กรณีได้รับข้อความให้ไปหาแล้วปรากฏว่าถูกลวงไปเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆาตกรรม เช่นดังละครเรื่องนี้

ห้ามหนีปัญหาเช่นนี้ เพราะถ้าหากหนีไปแล้วการพิสูจน์ความจริงก็จะยากและยังมีอันตรายจากผู้ร้ายตัวจริงด้วย

อันดับแรกเมื่อพบคนนอนล้ม ต้องเรียบข้อความช่วยเหลือ เช่น ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือโดยตรง หรือ จะโทรใช้ศัพย์เหตุด่วนเหตุร้ายแจ้ง191 หรือหน่วยงานอะไรก็ได้ที่รู้จัก  เพราะมี พ.ร.บ.คุ้มครองร่างกายและชีวิต ถ้าพบผู้ต้องการความช่วยเหลือแก่ร่างกายและชีวิต แล้วไม่ช่วยเหลือ ก็มีความผิด เมื่อรู้อะไรผิด ก็ต้องรู้ถูกต้องทำอย่างไร

เมื่อมุ้งหมายไปในทางที่ถูกต้อง ก็ต้องไม่ทำผิดกฏหมาย ไม่ขัดคำสั่งเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เมื่อรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะรู้จักกันมาก่อนมากล่าวหาว่าเป็นผู้ร้าย ก็ต้องชี้แจงความจริง หากยังจะจับกุมเพื่อควบคุมตัวก็ต้องให้มีประจักษ์พยานรู้เห็น แล้วถามคำถามตำรวจไปให้เป็นที่รู้ทั้วกันว่า กล่าวหาว่าเป็นฆาตกรนั้น รู้ได้อย่างไรว่าคนที่เห็นนั้นเสียชีวิตแล้ว และรู้ได้อย่างไรว่าเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม และ รู้ได้อย่างไรว่าเกิดเหตุขึ้นที่นี้ หรือ มาทำอะไรที่นี้กันแน่ และที่กล่าวหาตนนั้นว่าเป็นฆาตกรแล้วไหนละอาวุธ หรือ คิดว่าฆ่าคนด้วยมือเปล่า อย่างกับคนผ่านการฝึกมา ก็แล้วแต่คุณส่วนผมมีสิทธิที่จะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาและจะให้การที่ชั้นศาลเท่านั้น  เช่น

เมื่อเวลา...ขณะนั้นผมได้รับข้อความจากผู้ตายบอกให้ผมไปหาเธอ เธอจะสารภาพ คดีที่ผมกำลังยื่นอุธร ขณะนั้นผมอยู่ณ.ที่...อยู่กับนางสาว... สนธนากันเรื่องการยื่นอุธรคดี ...พออ่านข้อความดั่งกล่าวจึงเร่งเดินทางไปที่เกิดเหตุ ถึงที่เกิดเหตุเป็นเวลา...แล้วพบผู้ตายนอนหมดสติจึงทำการตรวจชีพจรพร้อมกับร้องเรียกเธอแต่ไม่พบสัญญานขีพ ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบก็เข้ามาที่เกิดเหตุ จำนวน 3นาย
มากล่าวหาตนดังนี้ จึงขอปฏิเสธคำกล่าวหา สิ่งที่ผมทำผมยอมรับสารภาพได้สิ้นความสงสัย ด้วยความสัตย์จริงทุกประการ ควรไม่ควรแล้วแต่จะโปรดพิจารณา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่