ถามลูกเจ้าของกิจการค่ะ ว่าอยากสานต่อกิจการของครอบครัวต่อไปรึปล่าว

ดิฉันเป็นลูกเจ้าของกิจการเล็กๆค่ะ มีลูกน้องประมาณ 4-5 คน งานที่บ้านเป็นงานหนักค่ะ เป็นพวกต้องจ้างคนแบกของ ขนของ ส่งของ ทุกวัน แต่ดิฉันเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวค่ะ ไม่มีพี่น้อง ความหวังทุกอย่างจึงตกมาที่เรา บอกตรงๆนะค่ะ ว่าในใจบางทีก็อยากจะสานต่อ แต่มีแต่คนดูถูกว่าทำงานนี้ไม่ได้หรอ ทำได้ไม่รอด จะทำไปได้สักกี่น้ำเด่วก็ต้องเลิก  บอกตรงๆนะค่ะ ในความรู้สึกของเราจริงๆแล้วเร้าไม่ชอบที่ต้องทำงานเพิ่งคนอื่น พูดตรงๆอ่ะค่ะอยากทำงานอะไรก็ได้แบบอิสระแบบไม่มีลูกน้อง เพราะเราเห็นจากที่บ้านอ่ะค่ะปวดหัวกับเรื่องลูกน้องมาก จ้างแพงนะค่ะ แต่เหมือนขี้เกียจจะทำงาน จะทำงานอะไรทีก็เหมือนต้องง้อลูกน้อง กลัวลูกน้องจะออก  วันนี้เราพูดกับครอบครัวเราตรงๆว่าเราไม่อยากทำงานที่บ้านต่อ ครอบครัวเราโมโหมากค่ะ ไล่ตะเพิดบอกไปหางานทำเองเลย ไปหางานทำที่ไหนก็ไป

เราเครียดมากค่ะ  ใจเราก็อยากไปลองทำงานหาประสบการณข้างนอกบ้างนะค่ะ แต่อีกใจก็เป็นห่งที่บ้านค่ะ กลัวงานยุ่งเดี๊ยวจะไม่มีคนช่วย

อยากถามความคิดเห็นคนที่เป็นลูกเจ้าของกิจการอย่างเีรา  และก็ท่านอื่นๆด้วยนะค่ะ ว่าเราควรจะทำยังไงดี  กลุ้มมากค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมก็ทำอยู่ทุกวันเนี่ยครับ งานที่อยากทำก็มีนะ แต่ขอเอาครอบครัวไว้ก่อน ให้เค้าสบายใจ ของเราก็ค่อยๆหาลู่ทางไปก็ได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เราเนี่ยล่ะ ไม่ใช่ลูกด้วย แต่เป็นรุ่นหลาน เราเป็นหลานคนโต ได้เห็น ได้รับรู้กิจการของที่บ้านมากกว่าหลานทุกคน แต่น้อยกว่ารุ่นลูก แต่รุ่นลูก ผู้ชายไม่มีใครยอมสานต่อ เพราะอยู่กับพ่อแม่แล้วทะเลาะกันแทบตาย ลูกผู้หญิงก็แต่งงานหมด มาถึงเรา โชคดีที่เป็นหลานรักตั้งแต่เล็ก ตอนที่อาสามาสานต่อกิจการ ปู่ย่าก็ไม่ไว้ใจนะ เราก็ทำไปแก้ไข อาศัยลูกน้องเก่าแก่ 2-3 คน ที่อยู่มาตั้งแต่เรายังเด็กๆ ช่วยบอกช่วยสอน จนปู่ย่าไว้ใจ วางมือให้เราดูกิจการเต็มตัว ตอนนี้แต่งหลานเขยเข้าบ้านมาทำงาน เราก็สอนงานสามีต่อ ให้สามีเป็นเจ้านายคุมงานแทน เราดูบัญชีเป็นหลักแทน

บอกตรงๆ ตั้งแต่เด็ก เห็นงานที่บ้าน ก็ไม่อยากทำ อยากหนีไปไกลๆ ตอนเด็กจำได้ว่าอยากรับราชการมาก แต่พอโตขึ้นมาแล้ว สิ่งที่มันฝังอยู่ในสายเลือด เป็นความถนัด เป็นความสนใจ มันดันเป็นเรื่องธุรกิจ การค้าขาย บัญชีการเงิน สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้นค่ะ แต่เรื่องจะสานต่อยังไงให้ไปรอด มันก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่คุณได้เรียนรู้จากรุ่นปู่ย่าพ่อแม่ด้วยค่ะ เอาความรู้ประสบการณ์จากรุ่นเก่า มาผสานกับความรู้ที่เราเีรียนมา ปรับให้เข้ากับสถานการณ์จริง

แล้วก็ขึ้นกับคุณลักษณะส่วนตัวของแต่ละคนด้วย อย่างบ้านเรา รุ่นลูก (อาคนเล็ก) ไม่มีเซ้นส์เรื่องลูกน้อง ปกครองลูกน้องไม่ได้ ซื้อใจลูกน้องไม่เป็น หมุนเงินไม่เก่ง ไม่รู้จักพูดคุยกับคนในวงการ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ คืนกิจการให้ปู่ย่าดูแลต่อ จนมาเป็นเรารับช่วง ซึ่งเราค่อนข้างลุย ทำงาน ขับรถส่งของ ยกของ อะไรช่วยลูกน้องได้ก็ช่วย เป็นเจ้านายต้องทำมากกว่าลูกน้อง ทำให้เห็นว่า ไม่มีลูกน้องเราก็ไปรอด อาจจะเหนื่อยแต่เราก็ทำได้ ลูกน้องใช้แรงงาน นอกจากน้ำเงินแล้วน้ำใจเป็นสิ่งสำคัญค่ะ บางทีแค่น้ำเย็นสักแก้ว ลิโพสักขวด ผ้าเย็นสักผืน คำพูดขอบคุณ คำถามว่า เหนื่อยมั้ย ก็เพียงพอที่จะผูกใจไว้ให้อยู่กับเราได้ แต่ถ้าลูกน้องทำผิดก็ต้องมีกฎในการทำโทษด้วย ส่วนตัวเราให้ความสนิทกับลูกน้องทุกระดับ แต่ก็ไม่ยอมให้ปีนเกลียวได้ค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่รู้จะสอนยังไงเหมือนกัน มันต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต่างคนก็ต่างสไตล์

ป.ล.เรื่องไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน เราก็ไม่ค่อยมีนะ วันๆอยู่แต่บ้าน เพื่อนที่คุยที่เจอก็คือเพื่อนสมัยเรียน ประถม มัธยม มหาลัย ป.ตรี ป.โท งานไม่ได้ทำ 24 ชม.ค่ะ ถ้ารุ่นก่อนเค้าทำ 24 ชม. มาถึงรุ่นเราก็ต้องพัฒนาให้ใช้เวลาน้อยลง เราเรียนมาเยอะกว่า ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ ถ้าทำได้แค่เท่ารุ่นเก่าที่ทำมา คงไม่ต้องไปเรียนให้เสียเวลา
ความคิดเห็นที่ 15
ทำงานอิสระเเบบไม่มีลูกน้องที่คุณอยากจะทำคืองานประเภทไหนคะ ค้นคว้าวิจัยหรือว่าเป็นลูกน้องเค้าอีกที

ตอนนี้ลูกสาวเรากำลังจะเข้ามหาลัย สิ่งที่เราสอนลูกอยู่เสมอก็คือ ถามตัวเองให้เเน่ๆว่าชีวิตอยากจะเดินไปทางไหน คนเราควรเรียนเพื่อให้รู้ เรียนเพื่อที่จะมองโลกให้กว้างขึ้น ไม่ใช่เรียนเพื่อเอาใบประกาศไปสมัครงานเพื่อที่จะมีวงเวียนชีวิต 9-5  เหมือนกับที่คนทั่วไปเลือกที่จะทำ

ที่เรายกเอาขึ้นมาเป็นประเด็น ไม่ใช่เพราะว่าเราดูถูกดูเเคลนงานเหล่านั้น เเต่เพราะเราฝังใจว่า ชีวิตคนเราเลือกได้มากกว่านั้น เพราะเรามีทางเลือก

เราบอกกับลูกไปว่า สองทางที่เค้าควรจะเลือก หนึ่งทำงานวิจัยค้นคว้าเพื่อสังคม คิดค้นอะไรใหม่ๆเพื่อพัตนาโลกนี้ให้ดีขึ้น หรือสอง ทำธุรกิจ ไม่จำเป็นว่าจะต้องสานต่อธุรกิจของพ่อเเม่ จะเป็นธุรกิจอะไรก็ได้ที่เค้าสนใจ

เป็นเจ้าของกิจการต้องมีกึ๋น มันไม่ใช่งานที่ใครๆก็จะทำกันได้ เพราะต้องพบเจอกับความกดดันจากทั่วทุกทิศทาง จากลูกค้า จากลูกน้อง จากคู่เเข่ง มีงานเยอะก็เครียด กลัวว่าจะทำไม่ทั่วทัน มีงานน้อยก็ยิ่งเครียดหนัก กลัวว่าจะผิดพลาดอะไรไป

คนทั่วไปมองอาชีพนายจ้างว่าเป็นงานง่ายๆ เเต่จริงๆเเล้วมันไม่ใช่ คนที่จะทำตรงนี้ได้ต้องเป็นคนที่ชอบอะไรที่ท้าทาย ไม่ใช่คนประเภทอีเหลื่อยเฉื่ยเเฉะ เเละคนที่จะประสพความสำเร็จทางด้านนี้ได้ ต้องทำงานเพราะรักที่จะทำ ไม่ใช่ทำเพราะผลตอบเเทน

มองตัวเองให้ชัดว่าตัวเองเป็นคนเเบบไหนเเละต้องการอะไรในชีวิต เเต่เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เด็กที่เติบโตมากับชีวิตที่เป็นนายจ้าง คุณจะไม่อยากไปเป็นลูกน้องใคร หรือต่อให้เป็น ก็เป็นเพียงเเค่ระยะเวลาสั้นๆเพื่อหาประสพการณ์

เราทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ สังคมที่เรามีคือสังคมครอบครัว เลิกงานเเล้วเราอยู่กับครอบครัว พ่อเเม่ลูกพูดคุยกันพร้อมหน้าพร้อมตา เรามีความสุขที่ลูกๆมาช่วยที่ทำงาน เราได้สอนเค้าด้วยตัวเอง งานที่ดูเหมือนจะไม่มีเวลาให้ครอบครัว เอาเข้าจริงๆ ที่เราได้อยู่กับครอบครัวก็เพราะงานนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่ได้เห็นโลกกว้าง เราทำงานมากก็จริง เเต่เราก็ท่องเที่ยวไปหลายทวีปเเล้ว เมื่อไหร่ที่คุณประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน คุณอยากจะไปไหนละ ใต้ทะเลหรือท้องฟ้า คุณไปได้ทั้งนั้นเเหละ

ลูกสาวเราเปรยบ่อยๆว่าอยากสานต่อกิจการที่บ้าน ความฝันของเค้าไม่ได้อยากจะทำเหมือนอย่างที่พ่อเเม่ทำ เเต่เค้าอยากจะปรับปรุงให้มันดีขึ้น อยากขยายให้มันกว้างขึ้น เราซะอีกที่ไม่อยากให้เค้าทำ เพราะเค้าเรียนเก่งมาก เราอยากให้เค้าค้นคว้าวิจัยอะไรดีๆเพื่อโลกนี้มากกว่า

คุณไม่ลองคิดค้นหนทางง่ายๆที่จะสานต่อกิจการที่บ้านดูบ้างละคะ ลองจัดสรรงานใหม่ สร้างกฎระเบียบที่ควบคุมง่ายๆขึ้นมาใหม่ จากที่วันนี้มีคนงานห้าคน จะทำยังไงให้มีสิบคน ร้อยคน พันคน หรือมากกว่านั้น  ไม่ลองทำเรื่องยากๆดูก่อนละคะ ท้าทายจะตาย เอาไว้คุณลองๆมาเป็นเจ้าของกิจการอย่างเต็มตัวเมื่อไหร่ คุณจะรู้ว่า จริงๆเเล้ว มันจะทำให้สังคมคุณกว้างขึ้น คุณจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้  เราเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่