เข้าซอยผิด...เสียทีขี้ข้าอำมาตย์
****************
ความขัดแย้งอันเนื่องมาจาก ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่งสุดซอย เริ่มบานปลายออกไปเรื่อยๆ..... แต่ก็คงมีเพียงเท่านี้ ไม่มากไม่น้อย...
เพราะผู้ที่ออกมาต่อต้านคัดค้านการนิรโทษกรรมดังกล่าว ล้วนแล้วเป็นเพียง “กลุ่มคนเกลียดทักษิณ” หน้าเดิมขาประจำที่เคยเปิดหน้าเล่นมาก่อน เมื่อคราวรวมพลขับไล่ทักษิณ ตั้งแต่ ปี 2548 เป็นต้นมา
ไม่ว่าจะเป็นพวกอาจารย์ นักวิชาการ หมอพยาบาล นักธุรกิจ ชนชั้นกลาง ฯลฯ รวมทั้งพวกที่มีเชื้อเจ้าทั้งหลาย....กลุ่มนี้มีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคแมลงสาบ....และเคยได้ดิบได้ดีในเวทีการเมือง ได้รับการสนับสนุนให้มีความก้าวหน้าในแวดวงราชการเพราะเป็นลูกสมุนอำมาตย์ด้วยกัน....
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนหน้าใหม่เข้ามาสมทบ ซึ่งก็แยกเป็นพวกอีแอบและพวกที่เพิ่งจะเปิดหน้าเล่นแม้จะเหนียมอายอยู่บ้าง....รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมคัดค้านด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เลือกข้าง....
รวมทั้งพวกที่ถูกหลอก ถูกจ้าง และพวกที่รู้ไม่จริงเถียงข้างๆคูๆ...ลู่ตามลมไปตามกระแส...
ที่น่าสนใจก็คือ มีนิสิตจุฬาฯคนหนึ่งบอกว่า มีการชักนำนิสิตออกมาคัดค้านร่าง พรบ.นิรโทษกรรม แต่ให้นายตุลย์หมอทำคลอดขึ้นพูดปลุกระดมโจมตีรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีการอ้างไม่มีสีแต่แนะนำให้ไปต่อที่ม๊อบอุรุพงศ์ สามเสน แล้วก็จบลงด้วยการร้องเพลงสรรเสริญฯ และพูดถึงความรักชาติรักแผ่นดิน....
...นี่คงลืมไปกระมัง เลยไม่มีการพูดถึง “การทดแทนคุณแผ่นดิน” ให้ผู้ร่วมชุมนุมคัดค้านได้ปลงตกกันซะบ้าง...(ฮา...)
แต่ก็แปลกตรงเหตุผลที่ยกมาคัดค้าน มันค่อนข้างจะเหมือนๆกันทุกกลุ่มทั่วประเทศ ก็คือ ไม่ค้านไอ้เดรัจฉานฆาตรกรที่สั่งฆ่าประชาชน 100 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน แต่คัดค้านการล้างผิดคนโกง....
ซึ่งก็เป็นท่านอดีตนายกฯทักษิณโกงอยู่คนเดียว....นอกนั้นเป็น “คนดี” กันทั้งประเทศ...
แม้แต่คนที่ออกมานำม๊อบข้างถนนชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ พรรคแมลงสาบ ในอดีตใครๆก็รู้ว่าโคตรโกงสุดๆในคดีทุจริตการแจกที่ดินทำกินแก่เกษตรกร หรือที่เรียกกันว่า สปก-401 จนรัฐบาลนายชวน เชื่องช้า นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นต้องยุบสภาลาจากไปก่อนที่จะครบวาระ ในปี 2538....
แต่บัดนี้หวนกลับมาเล่นบทบาท “คนโกงคัดค้าน พรบ.ล้างผิดคนโกง”ไปซะแล้ว...(ฮา...)
แม้บางกลุ่มจะคัดค้านการนิรโทษว่าผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม....แต่พวกนี้กลับทำเฉยเมยต่อการทำรัฐประหารเมื่อปี 49 การล้มล้าง รธน.ปี 50 การขอคืนพื้นที่เข่นฆ่าประชาชน เมื่อปี 53 และการทำอะไรก็ไม่ผิดของ คปค.ตาม ม 309 ....ท่านทั้งหลายไปมุดดินอยู่ในรูกันที่ไหน ช่างไร้ความรู้สึก...
..แบบนี้เขาเรียกว่ากระแดะหรือทอแหลทางการเมืองชัดๆ….
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยกความฉลาดล้ำลึกในเชิงยุทธศาสตร์การต่อสู้ให้กับพวกนี้จริงๆ ดูมันเชื่อมประสานเดินไปในทิศทางเดียวกัน ชูประเด็นเหมือนกัน คล้ายกับมีพลังมหาศาลเลยทีเดียว...
ต่อจากนี้ไปก็คือการยกระดับล้มรัฐบาลเพื่อไทย 100 % ....
มาถึงตอนนี้ อยากทราบจริงๆว่าคณะทำงานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยคิดเรื่อง พรบ.เหมาเข่งสุดซอยกันได้ยังไง ใครเป็นคนคิด....มีข้อมูลรอบด้านในการตัดสินใจดัน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้แค่ไหน...ถ้าไม่บ้าก็ต้องโง่ล่ะว่ะ…
เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้...ควรจะรับผิดชอบลาออกกันทั้งชุดหรือไม่ หากรัฐบาลพังไปแล้วใครรับผิดชอบ....
พวกที่ขยันคิดแต่เรื่องโง่ๆต้องตัดใจฆ่าทิ้งลูกเดียว มันบ้องตื้นจริงๆ....
โดยเฉพาะไอ้นักการเมืองแก่ๆหน้าเก่าๆทั้งหลายในพรรคเพื่อไทย ก็ให้สำเหนียกเอาไว้ว่า ระวังไว้ให้ดี อย่าอวดเก่งเกินไปนัก อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู เมื่อไม่มีมวลชนเสื้อแดงสนับสนุนแล้ว คิดหรือว่ารัฐบาลจะไปรอด....
มันปวดใจจริงๆ เปรียบเหมือนนักมวยเราเป็นต่อเขาแท้ๆ ได้เปรียบทุกส่วน รูปมวยสวย ดันไปไล่เตะไล่ต่อย เปิดหน้าไม่ทันระวัง โดนจระเข้ฟาดหาง เลือดกลบปาก เดินตุปัดตุเป๋ ตาลอยไปลอยมา...
ดีน่ะที่มีเสียงระฆังช่วยเอาไว้....เพราะท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรออกมาแถลงยอมถอยก่อน....ไม่งั้น เจ็บมากกว่านี้....
ในการขับเคี่ยวกันทางการเมืองต่อจากนี้ไป ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยจะมีอาการฮึกเหิมและไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐอีกต่อไปแล้ว เพราะเขารู้ว่ามีมวลชนและมีคนของรัฐจำนวนหนึ่งเป็นตัวช่วย....
สถานการณ์ได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้ามของพรรคเพื่อไทยรวมทั้งมวลชนที่ให้การสนับสนุนในช่วงที่ผ่านมากลับพังทลายลงด้วยน้ำมือของพวกเดียวกัน.....
คิดแล้วมันยังเคืองไม่หาย เป็นการเดินเกมที่งี่เง่าจริงๆ เขาเรียกว่า อยู่ดีๆไม่ว่าดี หาเรื่องเรียกแขกมาพังบ้านเจ้าของ(ตนเอง).....
ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี เป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันแล้ว นี่ถ้าเป็นเด็กๆไม่ว่าจะหัวจุก หัวแกละ หัวโล้น หัวดำ หรือหัวเขียงจะตบกะโหลกให้หัวทิ่มเชียว ...
ไม่รู้จักเล่น ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ...พับผ่า...(ฮา....)
-----------------------------------
เข้าซอยผิด...เสียทีขี้ข้าอำมาตย์
****************
ความขัดแย้งอันเนื่องมาจาก ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับเหมาเข่งสุดซอย เริ่มบานปลายออกไปเรื่อยๆ..... แต่ก็คงมีเพียงเท่านี้ ไม่มากไม่น้อย...
เพราะผู้ที่ออกมาต่อต้านคัดค้านการนิรโทษกรรมดังกล่าว ล้วนแล้วเป็นเพียง “กลุ่มคนเกลียดทักษิณ” หน้าเดิมขาประจำที่เคยเปิดหน้าเล่นมาก่อน เมื่อคราวรวมพลขับไล่ทักษิณ ตั้งแต่ ปี 2548 เป็นต้นมา
ไม่ว่าจะเป็นพวกอาจารย์ นักวิชาการ หมอพยาบาล นักธุรกิจ ชนชั้นกลาง ฯลฯ รวมทั้งพวกที่มีเชื้อเจ้าทั้งหลาย....กลุ่มนี้มีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคแมลงสาบ....และเคยได้ดิบได้ดีในเวทีการเมือง ได้รับการสนับสนุนให้มีความก้าวหน้าในแวดวงราชการเพราะเป็นลูกสมุนอำมาตย์ด้วยกัน....
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนหน้าใหม่เข้ามาสมทบ ซึ่งก็แยกเป็นพวกอีแอบและพวกที่เพิ่งจะเปิดหน้าเล่นแม้จะเหนียมอายอยู่บ้าง....รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมคัดค้านด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เลือกข้าง....
รวมทั้งพวกที่ถูกหลอก ถูกจ้าง และพวกที่รู้ไม่จริงเถียงข้างๆคูๆ...ลู่ตามลมไปตามกระแส...
ที่น่าสนใจก็คือ มีนิสิตจุฬาฯคนหนึ่งบอกว่า มีการชักนำนิสิตออกมาคัดค้านร่าง พรบ.นิรโทษกรรม แต่ให้นายตุลย์หมอทำคลอดขึ้นพูดปลุกระดมโจมตีรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีการอ้างไม่มีสีแต่แนะนำให้ไปต่อที่ม๊อบอุรุพงศ์ สามเสน แล้วก็จบลงด้วยการร้องเพลงสรรเสริญฯ และพูดถึงความรักชาติรักแผ่นดิน....
...นี่คงลืมไปกระมัง เลยไม่มีการพูดถึง “การทดแทนคุณแผ่นดิน” ให้ผู้ร่วมชุมนุมคัดค้านได้ปลงตกกันซะบ้าง...(ฮา...)
แต่ก็แปลกตรงเหตุผลที่ยกมาคัดค้าน มันค่อนข้างจะเหมือนๆกันทุกกลุ่มทั่วประเทศ ก็คือ ไม่ค้านไอ้เดรัจฉานฆาตรกรที่สั่งฆ่าประชาชน 100 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน แต่คัดค้านการล้างผิดคนโกง....
ซึ่งก็เป็นท่านอดีตนายกฯทักษิณโกงอยู่คนเดียว....นอกนั้นเป็น “คนดี” กันทั้งประเทศ...
แม้แต่คนที่ออกมานำม๊อบข้างถนนชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ พรรคแมลงสาบ ในอดีตใครๆก็รู้ว่าโคตรโกงสุดๆในคดีทุจริตการแจกที่ดินทำกินแก่เกษตรกร หรือที่เรียกกันว่า สปก-401 จนรัฐบาลนายชวน เชื่องช้า นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นต้องยุบสภาลาจากไปก่อนที่จะครบวาระ ในปี 2538....
แต่บัดนี้หวนกลับมาเล่นบทบาท “คนโกงคัดค้าน พรบ.ล้างผิดคนโกง”ไปซะแล้ว...(ฮา...)
แม้บางกลุ่มจะคัดค้านการนิรโทษว่าผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม....แต่พวกนี้กลับทำเฉยเมยต่อการทำรัฐประหารเมื่อปี 49 การล้มล้าง รธน.ปี 50 การขอคืนพื้นที่เข่นฆ่าประชาชน เมื่อปี 53 และการทำอะไรก็ไม่ผิดของ คปค.ตาม ม 309 ....ท่านทั้งหลายไปมุดดินอยู่ในรูกันที่ไหน ช่างไร้ความรู้สึก...
..แบบนี้เขาเรียกว่ากระแดะหรือทอแหลทางการเมืองชัดๆ….
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยกความฉลาดล้ำลึกในเชิงยุทธศาสตร์การต่อสู้ให้กับพวกนี้จริงๆ ดูมันเชื่อมประสานเดินไปในทิศทางเดียวกัน ชูประเด็นเหมือนกัน คล้ายกับมีพลังมหาศาลเลยทีเดียว...
ต่อจากนี้ไปก็คือการยกระดับล้มรัฐบาลเพื่อไทย 100 % ....
มาถึงตอนนี้ อยากทราบจริงๆว่าคณะทำงานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยคิดเรื่อง พรบ.เหมาเข่งสุดซอยกันได้ยังไง ใครเป็นคนคิด....มีข้อมูลรอบด้านในการตัดสินใจดัน พรบ.นิรโทษกรรมฉบับนี้แค่ไหน...ถ้าไม่บ้าก็ต้องโง่ล่ะว่ะ…
เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้...ควรจะรับผิดชอบลาออกกันทั้งชุดหรือไม่ หากรัฐบาลพังไปแล้วใครรับผิดชอบ....
พวกที่ขยันคิดแต่เรื่องโง่ๆต้องตัดใจฆ่าทิ้งลูกเดียว มันบ้องตื้นจริงๆ....
โดยเฉพาะไอ้นักการเมืองแก่ๆหน้าเก่าๆทั้งหลายในพรรคเพื่อไทย ก็ให้สำเหนียกเอาไว้ว่า ระวังไว้ให้ดี อย่าอวดเก่งเกินไปนัก อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู เมื่อไม่มีมวลชนเสื้อแดงสนับสนุนแล้ว คิดหรือว่ารัฐบาลจะไปรอด....
มันปวดใจจริงๆ เปรียบเหมือนนักมวยเราเป็นต่อเขาแท้ๆ ได้เปรียบทุกส่วน รูปมวยสวย ดันไปไล่เตะไล่ต่อย เปิดหน้าไม่ทันระวัง โดนจระเข้ฟาดหาง เลือดกลบปาก เดินตุปัดตุเป๋ ตาลอยไปลอยมา...
ดีน่ะที่มีเสียงระฆังช่วยเอาไว้....เพราะท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรออกมาแถลงยอมถอยก่อน....ไม่งั้น เจ็บมากกว่านี้....
ในการขับเคี่ยวกันทางการเมืองต่อจากนี้ไป ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยจะมีอาการฮึกเหิมและไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐอีกต่อไปแล้ว เพราะเขารู้ว่ามีมวลชนและมีคนของรัฐจำนวนหนึ่งเป็นตัวช่วย....
สถานการณ์ได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้ามของพรรคเพื่อไทยรวมทั้งมวลชนที่ให้การสนับสนุนในช่วงที่ผ่านมากลับพังทลายลงด้วยน้ำมือของพวกเดียวกัน.....
คิดแล้วมันยังเคืองไม่หาย เป็นการเดินเกมที่งี่เง่าจริงๆ เขาเรียกว่า อยู่ดีๆไม่ว่าดี หาเรื่องเรียกแขกมาพังบ้านเจ้าของ(ตนเอง).....
ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี เป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันแล้ว นี่ถ้าเป็นเด็กๆไม่ว่าจะหัวจุก หัวแกละ หัวโล้น หัวดำ หรือหัวเขียงจะตบกะโหลกให้หัวทิ่มเชียว ...
ไม่รู้จักเล่น ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ...พับผ่า...(ฮา....)
-----------------------------------