สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
สังคมของคนญี่ปุ่นเครียดค่ะ ถ้าไปเรียนหรือไปเที่ยว คุณจะฟินกับประเทศนี้มากค่ะ
แต่ถ้าไปใช้ชีวิตทำงานกับคนญี่ปุ่น ค่อนข้างลำบากค่ะ จะลองแจกแจงเป็นข้อๆนะคะ
1.สังคมการทำงานตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีก็จะเป็นแบบทำบริษัทเดียวไปจนตลอดชีพค่ะ
ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเกิดคุณไม่ถูกกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน ต้องทำงานร่วมกันทุกวัน
แล้วเจ้านายคุณโรคจิตมาก ตะคอกเสียงดัง (power harassment) แต่คุณลาออกไม่ได้ต้องอดทนสถานเดียวค่ะ
ถ้าอดทนไม่ไหว มีทางเดียวคือลาออกมาทำงานใช้แรงงาน ซึ่งได้เงินน้อยกว่า แถมไม่มีประกัน
ยิ่งถ้ามีครอบครัวแล้วนี่ลำบากเลย เพราะปกติหลังแต่งงาน ภรรยาจะเป็นแม่บ้านค่ะ
2. คนญี่ปุ่นเลิกงานดึกมาก สมมติเลิกงาน 18:00 แม้คุณจะงานเสร็จแล้ว
ถ้าหัวหน้าไม่กลับ ก็ห้ามกลับบ้านค่ะ ทางเดียวที่คุณจะเปลี่ยนงานได้ในญี่ปุ่นคือ
คุณต้องเป็นคนที่มี skill ที่ตลาดต้องการ จะมีบริษัทพยายามซื้อตัวคุณ
แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นก็ออกมาทำงานนอกประเทศกันเยอะแล้วค่ะ
3. การกลั่นแกล้งในโรงเรียน จะแกล้งกันแรงมากค่ะ จนเด็กที่โดนแกล้งทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายก็มีค่ะ
เคยเห็นข่าว 2-3 ปีก่อน หลานสาว(ถ้าจำไม่ผิด)ของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น เข้าโรงเรียนก็โดนแกล้ง
จนออกข่าว (คนญี่ปุ่นไม่ได้บูชาราชวงศ์มากๆเหมือนคนไทยน่ะค่ะ)
ถ้าอยากเข้าใจสังคมญี่ปุ่นมากขึ้นลองหา ซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่อง Hanzawa Naoki ดูค่ะ เกี่ยวกับการทำงานของ
นายธนาคารคนหนึ่ง แล้วก็มีสังคมแม่บ้าน ค่อนข้างเครียด แต่สนุกค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ.......
เพิ่งเห็นว่าคุณดู Tokyo Sonata อ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดอีกละเรา
เรื่องนี้เราก็ดู ดูจบละรู้สึกเครียดแทนตัวละคร เราว่าไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นนะที่ซีเรียสกับภาพลักษณ์และแคร์สายตา
และขี้ปากชาวบ้านมากเกินไป คนไทยสมัยนี้ก็เป็นค่ะ แต่คนไทยถ้าโดน lay off จากบริษัทเหมือนพระเอก
ก็คงแค่หางานใหม่ ไม่คงถึงขั้นไปทำงานเป็นคนถูพื้นเหมือนพระเอก เพราะประเทศไทยจะหางานช่วงไหนก็ได้
แต่ญี่ปุ่นถ้ามีอายุแล้วหางานยากค่ะ (นอกจากจะมีสกิล)
อีกอย่างคนญี่ปุ่นจะไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือพ่อแม่ เค้าจะรู้สึกอายมากค่ะเหมือนเป็นคนล้มเหลวในชีวิต
ไม่กล้าบอกใคร บางทีก็แม้แต่กับภรรยาตัวเองเหมือนในหนัง เพราะผู้ชายในญี่ปุ่นมีสัญลักษณ์ = ผู้นำครอบครัว
ภรรยา = ผู้ตาม ที่พระเอกไม่กล้าบอกภรรยาว่าตกงาน เค้าคงรู้สึกเหมือนความภาคภูมิใจในตนเอง (self-esteem) ถูกทำลายค่ะ
ความรู้สึกคงเหมือนเด็กเรียนเก่งได้ที่หนึ่งของชั้นมาตลอด คนรอบข้างคาดหวังชื่นชม คุณมั่นใจว่าคุณสอบติดมหาลัยอันดับ 1
แน่นอน แล้วโชคชะตาดันเล่นตลก คุณสอบเข้ามหาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ บางคนก็เลือกที่จะโกหกเพื่อนว่า
สอบติดแต่ไม่ไปก็มีเยอะค่ะ เพราะอยากให้คนรอบข้างชื่นชมนับถือเหมือนเดิม
พอแค่นี้ก่อน ชักยาว เอาเป็นว่าความคิดคนญี่ปุ่นค่อนข้างซับซ้อนกว่าคนไทยค่ะ ไว้จะมาแชร์ใหม่นะคะ
แต่ถ้าไปใช้ชีวิตทำงานกับคนญี่ปุ่น ค่อนข้างลำบากค่ะ จะลองแจกแจงเป็นข้อๆนะคะ
1.สังคมการทำงานตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีก็จะเป็นแบบทำบริษัทเดียวไปจนตลอดชีพค่ะ
ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเกิดคุณไม่ถูกกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน ต้องทำงานร่วมกันทุกวัน
แล้วเจ้านายคุณโรคจิตมาก ตะคอกเสียงดัง (power harassment) แต่คุณลาออกไม่ได้ต้องอดทนสถานเดียวค่ะ
ถ้าอดทนไม่ไหว มีทางเดียวคือลาออกมาทำงานใช้แรงงาน ซึ่งได้เงินน้อยกว่า แถมไม่มีประกัน
ยิ่งถ้ามีครอบครัวแล้วนี่ลำบากเลย เพราะปกติหลังแต่งงาน ภรรยาจะเป็นแม่บ้านค่ะ
2. คนญี่ปุ่นเลิกงานดึกมาก สมมติเลิกงาน 18:00 แม้คุณจะงานเสร็จแล้ว
ถ้าหัวหน้าไม่กลับ ก็ห้ามกลับบ้านค่ะ ทางเดียวที่คุณจะเปลี่ยนงานได้ในญี่ปุ่นคือ
คุณต้องเป็นคนที่มี skill ที่ตลาดต้องการ จะมีบริษัทพยายามซื้อตัวคุณ
แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นก็ออกมาทำงานนอกประเทศกันเยอะแล้วค่ะ
3. การกลั่นแกล้งในโรงเรียน จะแกล้งกันแรงมากค่ะ จนเด็กที่โดนแกล้งทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายก็มีค่ะ
เคยเห็นข่าว 2-3 ปีก่อน หลานสาว(ถ้าจำไม่ผิด)ของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น เข้าโรงเรียนก็โดนแกล้ง
จนออกข่าว (คนญี่ปุ่นไม่ได้บูชาราชวงศ์มากๆเหมือนคนไทยน่ะค่ะ)
ถ้าอยากเข้าใจสังคมญี่ปุ่นมากขึ้นลองหา ซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่อง Hanzawa Naoki ดูค่ะ เกี่ยวกับการทำงานของ
นายธนาคารคนหนึ่ง แล้วก็มีสังคมแม่บ้าน ค่อนข้างเครียด แต่สนุกค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ.......
เพิ่งเห็นว่าคุณดู Tokyo Sonata อ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดอีกละเรา
เรื่องนี้เราก็ดู ดูจบละรู้สึกเครียดแทนตัวละคร เราว่าไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นนะที่ซีเรียสกับภาพลักษณ์และแคร์สายตา
และขี้ปากชาวบ้านมากเกินไป คนไทยสมัยนี้ก็เป็นค่ะ แต่คนไทยถ้าโดน lay off จากบริษัทเหมือนพระเอก
ก็คงแค่หางานใหม่ ไม่คงถึงขั้นไปทำงานเป็นคนถูพื้นเหมือนพระเอก เพราะประเทศไทยจะหางานช่วงไหนก็ได้
แต่ญี่ปุ่นถ้ามีอายุแล้วหางานยากค่ะ (นอกจากจะมีสกิล)
อีกอย่างคนญี่ปุ่นจะไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือพ่อแม่ เค้าจะรู้สึกอายมากค่ะเหมือนเป็นคนล้มเหลวในชีวิต
ไม่กล้าบอกใคร บางทีก็แม้แต่กับภรรยาตัวเองเหมือนในหนัง เพราะผู้ชายในญี่ปุ่นมีสัญลักษณ์ = ผู้นำครอบครัว
ภรรยา = ผู้ตาม ที่พระเอกไม่กล้าบอกภรรยาว่าตกงาน เค้าคงรู้สึกเหมือนความภาคภูมิใจในตนเอง (self-esteem) ถูกทำลายค่ะ
ความรู้สึกคงเหมือนเด็กเรียนเก่งได้ที่หนึ่งของชั้นมาตลอด คนรอบข้างคาดหวังชื่นชม คุณมั่นใจว่าคุณสอบติดมหาลัยอันดับ 1
แน่นอน แล้วโชคชะตาดันเล่นตลก คุณสอบเข้ามหาลัยอันดับ 1 ไม่ได้ บางคนก็เลือกที่จะโกหกเพื่อนว่า
สอบติดแต่ไม่ไปก็มีเยอะค่ะ เพราะอยากให้คนรอบข้างชื่นชมนับถือเหมือนเดิม
พอแค่นี้ก่อน ชักยาว เอาเป็นว่าความคิดคนญี่ปุ่นค่อนข้างซับซ้อนกว่าคนไทยค่ะ ไว้จะมาแชร์ใหม่นะคะ
ความคิดเห็นที่ 6
มีคนรู้จักเป็นคนญี่ปุ่นหลายคน ทั่วไป
- นิสัยดีมาก เกรงใจ มารยาทดีค่ะ
- ฉลาด แต่เครียด
- พวกเขา เอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งในชีวิต มันเลยติดเป็นนิสัย
- บ้านเมืองเจริญ วัดก็เจริญและน้อยลง และวัดก็ขาดความเป็นศาสนา ผู้นำทางจิตวิญญาณ จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าที่สอนเรื่องธรรมะ
เลยไม่รู้จะแก้ไขจิตใจตนเองอย่างไร
- มีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่น เรียนจบจิตแพทย์ ไปทำงานที่คลีนิคจิตแพทย์ที่เปิดในญี่ปุ่ เธอบอกว่าเปิดเหมือนที่เมืองไทยเปิดคลีนิคทันตกรรมค่ะ คิดเอากันเอง
- นิสัยดีมาก เกรงใจ มารยาทดีค่ะ
- ฉลาด แต่เครียด
- พวกเขา เอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งในชีวิต มันเลยติดเป็นนิสัย
- บ้านเมืองเจริญ วัดก็เจริญและน้อยลง และวัดก็ขาดความเป็นศาสนา ผู้นำทางจิตวิญญาณ จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าที่สอนเรื่องธรรมะ
เลยไม่รู้จะแก้ไขจิตใจตนเองอย่างไร
- มีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่น เรียนจบจิตแพทย์ ไปทำงานที่คลีนิคจิตแพทย์ที่เปิดในญี่ปุ่ เธอบอกว่าเปิดเหมือนที่เมืองไทยเปิดคลีนิคทันตกรรมค่ะ คิดเอากันเอง
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงฆ่าตัวตายกันเยอะจัง
ที่ผมสงสัยคือ สาเหตุใดทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีอัตตาสูงมาก และถึงได้มี EQ ต่ำขนาดนี้ทั้งที่เป็นชาติที่พัฒนาด้านวัตถุและเทคโนโลยีขนาดนี้
เคยดูหนังเรื่อง Tokyo Sonata เหมือนเขาจะซีเรียสกับภาพลักษณ์และแคร์สายตา และขี้ปากชาวบ้านมากเกินไป จะเรียกว่าสังคมเมืองหรือปล่าวครับ ที่เป็นผู้ร้ายตัวจริง
ลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันน่ะครับ