มาทดสอบกันว่าคนไทยอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัดหรือไม่?
ถึง คห. 1 และ 2 ดิฉันไม่ใช่แดงค่ะ
คัดค้านการโชว์โง่ของคุณค่ะ
ตายแล้ว อายแทนจัง บอกแล้วให้อ่านเกิน 7 บรรทัด หึหึ
ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังดีใจที่สามารถจุดติดประเด็นการต่อต้านทักษิณ หรือ "
เรื่องของกฎหมายนิรโทษกรรม"
แต่เบื้องหลังถ้าไม่มี '
มือที่มองไม่เห็น และ แผนการยึดอำนาจจาก ครม.' เหมือนกรณี 14 ต.ค. 16 แล้ว
ลำพังนักศึกษากับประชาชนไม่มีทางล้มรัฐบาลได้ และอาจล้มตายมากกว่านี้
ครั้นมาถึงปี พ.ศ 2549 แม้พันธมิตรฯ จะระดมคนและเข้ายึดสถานที่สำคัญอย่างทำเนียบรัฐบาล และสนามบิน
แต่ถ้าทหารไม่เอาด้วยจนออกมายึดอำนาจ ก็อย่าหวังว่าจะล้มรัฐบาลได้
ดังนั้นปัจจัยหลักจึงอยู่ที่ "กองทัพ"
แต่ขอบอกไว้เลยว่ากองทัพจะไม่มีวันทำอะไรแต่จะวางเฉยเอาตัวรอด ด้วยปัจจัยสำคัญๆ ดังนี้
1. ผบ.ทบ. กลัวถูกย้ายได้ง่ายๆ ตาม พ.ร.บ. กลาโหม
เพราะในสภากลาโหมมี 7 เสียงเป็นเสียงของรัฐบาล 4 เสียงที่เหลือก็มิได้แพ็คกันนัก
แม้ในความเป็นจริง ผบ.ทบ. มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึกได้ทั่วประเทศ และมีอำนาจดำเนินการใดๆ ภายใต้กฎอัยการศึก
แค่สั่งเตรียมพร้อม 100% รัฐบาลก็ต้องหนาวแล้ว
อนึ่งหากมีการเปลี่ยน ผบ.ทบ. ในเดือนเมษายนปีหน้าก่อนเกษียณ
คนใหม่ก็จะเป็นคนของรัฐบาล เพราะเขากุมเสียงข้างมากในสภากลาโหม
ดังนั้นจึงอย่าหวังว่าทหารจะออกมาเคียงข้างประชาชนเลย นอกจากจะเกิดอุบัติเหตุจริงๆ
ดังนั้นสิ่งที่ทักษิณกระทำคือการสั่งเดินหน้า พ.ร.บ นิรโทษกรรมนั้น จึงเป็นเพียง "เกมล่อเสือจากถ้ำ"
เป็นการทดสอบกำลังทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตนเอง โดยเฉพาะเสื้อแดง
ฝ่ายทักษิณก็เพียงแต่ตรึงกำลัง ยื้อยุดให้ยืดเยื้อ
เพราะจุดอ่อนของมวลชนจำนวนมากคือการควบคุม ประสานงาน และที่สำคัญคือเสบียง ซึ่ง
ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
ฝ่ายทักษิณซึ่งเป็นรัฐบาลก็คอยสอดส่องและกำกับดูแล ข่มขู่ นายทุน ก็ไม่มีใครกล้าลงขัน ถ้าลงก็ลงเพียงเป็นพิธีเท่านั้น
2. ลดดีกรีของความเคียดแค้นจากมวลชน
นั่นคือหาวิธีการทำให้ พ.ร.บ นี้ตกไป หรือเอาแค่กลางซอย
ซึ่งวิธีหนึ่งก็คือ
ยืมมือวุฒิสภาให้ ไม่รับกฎหมายนี้ และส่งคืนสภาผู้แทนราษฎร
สภาฯก็จะรับเรื่องกลับมาดองไว้ก่อน ในขณะที่เร่งแก้รัฐธรรมนูญมาตราที่สำคัญๆ
แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ "
พ.ร.บ. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ที่จะใช้เป็นทุนในการหาเสียงคราวหน้า"
เมื่อ พ.ร.บ นี้ผ่านก็ยุบสภา โดยอาจไม่รอให้ พ.ร.บ ฉบับนี้ผ่าน
หรืออาจจะให้ออกมากลางซอย ก็จะได้ใจ เสื้อแดงกลับคืนมา
แต่พวกแกนที่แข็งขืน อย่าง ตู่ เต้น ธิดา จะถูกกีดกันออกไปในที่สุด
หลายคนอาจคิดว่าทักษิณโง่และโลภอย่างมาก แต่เขาไม่ใช่คนบ้าเสียสติ
ทุกอย่างเขาได้มีการประเมินไว้อย่างละเอียด แม้แต่สถาบันก็ยากจะต้านทาน
เพราะเขาใช้วิธีเจาะยาง ผบ.ทบ. ที่อ้างว่าจงรักภักดียิ่งกว่าใครๆ ก็มีอาการคล้ายๆ อัมพาตเข้าไปทุกที
เมื่อกฎหมายนิรโทษถูกตีกลับจากวุฒิสภา มวลชนก็จะปลื้มปิติกับชัยชนะและคิดว่าสามารถกดดันได้ ก็จะเกิดความผ่อนคลาย
โดยเฉพาะ
การประท้วงที่ยืดเยื้อจะทำให้อ่อนล้า เสบียงกรังก็ร่อยหรอ หลายคนต้องกลับไปทำงาน
รัฐบาลก็ทำเฉยๆไว้ปล่อยให้ชุมนุมกันไป กำกับไม่ให้ตำรวจเข้าปะทะ แต่ถ้าแตกแถวก็จับกุมดำเนินคดี
ปล่อยให้คนอีกส่วนหนึ่งเริ่มเอือมระอา สร้างสถานการณ์เพิ่มเติมให้รถติดมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เช่น ปิดถนนบางสาย
คนอีกกลุ่มก็จะเริ่มเบื่อและเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน เพราะหวังให้เกิดความสงบและหวังให้เศรษฐกิจฟื้นฟูโดยเร็ว
เท่านี้เขาก็บรรลุผลสำเร็จ เงิน 4 หมื่นกว่าล้าน
หากเป็นรัฐบาลไปอีก 1-2 สมัยก็หาได้อีกหลายเท่าตัวนัก ไม่ต้องมาเสี่ยงแตกหักให้โง่
โดยเฉพาะตราบใดที่กองทัพไม่ขยับก็ไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลของเขาได้ เขาจะเอาใครมาเป็นหุ่นเชิดย่อมได้เสมอ
แต่จะมีใครที่ไว้วางใจเท่ากับคนในตระกูล ไม่แน่ถ้านายกปูเกิดเบื่อๆขึ้นมาก็อาจให้ เจ๊ ด. เป็นก็ได้
และอาจส่งต่อให้คุณโอ๊กต่อไป โดยมีคุณทักษิณเป็นผู้กำกับตลอดกาล
ฉะนั้น ผู้เขียนจึงเกริ่นไว้ที่หัวข้อว่า อย่าเพิ่งดีใจในชัยชนะเบื้องต้น สงครามยังอีกยาวไกล
ถ้าไม่พัฒนาการต่อสู้ด้วยสติและปัญญา
ประชาชนไม่มีทางต่อสู้กับคนที่ยึดตำรา THE PRINCE ของมาดิอาเวลลีได้
เพราะเขามีทั้งเงิน อำนาจ และผู้คนที่มีความสามารถไว้ใช้มากมาย การไปด่าทอเขามันแค่จิ๊บๆเท่านั้น
* ชัยชนะของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ ประการสำคัญต้องดำรงความมุ่งหมายที่ชัดเจน
นั่นคือ
"การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า” ไม่ใช่การล้มกฎหมาย
* การเข้าใจถึงจิตวิทยามวลชนจะเป็นประเด็นสำคัญในการนำมวลชน
* การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงจะเป็นการรักษาฐานมวลชนที่ยั่งยืน
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่
http://www.democratic-army.com/index.php/67-2013-11-05-02-06-47
ถึงชุมนุมต้าน พ.ร.บ. อย่าเพิ่งดีใจในชัยชนะเบื้องต้น!
คัดค้านการโชว์โง่ของคุณค่ะ
ตายแล้ว อายแทนจัง บอกแล้วให้อ่านเกิน 7 บรรทัด หึหึ
ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังดีใจที่สามารถจุดติดประเด็นการต่อต้านทักษิณ หรือ "เรื่องของกฎหมายนิรโทษกรรม"
แต่เบื้องหลังถ้าไม่มี 'มือที่มองไม่เห็น และ แผนการยึดอำนาจจาก ครม.' เหมือนกรณี 14 ต.ค. 16 แล้ว
ลำพังนักศึกษากับประชาชนไม่มีทางล้มรัฐบาลได้ และอาจล้มตายมากกว่านี้
ครั้นมาถึงปี พ.ศ 2549 แม้พันธมิตรฯ จะระดมคนและเข้ายึดสถานที่สำคัญอย่างทำเนียบรัฐบาล และสนามบิน
แต่ถ้าทหารไม่เอาด้วยจนออกมายึดอำนาจ ก็อย่าหวังว่าจะล้มรัฐบาลได้
ดังนั้นปัจจัยหลักจึงอยู่ที่ "กองทัพ"
แต่ขอบอกไว้เลยว่ากองทัพจะไม่มีวันทำอะไรแต่จะวางเฉยเอาตัวรอด ด้วยปัจจัยสำคัญๆ ดังนี้
1. ผบ.ทบ. กลัวถูกย้ายได้ง่ายๆ ตาม พ.ร.บ. กลาโหม
เพราะในสภากลาโหมมี 7 เสียงเป็นเสียงของรัฐบาล 4 เสียงที่เหลือก็มิได้แพ็คกันนัก
แม้ในความเป็นจริง ผบ.ทบ. มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึกได้ทั่วประเทศ และมีอำนาจดำเนินการใดๆ ภายใต้กฎอัยการศึก
แค่สั่งเตรียมพร้อม 100% รัฐบาลก็ต้องหนาวแล้ว
อนึ่งหากมีการเปลี่ยน ผบ.ทบ. ในเดือนเมษายนปีหน้าก่อนเกษียณ
คนใหม่ก็จะเป็นคนของรัฐบาล เพราะเขากุมเสียงข้างมากในสภากลาโหม
ดังนั้นจึงอย่าหวังว่าทหารจะออกมาเคียงข้างประชาชนเลย นอกจากจะเกิดอุบัติเหตุจริงๆ
ดังนั้นสิ่งที่ทักษิณกระทำคือการสั่งเดินหน้า พ.ร.บ นิรโทษกรรมนั้น จึงเป็นเพียง "เกมล่อเสือจากถ้ำ"
เป็นการทดสอบกำลังทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตนเอง โดยเฉพาะเสื้อแดง
ฝ่ายทักษิณก็เพียงแต่ตรึงกำลัง ยื้อยุดให้ยืดเยื้อ
เพราะจุดอ่อนของมวลชนจำนวนมากคือการควบคุม ประสานงาน และที่สำคัญคือเสบียง ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
ฝ่ายทักษิณซึ่งเป็นรัฐบาลก็คอยสอดส่องและกำกับดูแล ข่มขู่ นายทุน ก็ไม่มีใครกล้าลงขัน ถ้าลงก็ลงเพียงเป็นพิธีเท่านั้น
2. ลดดีกรีของความเคียดแค้นจากมวลชน
นั่นคือหาวิธีการทำให้ พ.ร.บ นี้ตกไป หรือเอาแค่กลางซอย
ซึ่งวิธีหนึ่งก็คือ ยืมมือวุฒิสภาให้ ไม่รับกฎหมายนี้ และส่งคืนสภาผู้แทนราษฎร
สภาฯก็จะรับเรื่องกลับมาดองไว้ก่อน ในขณะที่เร่งแก้รัฐธรรมนูญมาตราที่สำคัญๆ
แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ "พ.ร.บ. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ที่จะใช้เป็นทุนในการหาเสียงคราวหน้า"
เมื่อ พ.ร.บ นี้ผ่านก็ยุบสภา โดยอาจไม่รอให้ พ.ร.บ ฉบับนี้ผ่าน
หรืออาจจะให้ออกมากลางซอย ก็จะได้ใจ เสื้อแดงกลับคืนมา
แต่พวกแกนที่แข็งขืน อย่าง ตู่ เต้น ธิดา จะถูกกีดกันออกไปในที่สุด
หลายคนอาจคิดว่าทักษิณโง่และโลภอย่างมาก แต่เขาไม่ใช่คนบ้าเสียสติ
ทุกอย่างเขาได้มีการประเมินไว้อย่างละเอียด แม้แต่สถาบันก็ยากจะต้านทาน
เพราะเขาใช้วิธีเจาะยาง ผบ.ทบ. ที่อ้างว่าจงรักภักดียิ่งกว่าใครๆ ก็มีอาการคล้ายๆ อัมพาตเข้าไปทุกที
เมื่อกฎหมายนิรโทษถูกตีกลับจากวุฒิสภา มวลชนก็จะปลื้มปิติกับชัยชนะและคิดว่าสามารถกดดันได้ ก็จะเกิดความผ่อนคลาย
โดยเฉพาะการประท้วงที่ยืดเยื้อจะทำให้อ่อนล้า เสบียงกรังก็ร่อยหรอ หลายคนต้องกลับไปทำงาน
รัฐบาลก็ทำเฉยๆไว้ปล่อยให้ชุมนุมกันไป กำกับไม่ให้ตำรวจเข้าปะทะ แต่ถ้าแตกแถวก็จับกุมดำเนินคดี
ปล่อยให้คนอีกส่วนหนึ่งเริ่มเอือมระอา สร้างสถานการณ์เพิ่มเติมให้รถติดมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เช่น ปิดถนนบางสาย
คนอีกกลุ่มก็จะเริ่มเบื่อและเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน เพราะหวังให้เกิดความสงบและหวังให้เศรษฐกิจฟื้นฟูโดยเร็ว
เท่านี้เขาก็บรรลุผลสำเร็จ เงิน 4 หมื่นกว่าล้าน
หากเป็นรัฐบาลไปอีก 1-2 สมัยก็หาได้อีกหลายเท่าตัวนัก ไม่ต้องมาเสี่ยงแตกหักให้โง่
โดยเฉพาะตราบใดที่กองทัพไม่ขยับก็ไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลของเขาได้ เขาจะเอาใครมาเป็นหุ่นเชิดย่อมได้เสมอ
แต่จะมีใครที่ไว้วางใจเท่ากับคนในตระกูล ไม่แน่ถ้านายกปูเกิดเบื่อๆขึ้นมาก็อาจให้ เจ๊ ด. เป็นก็ได้
และอาจส่งต่อให้คุณโอ๊กต่อไป โดยมีคุณทักษิณเป็นผู้กำกับตลอดกาล
ฉะนั้น ผู้เขียนจึงเกริ่นไว้ที่หัวข้อว่า อย่าเพิ่งดีใจในชัยชนะเบื้องต้น สงครามยังอีกยาวไกล
ถ้าไม่พัฒนาการต่อสู้ด้วยสติและปัญญา ประชาชนไม่มีทางต่อสู้กับคนที่ยึดตำรา THE PRINCE ของมาดิอาเวลลีได้
เพราะเขามีทั้งเงิน อำนาจ และผู้คนที่มีความสามารถไว้ใช้มากมาย การไปด่าทอเขามันแค่จิ๊บๆเท่านั้น
* ชัยชนะของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ ประการสำคัญต้องดำรงความมุ่งหมายที่ชัดเจน
นั่นคือ "การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า” ไม่ใช่การล้มกฎหมาย
* การเข้าใจถึงจิตวิทยามวลชนจะเป็นประเด็นสำคัญในการนำมวลชน
* การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงจะเป็นการรักษาฐานมวลชนที่ยั่งยืน
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่
http://www.democratic-army.com/index.php/67-2013-11-05-02-06-47