ดิฉันมีความข้องใจอยากถามผู้รู้ และเพื่อนๆเผื่อทุกท่านจะมีคำแนะนำและทางออกให้ฉันและครอบครัว กระทู้นี้ถูกตั้งขื้นมามิใช่จะโจมตีบริษัทไทยประกันชีวิต ตัวแทนประกันแต่ฉันต้องการความกระจ่างเท่านั้น เรื่องก็คือ สามีทำประกันชีวิต+สุขภาพตั้งแต่ 2พฤษภาคม 2555  เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2556 ตรวจพบนิ่วในถุงนำ้ดีจากการตรวจ MRI แต่ก็มิได้ทำการรักษาต่อมา ประมาณเดือน กันยายน 2556  มีอาการนิ่วไปอุดตันท่อน้ำดีต้องรักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง โดยที่ฉันต้องไปกู้เงินมาสำรองจ่ายค่ารักษาเป็นจานวน 170000 บาท เพราะบริษัทไม่แฟกซ์เคลมให้ ภายหลังเมื่อติดต่อทางตัวแทนทำประกันเรื่องเงินที่สำรองจ่าย กลับได้รับการปฏิเสธและบอกว่าตัวสามีป่วยมาก่อนหน้า ที่จะทำประกันแต่ไม่ได้ป่วยจากโรคนิ่ว เมื่อปี 2554 ได้ป่วยเป็นไทรอยแบบไม่อักเสบ และตับอักเสบ แต่ได้ทำการรักษาหายขาดแล้ว(มีการตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน และได้ไต่ถามกับตัวแทนประกันแล้ว) ทางตัวแทนก็ยืนยันและรับทำประกันให้ และได้ทำการตรวจประวัติการรักษาจากภูมิลำเนา ย้อนกลับไปหลายปีบอกว่าพบโรค กระดูก ตับอักเสบ กระเพาะ เขาให้เหตุผลว่าสามีได้ปกปิดการเจ็บป่วย แต่ดิฉันคิดว่าเขาน่าจะไปถามกับตัวแทนว่ารับทำประกันมาได้อย่างไร ทางเราไม่ได้ปกปิดเลยถ้าเขาปฏิเสธที่จะทำประกันตั้งแต่แรก ครอบครัวเราคงไม่ต้องมาพบเรื่องทุกข์ใจ อย่างนี้หลงคิดไว้ใจว่าตัวแทนการันตีขนาดนี้ ตอนป่วยขื้นมาก็ไม่น่าจะมีปัญหา ฉันเป็นคนจน ทำงานหาเช้ากินค่ำต้องส่งลูกเรียน2คน ยังต้องเลี้ยงแม่ตัวเองและแม่สามีอีก ทุกวันนี้ยังคงต้องผ่อนส่งเงินกู้รายเดือน สามีก็ทำงานหนักไม่ได้เหมือนเดิม อีกแล้ว รายได้ก็น้อยลง ดิฉันอยากถามว่า 1. โรคที่ป่วยหลังจากทำประกันแล้ว 9 เดือน(270 วัน) ในกรมธรรม์บอกไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 120 วันถืงเคลมได้ ทำไมถืงเคลมไม่ได้คะ 2. โรคเก่าที่เกิดและรักษาหายแล้วก่อนทำประกันมีผลด้วยหรือไม่ อย่างไร 3. ทางเราไม่ได้ปกปิดเรื่องโรคที่รักษามาก่อนหน้าที่จะทำประกัน และแจ้งกับตัวแทนไว้แล้ว เขาบอกไม่เป็นไรเคลมได้ และรับทำประกัน(ก่อนทำประกันได้ตรวจสุขภาพตามหลักเกณฑ์ของบริษัทแล้ว และผ่านแล้ว) ตัวแทนประกันจะรับผิดชอบ อย่างไร  และทางประกันได้เรียกเก็บเงินค่ารักษาทางการแพทย์ อื่นๆที่เคยแฟกซ์เคลมให้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด กว่า 6 หมื่นบาท  ขอความกรุณาท่านผู้รู้ช่วยตอบคำถามให้ดิฉันด้วยค่ะ