ผมมีเรื่องไม่สบายใจมาก ๆ ไม่รุ้จะปรึกษาใครครับ

ถ้าคุณอ่านจนจบ คุณคงหาว่าผมบ้าก็ได้ครับ หรือ จริง ๆ แล้วผมอาจจะบ้าของจริงก็คงใช่

เรื่องของผมมันแปลกสักหน่อย เพราะคนธรรมดาคงไม่มีใครมาสนใจหรอก มันเหมือนกับการทำเรื่องอึ เรื่องฉี่ ให้เป็นเรื่องใหญ่โต คนปกติเขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้ เขาคิดว่ามันไม่สำคัญ ถูกมั้ย เข้าเรื่องกันเลย ผมเป็นคนพิการครับ แต่ว่าภายนอก ดุเหมือนคนปกติทุกอย่าง

สมัยประถม 5 ผมเคยผ่าตัดที่กะโหลกเพราะตกระเบียงบนคอนโด หลังจากนั้นหัวยุบ ปกติ หัวมนุษย์มันจะกลมถูกมั้ย แต่ของผม หัวด้านหลังมันแบนครึ่งนึง (ลองนึกถึงจานที่แตกครึ่ง)  และ มันไม่มีผมขึ้นหมด!! แต่ขึ้นแบบแหว่ง ๆเหมือนเชื้อรา  หรือจะพูดให้ถูกก็คือ หัวแหว่ง และแบนด้วย พอขึ้นมัธยม แน่นอน ผมโดนเพื่อน ๆ ล้อว่า ไอหัวแบะ ไอ้แหว่ง หัวแมร่งผิดปกติว่ะ แต่ผมจะไม่พุดถึงช่วงนี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์

พอถึงมหาลัย ผมรับตัวเองไม่ได้ เพราะคุณก็รู้ เด็กมหาลัยสามารถไว้ทรงผมกันได้ ไม่มีใคร มาตัดเกรียนกันหรอก เพราะงั้น ทรงผมเกาหลี รองหวี ทรงแปลก ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แน่นอน มันทำให้ผมเสียใจมากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน  มันทำให้ผมจะบ้า  มันทำร้ายจิตใจผม เหมือนมันจะฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น เพราะมันตอกย้ำปมด้อยผม จนทำให้ไม่อยากไปเรียน  คงเพราผมกำลังอยุ่ในช่วงวัยหนุ่มวัยรุ่นอารมณ์มันแปรปรวน ผมเองก็อยากไว้ผมทรงเท่ ๆ เหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง  อ้อใช่ ก่อนหน้านั้นผมไว้ผมให้ยาว ๆ เพื่อปิดไอ้ตรงที่ผมไม่ขึ้น มันยังพอเนียนได้ แต่มันก็ดูประหลาดอยุ่ดี

ตอนปี1 เทอมหนึ่ง ผมได้รุ้จักพี่คนนึง ปี4  เขาใส่วิกผม (ผมเขาเท่มาก และผมไม่รุ้ว่าเขาใส่ทำไม) เขาแนะนำให้ผมใส่ มันเหมือนของจริง ให้ตายเถอะ มันเป็นวิกผมทรงเกาหลี แรก ๆ ผมไม่กล้าใส่หรอก แต่หลังจากนั้นผมจึงตัดสินใจสั่งทางเน็ตซื้อมาใส่ดู วันแรกที่ผมใส่ไปมหาลัย คือช่วง 2 สัปดาห์หลังจากหยุดยาวเพราะเตรียมสอบ ตอนนั้น เพื่อนในกลุ่มผมไม่มีใครรุ้ว่าเป็นวิก มันคิดว่า ผมเปลี่ยนทรงผม เพราะ ทรงก่อนผมไว้ยาว รากไทร  แต่คราวนี้มันสั้นลง มันก็ผมว่าผมเท่ว่ะ ผมสวยจริง ๆ เซ็ตนานมั้ยว่ะ ไรงี้  คือใครมันจะไปคิดว่า ผู้ชายจะใส่วิก ไปมหาลัย ถุกมั้ย แน่นอน แรก ๆ มันก็โอเค อยุ่ แต่หลัง ๆ ผมกลับรุ้สึกไม่สบายใจ รุ้สึกเหมือนหลอกลวงเพื่อน ๆ ยิ่งรุ้จักเพื่อนเยอะขึ้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรุ้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น กลัวว่าจะมีใครจับได้มั้ยว่ะ เวลาไปกินเหล้า ไปบ้านเพื่อน ผมต้องคอยป้องกันตัวเองไว้ระดับ  ถ้าหากอะไรที่จุดชนวนทำให้เกิดอันตราย ผมจะรีบหนีทันที่ เช่นกินเหล้า ผมทต้องจิบ ๆ พยายามใม่ให้ตัวเองเมา หรือเผลอหลับ เวลาโดนฝน โดนลม ก็คอยมาพะวงว่าผมจะเสียทรงมั้ย ผมจึงต้องหาวิธีทำให้มันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นไปอีก  ก็ต้องหัดเซ็ตให้เก่งมากไปอีก ผมเลยไปซื้อทั้งเสปรย์ ทั้ง มุส ทั้งแว๊ก เยล เจล อะไรต่าง ๆ นา ๆ มาบรรเลง คราวนี้พอปี 2 ปี 3 ผมก็เปลี่ยนทรงอีก แต่ยังใส่สีดำเหมือนเดิม เพราะวิกผมสีอื่นมันดูไม่เป็นธรรมชาติ ใส่มาจนถึงปี 4  ใครจะไปคิดว่า จะมี นักศึกษาที่ใส่วิกผมไปเรียนมหาลัยตั้ง 4 ปี เพราะเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ๆ สำหรับคนปกติ ไม่มีใครเขาทำกันได้นานขนาดนี้หรอก แต่สำหรับผมมัน จำเป็นต้องทำ ผมยังเคยแปลกใจเลยว่า ทำไปได้ยังไง

ปกติอยุ่บ้านเวลาออกไปไหนผมจะใส่หมวกตลอด แต่คราวนี้ไปมหาลัยทุกครั้ง ผมต้องใส่วิก ต้องมานั่งเซ็ตทรงผมให้มันเป็นธรมมชาติที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ ต้องมาเผื่อเวลาตรงนี้ บอกตรง ๆ ผมไม่ชอบเลย มันเหนื่อยมาก บางที เรียนมาหนัก ๆ ต้องมาตื่นเช้า เซ็ตทรงผมบ้า ๆ นี่ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทำให้ผมเครียด มาก มากจนบางทีเซ็ตไม่เป็นทรง ผมก็หยุดเรียนไปเลย ทั้งที่เสียเวลาไปตั้งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไง ผมก็ต้องทำ เพราะผมอยากมีผมปกติที่เป็นทรงเหมือนเพื่อน คนอื่น บ้าง

ผมรุ้สึกว่า การที่หัวมันแหว่ง เหมือนมันเป็นเงื่อนไข ที่สามารถทำให้ผมใส่วิกได้ แต่ทีนี้ ที่บ้านผม ไม่มีใครรับได้สักคน พี่ชายผมบอกให้เลิกใส่เหอะ ไม่มีใครสนใจหัว(มิง)หรอก  พี่สาวก็บอก จะแนะนำร้านตัดผมดี ๆ ให้ ส่วนพ่อ ไม่คุยด้วยเลย แต่จะมองผมแปลก ๆ จนบางทีก็ทะเลาะกัน เพราะผมไม่ออกไปเที่ยวไหน เพราะเรื่องทรงผม จริงอยุ่ถึงผมจะใส่วิกแต่ก็ไม่ได้ชอบใส่ เพราะมันเหนื่อย และผมก็ไม่ชอบใส่หมวก ใช่ มันดู บ้ามากใช่มั้ยครับทุกท่าน แต่สำหรับผม เรื่องนี้มันสำคัญมาก และผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เรื่องทั้งหมดมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้  

คราวนี้พอใส่ ไปเรื่อย ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนขาดไม่ได้ มันให้ความรุ้สึกเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ราว ๆ กับ เราต้องใส่รองเท้า หรือใส่เสื้อผ้าเวลาออกไปไหนมาไหน ถ้าไม่ใส่ มันก็ออกไม่ได้ !! แบบนั้น เข้าใจใช่มั้ย.... เพราะว่าผมรับตัวเองที่หัวแหว่งไม่ได้ครับ ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ .....

แน่นอน ชีวิตในมหาลัย เรื่อง รัก ๆ มันมีแน่ ถ้าหากคุณไม่เคยเจอความรัก แต่ถ้าคุณอยุ่ในมหาลัย คุณจะต้องเจอ! เวลาผมคบกับผู้หญิงแต่ล่ะคนเวลาจะมี sex กัน ส่วนใหญ่ นับรายได้เลย พวกผู้หญิงจะต้องจับหัวผู้ชาย จะลูบผมบ้าง กดหัวบ้าง ดึงผมบ้าง แต่กรณีผม ผมให้ความลับเรื่องนี้ถุกเปิดเผยไม่ได้ เพราะผมอาย ผมไม่อยากให้คนที่รักผม ต้องมาทุกข์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ของผมไปด้วย แค่ ผมคนเดียวมันก็แย่เกินที่จะรับแล้วแล้ว ผมก็เลยต้องตีตัวออกห่างทุกความสำพันธ์ ต้องตัดให้ขาดจริง ๆ ซึ่งน่าแปลกว่าผมทำได้ และ มันทำให้ผมคิดไปว่า ผมคงมีแฟนไม่ได้ คงมีลุก มีครอบครัวไม่ได้ เพราะผม เป็นคนพิการนี่ จะมีใครรับผมที่ต้องใส่วิกไปตลอดชีวิตแบบนี้ เพราะว่าผมเลิกใส่ไม่ได้ เหมือนเสพติดไปแล้ว.....

และแน่นอน  เรื่องทำงาน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ถ้าหากต้องมานั่งใส่วิก ทุกวันตื่นเช้า ไปทำงาน มัน คงเหนื่อย และลำบาก และบ้ามาก ซึ่งไม่มีใครเขาทำกันหรอก และ ถึงจะใส่วิกก็เถอะ ใช่ว่ามันจะเนียน สมัยฝึกงานตอนเรียนปี 4 มันทำให้ผมประจักษ์ว่า ไม่เคยมีวันไหนที่สบายใจเลย พี่ ๆ ทุกคนชมผมวว่า ผมสวยนี่ ดาราเกาหลีมาเชียว สีผมสวยจัง อ้อผมลืมบอก ตอนนั้น ผมเป็นยอดฝีมือใส่วิกไปแล้ว ผมรุ้จักวิธีเล่นกับมัน สร้างสรรค์มัน ถึงขนาดไปซื้อสีช๊อคพาสเทล์  มาระบายวิกผม!! ใช่ ผมเห็นในเน็ตมีคนทำแต่เขาไม่ได้ระบายวิก เขาระบายหัวจริง ผมจึงเปลี่ยน สีผมทุกเดือน บางที ทำไฮไลต์ด้วย เพราะมันล้างน้ำออกคับ และคราวนี้มันยิ่งทำให้ผมเหมือนถูกบีบให้ ให้ยิ่งพลาดไม่ได้ขึ้นไปอีกขั้น เพราะถ้าหากผมพลาดล่ะก็ มันเป็นความผิดที่รุ้กันไปทั้งที่ทำงาน ทั้งเอก ทั้งคณะ และ ผมจะไม่ยอมปล่อยให้พลาด

เอาล่ะ เดี่ยวมาต่อคับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่