เราคบกับแฟนคนนี้มา3ปีเกือบ4ปี เราอายุ25คะ พี่เค้าอาย34ปี
เราทำงานของที่บ้านเป็นธุรกิจเล็กมีรายได้โอเคสำหรับตัวเราเองและครอบครัวคะ ในชีวิตเราเรียกได้ว่าสบายไม่มีปัณหาอะไรต้องคิดมากเรื่องการงานคะ
เรากลับมาอยุ่ตจว หลังจากที่แม่ไม่สบาย (เราเรียนมหาลัยที่กทม) นะคะ ช่วงนั้นเราคบกับพี่เค้าแล้ว และบอกว่าจะกลับมาอยุ่บ้าน พีเค้าก็เศร้ามาก กลัวเราจะไม่เหมือนเดิม แต่เรารับปากว่าเราจะขึ้นมาหาทุกเดือน เราทำงานเก็บเงินค่าเครื่องบิน มาหาพี่เค้าทุกเดือนคะ
สำหรับตัวเราแล้ว เรารักเค้านะคะ เค้าเป็นคนที่ดูแลเทคเเคร์เราดีมากๆ เราเคยผ่าตัดตา (สายตาสั้นมากถึง1200คะ) ต้องผ่าตัดใช้วิธีใส่เลนสในตา พี่เค้าไปเฝ้าเราทั่งวัน ไปดูแลเรากับแม่เราทั้งวัน เรื่องดูแลเทคแคร์ไม่มีบกพร้องคะ ตลอดสามสีปี ซึ่งเป็นความประทับใจที่เราไม่เคยเจอ คิดว่าผู้ชายคนนี้แหละ คือคนสุดท้าย แต่......
แต่เรื่องใหญ่ที่เราคิดหนักมากๆคิดทุกวัน คือ พี่เค้าเป็นคนไม่ขยัน ไม่ค่อยทำการงานเลยคะ จะซื้อรถมาขายรถไปอย่างเดียว พี่สาวป้อนงานอะไรมาก็บอกว่าไม่อยากทำ พี่สาวเค้ากำลังเปิดสตูดิโอคะ อยากให้น้องไปเรียนรุ้งาน แต่พี่เค้าไปลองได้สองสามวัน ก็บอกว้างานเครียดมาก ไม่ชอบ สุดท้ายดูเค้าเครียดมากจริงๆ เราก็บอกงั้นไม่ทำก็ได้ เราเรื่มคืดท้อใจ
ก่อนหน้านี้เค้าเคยลงทุนทำธุรกิจอะไรหลายอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จคะ จะออกแนวไปลงทุนซะมากกว่า โดยที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้อะไร
เงินทุนของที่บ้านพี่เค้าเริ่มหมดลง แม่พี่เค้าโดนโกงเงิน สถานะที่บ้านพี่เค้าไม่เหมือนเดิมคะ
พี่เค้าเป็นคนทานเหล้าเยอะมาก จนช่วงหลังๆทานทุกวันคะ จนเราคิดว่า นี่คือ อาการเริ่มต้นของคนที่ติดหรือเปล่า เค้าเคยพูดว่า ถ้าไม่ทานนอนไม่ค่อยหลับ
บางครั้ง พี่เค้าอยากทานมาก เวลาเราขึ้นไปกทม เราก็นั่งอยุ่กับแม่พี่เค้า พี่เค้าซื้อข้าวอะไรให้เราเสร็จสรรพ แต่ขอออกไปนั่งทานกับเพื่อนสักแปป เราก้อไม่ชอบนะคะ แต่ดูเค้าอยากไปมาก เราก็ได้แต่ทำหน้างอ งอน แค่นั้นคะ
จนคุณแม่พี่เค้าเริ่มพุดเรื่องแต่งงาน เค้าบอกว่าเราขยัน ซึ่งพี่เค้าไม่ได้ขยัน แม่พี่เค้าเริ่มพุดบ่อยๆ และตัวพี่เค้าเองเริ่มพุดบ่อยๆด้วย
เราก็เลยพุดว่า ขอเวลาอีกสัก2ปี เราพึ่ง25 อยากอยุ่กับพ่อแม่ก่อน และอยากให้พี่เค้าทำงานที่เป็นหลักแหล่งด้วยคะ
หลังจากที่เราพุดไป พี่เค้าก็บอกว่ากลัวเราจะมีคนอื่น กลัวว่าสองปีนี้เราจะแต่งจริงไหม แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ปรับปรุงตัวเองคะ ยังคงเป็นเหมือนเดิม หนักไม่เอาเบาไม่สุ้ และทานเหล้าทุกวันคะ
หลังจากพุดเรื่องแต่งงาน เรามีความรุ่สึกว่า เค้าก็เริ่มเครียด แต่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ค่าใช่จ่ายของเค้า ค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์ แม่พี่เค้ายังคงจ่ายเหมือนเดิม ส่วนเรา ตั้งแต่เรียนจบทำธุรกิจของตัวเอง เราจ่ายทุกอย่างให้ที่บ้านคะ ให้เงินพ่อแม่ทุกเดือน ส่งเงินเดือนน้องเพราะน้องเรียนมหาลัยแล้วคะ แต่พ่อแม่เราเป็นข้าราชการทั้งคุ้ เราไม่ได้ห่วงอะไรมาก พอแม่เราใส่ใจสุขภาพ ชอบตักบาตรไปวัน ทำบุญไม่เคยขาด
ตรงกันข้ามกับบ้านพี่เค้าคะ พี่เค้าทานเหล้า คุณพ่อเค้าทานเหล้า คุณแม่พี่เค่าเหงามากๆ
พอมีเรื่องแต่งงาน เราเริ่มพุดเรื่องการงานมากขึ้น เพราะคิดว่านี่34แล้วนะ ควรจะมีอะไรมากกว่านี้ ถ้าแม่ไม่อยุ่จะทำยังไง พี่เค้าจะพุดเสมอ ว่าที่บ้านมี ซึ่งเราคิดว่า เป็นผช แม่ก็อายุมากแล้ว ทำไมถึงไม่อยากทำงาน พี่สาวพี่เค้า เป็นคนที่เรารักมากๆ พยามหางานให้ทำ เค้าก็ไม่ค่อยทำ
และแล้ววันนึง ประมาณตีสอง.....
เค้ากลับจากทานเหล้ากับเพื่อน เค้าโทรมาบอกว่าวันนี้เมามาก ทั้งที่ทานไม่เยอะ ตอนแรกเค้าก็คุยดีคะ หลังๆเค้าพุดว่า ชีวิตพี่ไม่เคยดิ้นรน ยังไงก็คิดว่าที่บ้านมี อย่ามาบีบบังคับ อย่ามาเยอะ
ซึ่งสามสี่ปีมานี้ เราไม่เคยได้ยินคำพุดแบบนี้เลยคะ (เค้าพุดออกแนวเมา แล้วเสียงดัง )เราร้องไห้ไม่หยุด
เราพุดว่า สิ่งที่พูดไปก็เพราะหวังดีกับตัวเค้าเอง ต่อให้พี่ไม่ได้คบกับเรา ไปเจอคนอื่น พี่ก็ควรทำการงานคะ คุณแม่พี่ก็แก่ลงทุกวัน พี่สาวก็มีครอบครัว สักวันนึงจะอยู่ยังไง ไม่มีใครช่วยไปตลอด เราพูดไปร้องไห้ไปคะ
เราเลยพุดว่า เราหมดหวังแล้ว ถ้าพี่พุดแบบนี้แสดงว่ามาจากจิตสำนึกจริงๆ ว่าไม่อยากทำงาน ซึ่งในชีวิตจริงๆมันยากที่จะอยุ่ได้หากไม่มีคุณแม่เค้าแล้ว
เราวางสายแล้วร้องไห้จนถึง7โมงเช้า พร้อมโทรไปเล่าให้พี่สาวพี่เค้าฟัง เราบอกว่าเราคงไม่ไปต่างประเทศกับที่บ้านพี่เค้าแล้ว เพราะเค้าพุดกับเราแบบนี้เราหมดกำลังใจ
พี่สาวเค้ารับฟัง พร้อมกับบอกว่าลองดูอีกสักตั้งไหม พี่จะให้มาทำงานกับพี่ ลองอีกสักตั้งไหม
เวลาเทียง เค้าโทรมา เราร้องไห้ และบอกคงไม่ไปต่างประเทศแล้ว เราหมดหวัง หมดกำลังใจ หมดทุกอย่าง พี่เค้าร้องไห้ บอกว่าเค้าขอโทษเค้าผิดเอง ขึ้นมาหาเค้าเถอะนะ ไปเที่ยวกับเค้าเถอะนะ ในตอนแรกเรายืนยันจะไม่ไปเลยคะ เราร้องไห้ตลอด โทรมาเราก็ไม่รับ
แต่วันนั้นพี่เค้าไปกินเหล้า กินเยอะมากๆ จนแม่พี่เค้าเปนห่วง ต้องให้หลานมอยุ่เป็นเพื่อน เรารุ้สึกแย้มากๆ เป็นห่วง เราเลยโทรไปตอนตีสาม ว่ากลับได้แล้วนะ เค้าก็ถามว่าเราจะไปกับเค้าไหม ไปด้วยกันนะ เราก็ยังไม่ตอบ บอกให้เค้ากลับบ้านก่อน เค้าก็ยังไม่กลับ สรุปเราก็วาง
อีกวันนึงเราโทรไป เพราะเรารุสึกห่วง และคิดว่าเค้าอาจปรับตัวได้ เราเลยตัดสินใจว่าจะไปคะ
เดี่ยวมาต่อนะคะ
ขอกำลังใจคะ ^^
เราทำงานของที่บ้านเป็นธุรกิจเล็กมีรายได้โอเคสำหรับตัวเราเองและครอบครัวคะ ในชีวิตเราเรียกได้ว่าสบายไม่มีปัณหาอะไรต้องคิดมากเรื่องการงานคะ
เรากลับมาอยุ่ตจว หลังจากที่แม่ไม่สบาย (เราเรียนมหาลัยที่กทม) นะคะ ช่วงนั้นเราคบกับพี่เค้าแล้ว และบอกว่าจะกลับมาอยุ่บ้าน พีเค้าก็เศร้ามาก กลัวเราจะไม่เหมือนเดิม แต่เรารับปากว่าเราจะขึ้นมาหาทุกเดือน เราทำงานเก็บเงินค่าเครื่องบิน มาหาพี่เค้าทุกเดือนคะ
สำหรับตัวเราแล้ว เรารักเค้านะคะ เค้าเป็นคนที่ดูแลเทคเเคร์เราดีมากๆ เราเคยผ่าตัดตา (สายตาสั้นมากถึง1200คะ) ต้องผ่าตัดใช้วิธีใส่เลนสในตา พี่เค้าไปเฝ้าเราทั่งวัน ไปดูแลเรากับแม่เราทั้งวัน เรื่องดูแลเทคแคร์ไม่มีบกพร้องคะ ตลอดสามสีปี ซึ่งเป็นความประทับใจที่เราไม่เคยเจอ คิดว่าผู้ชายคนนี้แหละ คือคนสุดท้าย แต่......
แต่เรื่องใหญ่ที่เราคิดหนักมากๆคิดทุกวัน คือ พี่เค้าเป็นคนไม่ขยัน ไม่ค่อยทำการงานเลยคะ จะซื้อรถมาขายรถไปอย่างเดียว พี่สาวป้อนงานอะไรมาก็บอกว่าไม่อยากทำ พี่สาวเค้ากำลังเปิดสตูดิโอคะ อยากให้น้องไปเรียนรุ้งาน แต่พี่เค้าไปลองได้สองสามวัน ก็บอกว้างานเครียดมาก ไม่ชอบ สุดท้ายดูเค้าเครียดมากจริงๆ เราก็บอกงั้นไม่ทำก็ได้ เราเรื่มคืดท้อใจ
ก่อนหน้านี้เค้าเคยลงทุนทำธุรกิจอะไรหลายอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จคะ จะออกแนวไปลงทุนซะมากกว่า โดยที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้อะไร
เงินทุนของที่บ้านพี่เค้าเริ่มหมดลง แม่พี่เค้าโดนโกงเงิน สถานะที่บ้านพี่เค้าไม่เหมือนเดิมคะ
พี่เค้าเป็นคนทานเหล้าเยอะมาก จนช่วงหลังๆทานทุกวันคะ จนเราคิดว่า นี่คือ อาการเริ่มต้นของคนที่ติดหรือเปล่า เค้าเคยพูดว่า ถ้าไม่ทานนอนไม่ค่อยหลับ
บางครั้ง พี่เค้าอยากทานมาก เวลาเราขึ้นไปกทม เราก็นั่งอยุ่กับแม่พี่เค้า พี่เค้าซื้อข้าวอะไรให้เราเสร็จสรรพ แต่ขอออกไปนั่งทานกับเพื่อนสักแปป เราก้อไม่ชอบนะคะ แต่ดูเค้าอยากไปมาก เราก็ได้แต่ทำหน้างอ งอน แค่นั้นคะ
จนคุณแม่พี่เค้าเริ่มพุดเรื่องแต่งงาน เค้าบอกว่าเราขยัน ซึ่งพี่เค้าไม่ได้ขยัน แม่พี่เค้าเริ่มพุดบ่อยๆ และตัวพี่เค้าเองเริ่มพุดบ่อยๆด้วย
เราก็เลยพุดว่า ขอเวลาอีกสัก2ปี เราพึ่ง25 อยากอยุ่กับพ่อแม่ก่อน และอยากให้พี่เค้าทำงานที่เป็นหลักแหล่งด้วยคะ
หลังจากที่เราพุดไป พี่เค้าก็บอกว่ากลัวเราจะมีคนอื่น กลัวว่าสองปีนี้เราจะแต่งจริงไหม แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ปรับปรุงตัวเองคะ ยังคงเป็นเหมือนเดิม หนักไม่เอาเบาไม่สุ้ และทานเหล้าทุกวันคะ
หลังจากพุดเรื่องแต่งงาน เรามีความรุ่สึกว่า เค้าก็เริ่มเครียด แต่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ค่าใช่จ่ายของเค้า ค่าน้ำมันรถ ค่าโทรศัพท์ แม่พี่เค้ายังคงจ่ายเหมือนเดิม ส่วนเรา ตั้งแต่เรียนจบทำธุรกิจของตัวเอง เราจ่ายทุกอย่างให้ที่บ้านคะ ให้เงินพ่อแม่ทุกเดือน ส่งเงินเดือนน้องเพราะน้องเรียนมหาลัยแล้วคะ แต่พ่อแม่เราเป็นข้าราชการทั้งคุ้ เราไม่ได้ห่วงอะไรมาก พอแม่เราใส่ใจสุขภาพ ชอบตักบาตรไปวัน ทำบุญไม่เคยขาด
ตรงกันข้ามกับบ้านพี่เค้าคะ พี่เค้าทานเหล้า คุณพ่อเค้าทานเหล้า คุณแม่พี่เค่าเหงามากๆ
พอมีเรื่องแต่งงาน เราเริ่มพุดเรื่องการงานมากขึ้น เพราะคิดว่านี่34แล้วนะ ควรจะมีอะไรมากกว่านี้ ถ้าแม่ไม่อยุ่จะทำยังไง พี่เค้าจะพุดเสมอ ว่าที่บ้านมี ซึ่งเราคิดว่า เป็นผช แม่ก็อายุมากแล้ว ทำไมถึงไม่อยากทำงาน พี่สาวพี่เค้า เป็นคนที่เรารักมากๆ พยามหางานให้ทำ เค้าก็ไม่ค่อยทำ
และแล้ววันนึง ประมาณตีสอง.....
เค้ากลับจากทานเหล้ากับเพื่อน เค้าโทรมาบอกว่าวันนี้เมามาก ทั้งที่ทานไม่เยอะ ตอนแรกเค้าก็คุยดีคะ หลังๆเค้าพุดว่า ชีวิตพี่ไม่เคยดิ้นรน ยังไงก็คิดว่าที่บ้านมี อย่ามาบีบบังคับ อย่ามาเยอะ
ซึ่งสามสี่ปีมานี้ เราไม่เคยได้ยินคำพุดแบบนี้เลยคะ (เค้าพุดออกแนวเมา แล้วเสียงดัง )เราร้องไห้ไม่หยุด
เราพุดว่า สิ่งที่พูดไปก็เพราะหวังดีกับตัวเค้าเอง ต่อให้พี่ไม่ได้คบกับเรา ไปเจอคนอื่น พี่ก็ควรทำการงานคะ คุณแม่พี่ก็แก่ลงทุกวัน พี่สาวก็มีครอบครัว สักวันนึงจะอยู่ยังไง ไม่มีใครช่วยไปตลอด เราพูดไปร้องไห้ไปคะ
เราเลยพุดว่า เราหมดหวังแล้ว ถ้าพี่พุดแบบนี้แสดงว่ามาจากจิตสำนึกจริงๆ ว่าไม่อยากทำงาน ซึ่งในชีวิตจริงๆมันยากที่จะอยุ่ได้หากไม่มีคุณแม่เค้าแล้ว
เราวางสายแล้วร้องไห้จนถึง7โมงเช้า พร้อมโทรไปเล่าให้พี่สาวพี่เค้าฟัง เราบอกว่าเราคงไม่ไปต่างประเทศกับที่บ้านพี่เค้าแล้ว เพราะเค้าพุดกับเราแบบนี้เราหมดกำลังใจ
พี่สาวเค้ารับฟัง พร้อมกับบอกว่าลองดูอีกสักตั้งไหม พี่จะให้มาทำงานกับพี่ ลองอีกสักตั้งไหม
เวลาเทียง เค้าโทรมา เราร้องไห้ และบอกคงไม่ไปต่างประเทศแล้ว เราหมดหวัง หมดกำลังใจ หมดทุกอย่าง พี่เค้าร้องไห้ บอกว่าเค้าขอโทษเค้าผิดเอง ขึ้นมาหาเค้าเถอะนะ ไปเที่ยวกับเค้าเถอะนะ ในตอนแรกเรายืนยันจะไม่ไปเลยคะ เราร้องไห้ตลอด โทรมาเราก็ไม่รับ
แต่วันนั้นพี่เค้าไปกินเหล้า กินเยอะมากๆ จนแม่พี่เค้าเปนห่วง ต้องให้หลานมอยุ่เป็นเพื่อน เรารุ้สึกแย้มากๆ เป็นห่วง เราเลยโทรไปตอนตีสาม ว่ากลับได้แล้วนะ เค้าก็ถามว่าเราจะไปกับเค้าไหม ไปด้วยกันนะ เราก็ยังไม่ตอบ บอกให้เค้ากลับบ้านก่อน เค้าก็ยังไม่กลับ สรุปเราก็วาง
อีกวันนึงเราโทรไป เพราะเรารุสึกห่วง และคิดว่าเค้าอาจปรับตัวได้ เราเลยตัดสินใจว่าจะไปคะ
เดี่ยวมาต่อนะคะ