชำระทุกเดือนตุลาคม เป็นเวลา 6 ปี และผลประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับ เช่น
- เงินคืนทุกสองปีเป็นจำนวน 20,000 บาท, 6 งวด เป็นเวลา 12 ปี และ 1,000,000 บาท สุดท้ายในปีที่ 14 (ในที่นี้นาย A ใช้คำแทนว่า “ดอกเบี้ย”)
- เงินหักลดหย่อนภาษี 20,000 บาท ทุกปีเป็นเวลา 6 ปี
- ความคุ้มครอง และอื่นๆ

ตามความเข้าใจระหว่างผมและนาย A คือต้องมีเงินนอนอยู่ในประกันชีวิตเป็นเวลา 14 ปี จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่ผมได้บอกนาย A ว่า ผมกำลังอยู่ในช่วงตั้งตัวเพราะเพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน และคงไม่สามารถให้เงินจำนวนมากนอนอยู่ในประกันชีวิตนานจนถึง 14 ปี ได้ เพราะผมต้องหมุนเวียนเงินเข้าออกตลอดเวลาเพื่อการก่อร่างสร้างตัว และอีกไม่นานผมอาจจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อการลงทุนทางธุรกิจ ประกอบกับว่า ผมและภรรยามีถิ่นฐานการทำงานถาวรอยู่ประเทศออสเตรเลียจึงไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีที่ควรจะได้จากเงื่อนไขประกัน ผมเกรงว่าการทำประกันชีวิตตอนนี้น่าจะยังไม่เหมาะ

เนื่องจากนาย A ทราบในตอนต้นว่าผมยังไม่เคยทำประกันชีวิตมาก่อน อาจจะทำให้นาย A สังเกตุเห็นช่องทางในการหลอกล่อ และบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยง่าย พอเห็นดังนี้นาย A จึงได้อธิบายต่อว่า ถ้าวันใดผมต้องการเงินลงทุนทำธุรกิจ ผมสามารถถอนเงินคืนทั้งหมด (ถอนคืนเบี้ยประกันภัย) ได้เต็มตามจำนวนที่จ่ายไปทั้งหมด ตอนไหน หรือ เมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนหมดอายุประกัน แต่จะไม่ได้รับดอกเบี้ยสะสมจากกรมธรรม์ และผลประโยชน์อื่นๆ พร้อมกับโน้มน้าวให้เห็นว่าจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าฝากเงินในบัญชีออมพรัพย์ทั่วไป ผมรู้สึกสงสัยจึงถามกลับไปว่า “สมมุติผมได้จ่ายเบี้ยประกันเป็นเวลา 3 ปี เป็นจำนวน 435,000 บาท และต้องการยกเลิกกรมธรรม์ในปีนั้น ผมก็จะได้เงินคืน 435,000 บาทใช่หรือไม่?”  นาย A ได้ตอบว่า “ใช่ เพราะเป็นกรมธรรม์แบบออมทรัพย์ จะไม่มีการหักเงินแต่ประการใด ยกเว้นว่า จะไม่ได้รับดอกเบี้ยสะสมที่ยังค้างจ่าย แต่ถ้าให้ดี ขอแนะนำให้ยกเลิกกรมธรรม์ในปีที่ 4 เพราะเป็นรอบปีที่จ่ายดอกเบี้ย 20,000 บาทพอดี ลูกค้าก็จะได้รับเงินต้นคืนทั้งหมด บวกดอกเบี้ยในปีที่ 4”  นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ

นาย A ได้ให้ตารางเพื่อประกอบการอธิบาย, ต่อมาผมได้อ่านดูตัวเลขในตารางทั้งหมด แต่ก็ไม่เข้าใจบ้างในบางจุดเพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการซื้อประกันชีวิตเลย ผมจึงเกิดข้อสงสัยในช่อง “เงินเวนคืน กธ.” จึงถามนาย A แต่นาย Aกลับดึงผมให้กลับมาดูในช่อง “เบี้ยประกันรายปี” และบอกว่านี่คือจำนวนเงินต้นที่ผมจะได้คืนในกรณีที่ยกเลิกประกันก่อนกำหนด เพราะถือเป็นประกันชีวิตแบบพิเศษออมทรัพย์ เหมือนฝากเงินในธนาคาร และไม่อธิบายอะไรเกี่ยวกับ “เงินเวนคืน กธ.” อีกเลย (ซึ่งผ่านมา 3 ปี จนถึงปัจจุบัน ผมเพิ่งได้ตระหนักว่า ที่แท้จริงนาย A ต้องการเลี่ยงที่จะพูดถึงข้อเท็จจริงที่ขัดกับความต้องการในการวางแผนการเงินในอนาคตของผม และหลอกลวงให้ผมเข้าใจในสิ่งที่เป็นเท็จเพื่อเป้าหมายในการขายกรมธรรม์)

ผมและภรรยารู้สึกกังวลเล็กน้อยจึงถามย้ำไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่า “ผมอาจจะต้องยกเลิกประกันในปีที่ 3 หรือ 4 เพราะผมวางแผนไว้ว่าจะลงทุนทำธุรกิจในช่วงนี้ แล้วผมจะได้เงินต้นคืนทั้งหมดใช่หรือไม่” คำตอบที่ผมได้รับจากนาย A คือ “ใช่” ผมและภรรยาจึงรู้สึกคลายความกังวล และตัดสินใจเซ็นต์สัญญาซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต แบบ Saver Plus ณ. เวลานั้นเลย

ผมและภรรยาได้จ่ายค่าเบี้ยประกันคนละ 72,000 บาทมาแล้วทั้งหมด 4 งวด และเข้าสู่ปีที่ 4 รวมเป็นเงินทั้งหมด 580,000 บาท เนื่องจากเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องการลงทุนซื้ออาคารพาณิชย์เพื่อประกอบการธุรกิจในอนาคต ผมจึงต้องยกเลิกกรมธรรม์เพื่อถอนเงินต้นคืนทั้งหมดจำนวน 580,000 บาท เพื่อมาเป็นเงินส่วนหนึ่งในการลงทุน ผมจึงได้โทรไปที่ศูนย์บริการลูกค้าของบริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต เพื่อสอบถามขั้นตอนการขอคืนเงินเบี้ยประกัน แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อพนักงานตรวจสอบข้อมูลในระบบและแจ้งว่าผมและภรรยาจะได้เงินคืนรวมกันทั้งหมดแค่ 378,000 บาท เพราะว่ายกเลิกกรมธรรม์ก่อนกำหนดอายุสัญญา เท่ากับว่าผมโดนหักเงินไปทั้งหมด 202,000 บาท ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำที่นาย A กล่าวอ้างในวันทำสัญญา ผมพยายามอธิบายกับพนักงานทางโทรศัพท์ว่าผมควรจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนตามที่นาย A เคยอธิบายไว้ แต่พนักงานคนนั้นก็ยืนยันคำเดิมเพราะว่าระบบได้แจ้งข้อมูลมาตามนั้น ผมจึงได้วางสายและติดต่อนาย A ในทันที พยายามโทรติดต่อหลายต่อหลายครั้งเป็นเวลา 2 วัน ในวันและเวลาทำการของบริษัท ทั้งส่งข้อความ sms และฝากข้อความเสียง แต่นาย A ก็ไม่เคยรับสาย และไม่ติดต่อกลับ ผมจึงพยายามติดต่อไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาที่นาย Aประจำอยู่ แต่ปรากฏว่า นาย A ไม่ได้เข้ามาทำงานในธนาคารเลย (ซึ่งดูเหมือนนาย Aอาจจะต้องการหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับผมหรือไม่?) ผลสุดท้ายผมจึงไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้

ผมพยายามคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด และได้พูดคุยกับเพื่อนผมที่มีประสบการณ์มากทางด้านประกันชีวิต ผลปรากฏว่าผมมีแนวโน้มสูงที่จะโดนหลอกลวงให้ซื้อประกันชีวิต โดยการบิดเบือนเงื่อนไขกรมธรรม์ ให้เข้าใจในสิ่งที่เป็นเท็จเพื่อให้ลุซึ่งสัญญาซื้อขายประกัน และผมก็ได้ทราบมาว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อของนายหน้าขายประกันที่ไร้จริยธรรม จึงนับเป็นผลร้ายที่ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ธุรกิจประกันชีวิตเป็นอย่างมาก

จริงอยู่ที่ผมไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในการพิสูจน์เรื่องที่ผมร้องเรียนมานี้ มีเพียงแต่การพูดคุยสนทนาระหว่างผม, ภรรยา และนายหน้าขายประกัน ที่อธิบายเงื่อนไขกฏเกณฑ์ต่างๆ ในวันที่ทำสัญญา และไม่มีการบันทึกเสียงแต่อย่างใด แต่นี่แหละครับคือช่องโหว่ที่นายหน้าซึ่งไร้จริยธรรมใช้ในการหลอกลวงผู้ซื้อกรมธรรม์ที่ไม่มีประสบการณ์ และผมก็ไม่คาดคิดว่าผมจะโดนหลอกลวงจากพนักงานขายประกันของไทยพาณิชย์ ณ.ที่ธนาคารไทยพาณิชย์เสียเอง แต่ถ้าพิจารณาให้ดีต่อความเหมาะสมของตัวประกันชีวิต, เบี้ยประกัน, อายุสัญญา และ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ควรจะได้รับนั้น ไม่มีความเหมาะสมกับผมและภรรยาเลย เพราะ ยังไม่มีบุตร และได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคมของออสเตรเลียอยู่แล้ว และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ จึงไม่มีพันธะอะไรที่มากระตุ้นให้ทำประกันชีวิตแบบ Saver Plus ตัวนี้ ผมและภรรยาเพียงแค่ต้องการจะมีเงินฝากส่วนหนึ่งไว้ในประเทศไทย เพื่อรอการลงทุนในอนาคตเท่านั้น ซึ่งนาย A ก็ทราบเรื่องนี้ดี ณ. วันนั้น จึงได้เสนอประกันชีวิตตัวนี้มาให้

ผมและภรรยาขอร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ คปภ. ในกรณีที่เป็นผู้เสียหายต่อการหลอกขายกรมธรรม์ประกันชีวิตจาก นาย A  และขอให้ คปภ. เป็นตัวกลางในการเจรจากับบริษัทประกันเพื่อเรียกร้องเงินค่าเบี้ยประกันที่ได้ชำระไปแล้วคืนเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้แต่เดิม กับนาย A (เป็นจำนวนเงิน 580,000 บาท)......จดหมายร้องเรียนจบเพียงเท่านี้ครับ

ผมไม่ทราบจริงๆ ครับว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากความไร้จริยะธรรมส่วนตัวของพนักงานขายประกันที่ต้องการทำยอด หรือเป็นนโยบายของบริษัทกันแน่??? ในการหลอกลวงขายกรมธรรม์ หลอกปล้น โดยอาศัยความด้อยประสบการณ์ของลูกค้า  เพราะเห็นโดนกันเยอะเหลือเกิน นี่เงินผม 2 แสนกว่าบาทนะครับจะมาหลอกปล้นกันขนาดนี้มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ???  ยังไงเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ครับ ผมจะกลับไปเมืองไทยเพื่อดำเนินการให้ถึงที่สุดครับ

พอดีผมได้คุยกับคุณพี่ใจดีท่านหนึ่งในบอร์ด เค้าแนะนำว่าประกันชีวิตนี้ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก และสามารถทำให้เป็นโมฆะได้ เพราะผมไม่ได้อยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันก่อนทำประกัน ผมอยู่ออสเตรเลียมาตลอด 3 ปี และเพิ่งกลับมา holiday ที่ไทยได้แค่ 2 วัน ก็โดนหลอกขายประกันแล้ว แล้วอย่างนี้ใช้บอกเลิกกรมธรรม์ได้มั๊ยครับ

ขอความกรุณาจากเพื่อนๆ พี่ๆ ด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
***** อัพเดทล่าสุดครับจาก จขกท. *****

ขอบพระคุณทุกท่านที่ตอบกระทู้นี้ครับ  ผมได้ให้ข้อมูลชื่อเจ้าของกรมธรรม์ และเบอร์ติดต่อแก่ทางเจ้าหน้าที่ของไทยพาณิชย์ที่ได้ตอบกระทู้มาข้างต้นแล้วครับ และผมทราบว่าทาง คปภ. ก็ได้รับคำร้องเรียนและกำลังอยู่ในขั้นตอน...ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป...ผมจะขออัพเดทเรื่อยๆนะครับจนกว่าที่เรื่องจะจบลงเพื่อเป็นข้อคิด, วิทยาทาน, คำเตือน, การแก้ปัญหา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ที่เข้ามาอ่าน

อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป พอเกิดเรื่องขึ้นก็มีคนมาโพส เสร็จแล้วสักพักก็เงียบไป เดี๋ยวก็มีคนมาโพสว่าโดนหลอกแบบคล้ายๆกันนี้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเท่าที่ผมหาอ่านดู ผมไม่รู้เป็นรายที่เท่าไหร่แล้วที่ถูกหลอกซ้ำๆกันแบบนี้ในวิธีการที่แตกต่างกันออกไป (ส่วนใหญ่จะโดนประมาณว่านายหน้าจะพูดอธิบายอีกอย่าง แต่เวลาให้เราเซ็นต์เอกสารจะเอาอีกอย่างมาให้เซ็นต์ ซึ่งในเอกสารมีกับดักต่างๆ รอฟันเราซ่อนอยู่เต็มไปหมด) และเท่าที่ผมดูในรายอื่นๆ น่าสงสารมาก เพราะบางท่านก็เป็นคุณตาคุณยายที่ต้องการใช้เงินในบั้นปลายชีวิต หรือบางท่านที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว ก็โดนนายหน้าหลอกขายเอาเงินไป  ถ้าท่านไม่เชื่อเรื่องบาปกรรม ก็คิดถึงตัวเองสักหน่อยว่าถ้าผมหรือใครก็ตามนำเรื่องนี้ออกกระจายสู่สังคมออนไลน์ทุกแขนง หรือเรื่องราวไปถึงสื่อหลักอย่างโทรทัศน์ในการนำเสนอหล่ะ ท่านไม่คิดบางหรือ ว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่จะเป็นการทุบหม้อข้าวตนเอง รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ทำงานอย่างสุจริต ต้องพลอยมารับผลกรรมที่ท่านได้ก่อไว้ ต่อไปจะเหลือใครให้ท่านได้ขายประกันได้อีกเพราะทุกคนจะขาดความเชื่อถือในการซื้อกรมธรรม์ไปเสียแล้ว

ผมอาจจะนำเรื่องราวและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้ไปโพสลงในเว็ปบอร์ดอื่นๆ เป็นระยะๆ เพื่อเป็นการเตือนสติท่านอื่นๆ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของนายหน้าที่ไร้จริยะธรรม แต่ผมก็รู้สึกเห็นใจท่านที่ทำงานอย่างสุจริต ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาจริงๆครับ ที่ต้องมาพลอยเจอผลกระทบจากความเห็นแก่ตัวของคนไร้จริยะธรรมบางกลุ่ม ขอฝากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใช้ความรอบคอบอย่างมาก และเลือกซื้อประกันจากบริษัทและพนักงานที่น่าเชื่อถือนะครับ
ความคิดเห็นที่ 19
ผมมันคนใจอ่อน... เต่าเอือม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่