สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มันเริ่มจากทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าที่ Maxwell คิดขึ้นสามารถอธิบายความสัมพันธ์ที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้าสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กและในทำนองเดียวกันการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กก็ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าซึ่งแผ่ออกมาในรูปแบบของคลื่นด้วยอัตราเร็วที่เท่ากับอัตรเร็วแสง ซึ่งก็เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า แสงก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารูปแบบหนึ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้ Maxwell และนักฟิสิกส์ในสมัยนั้นก็ต่างสับสนและงงกับผลที่ได้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแต่เป็นเรื่องที่แสงควรจะมีอัตราเร็วที่ขึ้นกับการเคลื่อนที่ของผู้สังเกต แต่ทำไมสมการของ Maxwell จึงให้ผลออกมาว่าอัตราเร็วแสงเป็นค่าคงที่ตลอด คำถามคือ แล้วกรอบอ้างอิงไหนล่ะที่สมการของ Maxwell เป็นจริง จึงมีคนพยายามอธิบายโดยใช้การมีตัวตนอยู่ของสสารประหลาด Aether ซึ่งกระจายอยู่ทุกที่ในอวกาศ แต่ท้ายสุดแล้วแนวคิดนี้ก็ตกไปเพราะการทดลองของ Michelson และ Morley
ต่อมา Einstein เลือกที่จะเชื่อว่าอัตราเร็วของแสงคงที่โดยไม่ขึ้นกับผุ้สังเกต จึงตั้งสมมติฐานขึ้นสองข้อว่า
กฎทางฟิสิกส์เหมือนกันในทุกกรอบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ในสภาพไร้ความเร่ง
อัตราเร็วของแสงคงที่เสมอไม่ขึ้นกับผู้สังเกตการณ์
หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์และการลดรูปอย่างเหลือเชื่อและสวยงามที่ลู่เข้าสู่สมการในกลศาสตร์ดั้งเดิมเมื่ออัตราเร็วที่เกี่ยวข้องน้อยกว่าอัตราเร็วแสงมากๆ
Einstein พบว่า ผลของการกระจายพจน์ของปริมาณอะไรบางอย่างนั้นเท่ากับ mc^2 บวกกับพจน์ที่สองที่คล้ายกับพลังงานจลย์( 1/2mv^2 ในกลศาสตร์ดั้งเดิม) แล้วก็บวกกับพจน์อื่นๆที่มีความสำคัญน้อยลงในกรณีที่อัตราเร็วน้อยกว่าอัตราเร็วแสงมากๆ
ซึ่งเป็นการค้นพบว่า มวลสารทุกประเภท ถึงแม้จะอยู่นิ่ง ก็ยังมีพลังงานอยู่ส่วนหนึ่งอันเกิดจากมวลสารเอง
แต่สิ่งที่ทำให้ Maxwell และนักฟิสิกส์ในสมัยนั้นก็ต่างสับสนและงงกับผลที่ได้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแต่เป็นเรื่องที่แสงควรจะมีอัตราเร็วที่ขึ้นกับการเคลื่อนที่ของผู้สังเกต แต่ทำไมสมการของ Maxwell จึงให้ผลออกมาว่าอัตราเร็วแสงเป็นค่าคงที่ตลอด คำถามคือ แล้วกรอบอ้างอิงไหนล่ะที่สมการของ Maxwell เป็นจริง จึงมีคนพยายามอธิบายโดยใช้การมีตัวตนอยู่ของสสารประหลาด Aether ซึ่งกระจายอยู่ทุกที่ในอวกาศ แต่ท้ายสุดแล้วแนวคิดนี้ก็ตกไปเพราะการทดลองของ Michelson และ Morley
ต่อมา Einstein เลือกที่จะเชื่อว่าอัตราเร็วของแสงคงที่โดยไม่ขึ้นกับผุ้สังเกต จึงตั้งสมมติฐานขึ้นสองข้อว่า
กฎทางฟิสิกส์เหมือนกันในทุกกรอบอ้างอิงที่เคลื่อนที่ในสภาพไร้ความเร่ง
อัตราเร็วของแสงคงที่เสมอไม่ขึ้นกับผู้สังเกตการณ์
หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์และการลดรูปอย่างเหลือเชื่อและสวยงามที่ลู่เข้าสู่สมการในกลศาสตร์ดั้งเดิมเมื่ออัตราเร็วที่เกี่ยวข้องน้อยกว่าอัตราเร็วแสงมากๆ
Einstein พบว่า ผลของการกระจายพจน์ของปริมาณอะไรบางอย่างนั้นเท่ากับ mc^2 บวกกับพจน์ที่สองที่คล้ายกับพลังงานจลย์( 1/2mv^2 ในกลศาสตร์ดั้งเดิม) แล้วก็บวกกับพจน์อื่นๆที่มีความสำคัญน้อยลงในกรณีที่อัตราเร็วน้อยกว่าอัตราเร็วแสงมากๆ
ซึ่งเป็นการค้นพบว่า มวลสารทุกประเภท ถึงแม้จะอยู่นิ่ง ก็ยังมีพลังงานอยู่ส่วนหนึ่งอันเกิดจากมวลสารเอง
แสดงความคิดเห็น
ทำไม Albert Einstein ถึงสามารถคิดสมการ E = MC^2 ได้ครับ ?
เค้ามีการทดลองอย่างไร หรือว่าจากที่เคยได้ยินมา Einstein เองเพียงแค่คิดสมาการจากจินตนาการเท่านั้นครับ