[CR] Review การขอวีซ่าอิตาลีแบบลุ้น ๆ

กระทู้รีวิว
สวัสดีสมาชิกห้องบลูทุกท่านค่ะ

ชื่อลินนะคะ สมัคร pantip เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ แอบส่องและเก็บข้อมูลมาตั้งนาน ถึงเวลาเปิดเผยตัวตน (ไม่ใช่)
ถึงเวลาสมควรที่คิดว่าอยากจะรีวิวประสบการณ์การขอวีซ่าอิตาลีของตัวเองให้เป็นประโยชน์แก่ท่านอื่น ๆ บ้าง เพราะเอกสารของลิน (ขอแทนตัวเองแบบนี้เนาะ) นั้น ทุกคนที่ได้เห็นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ขอยากกกกกกกส์...."

เรื่องมันเริ่มจาก.........

วันนึงในเดือนตุลาคมปี 2555 ระหว่างที่ลินกำลังนั่งจิ้มแป้นคอมยู่อย่างเพลิดเพลิน ? คุณเพื่อนที่นั่งดูอะไรซักอย่างอยู่หน้าคอมของตัวเองก็เอ่ยว่า
“ไปอิตาลีกันมั้ยลิน”
“ห๊ะ”  เอี้ยวตัวไปมองเพื่อนสาว เธอมาโหมดไหนนิ
“ไปอิตาลีกัน ไปงานเดคูพาจที่มิลานที่เราเคยคุยกันไง” เจ้าหล่อนขยับตัวให้เห็นสิ่งที่อยูบนหน้าจอ

*เพิ่มเติมค่ะ งานเดคูพาจคืองานฝีมือประเภทหนึ่ง เป็นการนำเอา “ภาพ” มาผนึกลงบนวัสดุประเภทต่าง ๆ ด้วยกาว แล้วเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบ เป็นที่นิยมอย่างมากในอิตาลีและบ้านเรา ซึ่งร้านที่คุณเพื่อนเป็นเจ้าของและลินทำอยู่ขายอุปกรณ์และรับสอนค่ะ

ภาพบนจอที่เห็นคือ โฆษณาเกี่ยวกับงาน Hobby Show ซึ่งเป็นงาน craft ที่รวบรวมการทำ DIY หลากหลายรูปแบบไว้ในงานเดียว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและเมื่อแน่ใจว่า คุณเพื่อนเอาจริง ไปแน่ ๆ กระบวนการหาข้อมูลจึงเริ่มต้นขึ้น

จะไปงาน craft ที่มิลาน วันที่ 9 – 12 พฤศจิกายน 2555 มิลาน มิลาน มิลาน อิตาลีสินะ ไปยังไง นั่งสายการบินอะไรดี หรือจะไปกับทัวร์ ว่าแล้ว ก็ทำตามแบบฉบับเดิม ถามอากู๋ (สักวันจะทำหนังสือขอบคุณอากู๋ ช่วยตลอด ถามอะไรไม่เคยบ่น)

เริ่มจากเอกสารในการยื่นขอวีซ่าก่อน และแน่นอน ทุกครั้งที่พิมพ์คำค้นใด ๆ จะต้องห้อยท้ายด้วยคำว่า pantip

ณ จุดนี้ ขอขอบคุณ “พ่อหมีทัวร์” สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลินมาก ๆ เลยค่ะ อมยิ้ม17
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/02/E11753435/E11753435.html

และที่สำคัญหน้าเว็บของ VFS  
http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/thai/

นิดนึงค่ะ ผู้ที่ต้องการขอวีซ่าจะต้องทำการจองคิวเพื่อทำการยื่นเอกสารก่อนนะคะ บางคนเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนแล้วค่อยจองคิว บางคนก็เลือกจองคิวก่อนแล้วค่อยเตรียมเอกสาร อันนี้แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ส่วนลินเอง เตรียมเอกสารไปด้วยจองคิวไปด้วย

ซึ่งการจองคิวก็เป็นเรื่องที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามิใช่น้อย เพราะลินกับคุณเพื่อนจะเดินทางวันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 การพิจารณาวีซ่าใช้เวลาอย่างน้อย 15 วันทำการ นั่นหมายความว่า ต้องยื่นขอวีซ่าภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2555 และคุณพระ คิวเต็มไปจนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2555 เลยค่ะ

เอาไงดีล่ะ เริ่มเวิ่นเว้อแล้ว โทรหาตัวแทนที่รับยื่นก็ได้รับคำตอบที่ไม่ค่อยดี ก็ได้ข้อมูลจากโลกไซเบอร์อีกนั่นแหละ ที่ให้เสี่ยงดวงเดินเข้าไปที่ VFS เลย หรือหมั่นเข้าหน้าเว็บจองคิว กด refresh หน้าตารางวันว่างบ่อย ๆ เพราะอาจมีคนยกเลิก

ผลสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า ห้ามเข้าไปที่ VFS โดยไม่จองคิวนะคะ จะทำให้คุณเสียเวลาค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่รับเอกสารไม่ว่าคุณจะขอร้องยังไง ลินกับเพื่อนโชคดีได้คิววันที่ 19 ตุลาคม 2555 ค่ะ ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ยังดี

มาถึงการเตรียมเอกสาร ซึ่งเอกสารอื่น ๆ น่ะ ไม่เป็นปัญหาอะไรเลย เค้าต้องการใช้เอกสารภาษาอังกฤษก็แปลเอา เซ็นรับรองเอง
ปัญหามาติดตรงเอกสารทางการเงินนี่แหละค่ะ แล้วเป็นปัญหาหญ่ายยยยยยยยยยยสำหรับลินเลย เม่าในกองไฟ

ด้วยเหตุว่าลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วมาทำงานกับคุณเพื่อน รับเงินค่าขนมเป็นเงินสด แล้วเป็นพวกไม่คิดเตรียมพร้อม ไม่ยอมเอาเงินเข้าธนาคาร เพราะคิดว่า เอาเข้าไปก็ต้องถอนออกมา (ซึ่งพลาดมาก ๆ ไม่ควรเอาอย่างนะคะ) ดังนั้นสมุดธนาคารจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยเป็นเวลาเกือบปี

ทีนี้ ทำไงล่ะ ค้นข้อมูลจากใน internet ส่วนใหญ่ก็บอกว่าต้องมีเงินหลักแสน ก็เอาเงินหนึ่งแสนบาทไปเปิดบัญชีธนาคารแล้วก็ทำเรื่องขอหนังสือรับรองทางการเงินไว้ ใจลินเองก็กลัวว่าจะไม่ได้ ก็เลยหาข้อมูลเพิ่ม ก็ไปเจอว่า สามารถให้เจ้าของกิจการเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายได้ เราก็ อุ๊ย ดีจัง ก็ทำเอกสารตรงส่วนนี้เพิ่ม ซึ่งมารู้ความจริงทีหลังว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย

ถึงวันนัด ลินกับคุณเพื่อนก็เช็คเอกสารทุกอย่าง แล้วก็นั่งรถตรงดิ่งไปที่อาคารเมอคิวรี่ คุณเพื่อนได้คิวรอบเช้า ส่วนลินเองได้รอบบ่าย
ไปถึงที่ แลกบัตรตรงประชาสัมพันธ์ด้านล่างแล้วขึ้นไปชั้น 9 เลยค่ะ ยื่นใบนัดหมายให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วเข้าไปด้านในได้เลย อย่าลืมปิดโทรศัพท์มือถือนะคะ

***ตอนนี้ให้ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าประเทศอิตาลีย้ายไปอยู่ที่ตึกสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ยูนิต C สีลมคอมเพล็กซ์แล้วนะคะ

การยื่นเอกสารของคุณเพื่อนเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาใด ๆ จนมาถึงคิวของลินเอง ปรากฎว่า การที่เจ้าของกิจการจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ได้นั้น จะต้องจดทะเบียนในรูปของบริษัทเท่านั้นค่ะ ยังดีว่าลินเอาเอกสารรับรองการเงินของตัวเองมาเผื่อด้วย เลยยื่นตัวนั้นไปแทน
เสร็จสรรพก็กลับมานั่งตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ทำงานไปด้วยใจระทึกปนกังวลปนนู่น นี่ นั่น แล้วก็ยิ่งจิตตก เมื่อไปเจอกระทู้เกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่าอิตาลี ได้อ่านเรื่องราวของลุงหนวด (ไม่ทราบใครได้เจอคุณลุงในตำนานท่านนี้บ้างคะ) โหยยยยยยยย แบบ อิลินเอ๊ย จะได้ไปมั้ย พาสปอร์ตขาวโพลน งานก็ยังไม่ได้แต่ง บินครั้งแรกก็ไปอิตาลีเลย เค้าจะถามอะไร จะกดดันมั้ย จะได้มั้ย ถ้าเราไม่ได้แล้วคุณเพื่อนได้ โอ๊ยยยยยยยย เครียดไปสิคะ

ผ่านไปประมาณ 9 วัน ลินก็เริ่มเข้าระบบเพื่อตามผล เค้าก็ขึ้นแค่ว่า ส่งเอกสารไปสถานฑูตแล้ว คือ ณ ตอนนั้นวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายนแล้ว ตั๋วยังไม่ได้ซื้อเลย ในขณะเดียวกัน คุณเพื่อนได้วีซ่าแล้ว อินี่ยิ่งจิตตก ในใจแอบคิด วิ่งไปจดทะเบียนสมรสแล้วเอาไปยื่นซะนี่ (คุณเพื่อนแต่งงานแล้วค่ะ) ระหว่างที่กำลังสับสน ในตอนนั้นเอง ก็มีเบอร์ 02-xxxxxxx โทรเข้ามาที่มือถือของลิน

ผลคือ โดนเรียกสัมภาษณ์ในวันจันทร์ค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นคือ โอย นี่ชั้นต้องเจอลุงหนวดจริง ๆ หรือนี่ ถึงจะทำใจแล้วบ้างแต่ก็อดกังวลไม่ได้จริง ๆ เม่าเศร้า

วันสัมภาษณ์ ก็แต่งตัวแบบค่อนข้างจะเรียบร้อย ไม่สิ เรียบร้อยม๊ากกกกกกกกกก ไปที่ตึกออลซีซั่นเพลส อาคารซีอาร์ซี ชั้น 27 ค่ะ โดยคุณเพื่อนไปด้วย ที่นี่จะแบ่งเป็นสองฝั่งค่ะ ขวามือสำหรับผู้ที่มายื่นคำร้องขอวีซ่า ซ้ายมือสำหรับผู้ที่มีนัดสัมภาษณ์ พอแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เก็บมือถือไว้ในล็อคเกอร์แล้วก็เข้าไปนั่งรอด้านในค่ะ

วันนั้นมีผู้หญิงอีกคนนึงกำลังโดนสัมภาษณ์อยู่ ก็นั่งรอค่ะ รอไปก็ซ้อมตอบคำถามไป สักพักคนก่อนหน้าลินก็ออกมา แต่สีหน้าเธอแบบ....บรรยายไม่ถูกค่ะ แต่เอาเป็นว่าสีหน้าของเธอคนนั้นทำเอากำลังใจลินลดฮวบเลยค่ะ

สักพักเจ้าหน้าที่ผู้หญิงสวย ๆ ก็มาเชิญลินเข้าห้องเชือด เอ้ย ห้องสัมภาษณ์ค่ะ และแล้วก็ได้พบท่านกงศุล (เรียกถูกมั้ยนี่) เป็นคุณลุงท่าทางใจดีค่ะ ผิวขาว แก้มแดง ๆ ไม่มีหนวดเครา

อิลิน : สวัสดีค่ะ (ภาษาไทยพร้อมยกมือไหว้)
ท่านกงศุล : สวัสดีครับ เชิญนั่ง (ภาษาไทย) Can you speak English?
อิลิน : Yes, just a little sir.
ท่านกงศุล : Why do want to go to Italy? (ตรงประเด็น ไม่อ้อมเลย)เม่าโศก
อิลิน : I want to join Hobby Show in Milan, sir., this fair is very famous for decoupage craft workers. (โชว์ใบโบรชัวร์งานให้ดู)
ท่านกงศุล : Decoupage?
อิลิน : Yes, decoupage is a kind of craft work. My friend has her own decoupage shop, we teach people how to decoupage and we want to take more new techniques from this fair, sir.
ท่านกงศุล : Oh I understand. And how much do your friend pay for your salary?
อิลิน : (บอกจำนวนเงินไป)
ท่านกงศุล : You have a problem with your statement, you know?
อิลิน : Yes sir, I know. (อยากร้องไห้ ณ ตอนนั้นท่านกงศุลดูเอกสารเงินแล้วหันไปคุยกับคุณเจ้าหน้าที่คนสวยเป็นภาษาอิตาลี)
ท่านกงศุล : Do you want to explain?
อิลิน : Thank you, sir because I receive my salary in cash and I give most of them to my mom. When my friend said we have to go to Italy, I decided to open a new account for this time.
ท่านกงศุล : You stay alone, do you have to pay for your live? (ตรงนี้แอบ งง ค่ะ แต่คิดว่าคงหมายถึงต้องจ่ายค่าเช่าห้องมั้ยก็เลยตอบไป) What about your daily travel?
อิลิน : There is no any payment about that, I can walk to work, sir.
ท่านกงศุล : (พลิกเอกสารไปมาพร้อมพยักหน้าหงึกหงึก) What field did you graduate?
อิลิน : (กะลัง งง ว่าถามทำไมหนอ) Business Administration, sir.
ท่านกงศุล : (ทำหน้า งง ตามเรา) Not Art or craft or design? But how?
อิลิน : ถึงตรงนี้ลินก็นั่งอธิบายไปค่ะว่า เป็นไงมาไงถึงมาทำงานเกี่ยวกับ decoupage ได้ และสุดท้าย
ท่านกงศุล : Do you have any problem if we grant you visa but you have to report yourself in person when you come back from Italy.
อิลิน : (หน้าตาดีใจสุดฤทธิ์) That will not be any problem, sir.
ท่านกงศุล : OK. That’s all finish. (หันไปพูดภาษอิตาลีกับคุณเจ้าหน้าที่คนสวย)
คุณเจ้าหน้าที่คนสวย : เดี๋ยวเชิญนั่งรอด้านนอกนะคะ
อิลิน : ขอบคุณค่ะ (ไม่ลืมหันไปขอบคุณท่านกงศุลด้วย)

ก็สรุปว่า ได้วีซ่าวันนั้นแหละค่ะ ไปรับเล่มคืนที่ VFS ในวันรุ่งขึ้น จองตั๋ว เก็บกระเป๋า แล้วก็

เหินฟ้า...................................เม่าบัลเล่ต์

เพิ่มเติมค่ะ หลังจากที่ได้เล่ม passport พร้อมตราประทับวีซ่ากลับมาแล้ว ลินเองก็มานั่งคิดถึงเรื่องที่ได้อ่านเจอมาตอนค้นหาข้อมูล บางคนที่โดนปฏิเสธวีซ่า เราก็ไม่สามารถรู้เหตุผลที่แท้จริงได้ บางคนก็บอกว่า ดวงไม่ดี บางคนก็ว่าลุงหนวดแกล้ง

แต่สำหรับลินแล้ว ความจริงใจและบริสุทธิ์ใจค่ะ ที่ช่วยให้ได้รับวีซ่ามา ท่านกงศุลถามอะไรมา เราก็ตอบไปตามความจริง มีเอกสารยืนยันให้เห็นว่าเราไปเที่ยวจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเอาการเที่ยวบังหน้า แล้วไปเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฏหมายที่นู่น

ทางเจ้าหน้าที่เค้าเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องสแกนและสกรีนคนเป็นด่านแรก อาจจะเคี่ยวไปสักหน่อย แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมทุกกอย่างก็ไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ  เจ้าหน้าที่ที่ VFS ก็ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาในเรื่องการเตรียมเอกสารเป็นอย่างดี

ดังนั้นแล้ว อย่ากลัวไปเลยนะคะ เพราะวีซ่าอิตาลี ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

จบแล้วค่ะ รีวิวการขอวีซ่าแบบกรณีศึกษา (มั้ง)
เรื่องรายละเอียดเอกสารขอไม่ลงนะคะ เพราะคิดว่ามีเพื่อน ๆ ชาวบลูทำไว้เยอะแล้ว แต่ถ้าท่านใดสงสัย ทิ้งเมล์ไว้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวลินส่งให้
ขอแวบไปทำงานก่อนนะคะ แล้วไว้จะมารีวิวเรื่องราวสาวกะเหรี่ยง 2 คนที่ไปโต๋เต๋ ณ เมืองมิลาน ซุ่มซ่ามจนโดนเจ้าหน้าที่ปรับเงินไปหลายยูโร (น้ำตาตก)

ขอบคุณที่ตามอ่านค่ะ
ชื่อสินค้า:   VISA อิตาลี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่