เริ่มจาก ตอนนี้ เราอยู่เรียนปี 5 ค่ะ จริงๆคือ ต้องจบใน 4 ปีแล้ว แต่ช่วงนั้นเรามีปัญหาค่ะ บ้านเรามีภาระหนี้สิน ต้องย้ายบ้าน ขายบ้านทิ้ง แล้วมาอาศัยห้องเช่า ประกอบกับอยู่ในช่วงที่เก็บวิชาที่เคยดรอปไว้ด้วยหลายตัว เลยต้องต่อทีสิสปี 5 ค่ะ
ช่วงระหว่างรอลงวิชา เราก็มีคุยกับพี่ๆและเพื่อนในด้านสายงานว่าจบแล้วจะทำอะไรบ้าง คุยว่าจะทำทีสิสยังไงบ้าง พร้อมกับรับจ๊อบเล็กๆน้อยๆเพื่อเอาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะ มีไปคุยหัวข้อทีสิสกับอาจารย์บ้าง จนกระทั่ง แม่เราป่วยเป็นมะเร็งเต้านม แล้วต้องออกมาจากงานที่เค้าทำ(คุณแม่ทำงานเป็นเฮาส์เมดให้กับคนต่างชาติค่ะ) ค่าใช้จ่ายที่กลายเป็นว่าคุณพ่อต้องแบกรับคนเดียว ทำให้เราต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น ตรงนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ค่ะ เพราะปกติเราใช้ตามที่ท่านให้ ก็มีใช้เป็นค่าข้าว ค่าขนม เหลือก็เก็บไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินไว้แล้ว
ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่เทอมสอง ซึ่งนี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นของปัญหา....
เริ่มจาก วิชาที่เหลืออยู่หนึ่งตัว กับทีสิส วันสอบมันตรงกันทำให้ลงทะเบียนไม่ได้ แน่นอนค่ะว่าเราต้องไปคุยกับอาจารย์อยู่แล้วว่าจะลงยังไง ทำยังไง เรากังวลมากค่ะ เพราะพ่อบอกว่า เค้าอาจจะต้องกู้มาแสนนึงเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอีก 7 เดือนข้างหน้านี้ เค้าถามเราค่ะว่าเราจะเรียนจบเมื่อไหร่ จะได้ทำงานและช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบ้าน เราเครียดมากเพราะกลัวว่าถ้าลงไม่ได้ทั้งสองวิชา ก็จะต้องเรียนต่อไปอีกปี ซึ่งวันนั้นเราโทรไปคุยกับเพื่อนๆพี่ๆหลายๆคนเรื่องที่ทำงานด้วยซ้ำว่า เค้ารับนักศึกษาที่ทำงานไปด้วยมั้ย เผื่อกรณีเลวร้ายที่สุดยังไงเราก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองและช่วยที่บ้านแล้ว
ในวันเดียวกัน เราเลยลองไปเปรยๆในกลุ่มเพื่อนในสาขาค่ะ(นอกจากเรา ทั้งรุ่นเค้าจบหมดค่ะ) ว่าเรามีปัญหาลงสองวิชาไม่ได้นะ อะไรประมาณนี้(เป็นแบบเชิงระบายค่ะ เพราะตัวเราเองก็รู้ๆอยู่แล้วว่าต้องไปคุยกับอาจารย์และทะเบียน)เบื้องหน้า พวกเค้าก็โพสต์แนวๆว่าไปคุยกับอาจารย์ ถามว่าแล้วหัวข้อทีสิสเป็นไงมั่ง ลับหลัง เค้ากลับไปพูดคุยว่า อยากมาทำสารคดีชีวิตว่าเป็นยังไง หาว่าข้ออ้างเราสารพัด บอกเราว่าขาดเป้าหมายชีวิต ติดภาระบ้าบอ เราน้ำตาร่วงแบบไม่นึกว่าเค้าจะทำแบบนี้กับเรา ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1 เค้าก็มองเราไม่ดี อาจจะเพราะสมัยนั้นเราไม่ค่อยเข้าหากับพวกเค้า เราไม่ได้นิยมดารา ไม่ใช่คนเรียนสายศิลป์มาแต่แรก ฝีมือในการทำงานไม่ดี ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว มีวาดการ์ตูน(ซึ่งเค้าเหมาเราว่าเป็นโอตาคุ เพราะแค่วาดรูป เราไม่เคยไปพูดเรื่องการ์ตูน เรื่องอนิเมอะไรพวกนี้ให้เค้าเลยนะคะ - -) ยอมรับว่าสมัยก่อนนิสัยไม่ดี ไม่ไปเรียน เพราะไม่อยากเจอพวกเค้าค่ะ งานไม่ค่อยส่งเพราะทำไม่เป็น ผลลัพธ์ก็คือติดโปร จนเราแก้โปรได้แล้ว ผลของการกระทำในอดีตที่เราผิด เรายอมรับทุกประการค่ะ
แต่ช่วงที่เราลำบากยากเข็ญที่สุด ช่วงปี 4 พวกเค้าไม่เคยมาเหลียวแล มาถามหาเลย ทำงานกลุ่มเราทำคนเดียวด้วยซ้ำค่ะ เพราะพวกเค้าแบ่งกลุ่มแบบ เหลือเราคนเดียวตลอด ทำงานนั่งหลังขดต่อๆกันเกือบเดือน เราปวดหลังมากจนพ่อต้องแบกไปหาหมอ หมอบอกว่ากระดูกสันหลังมันงอ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้นต้องผ่าตัดแล้ว ตอนนั้นทำให้เรานั่งแทบไม่ได้ เลยต้องดรอปวิชานึงไป(วิชานี้ตอนเรียนต้องนั่งกับพื้นค่ะ เราเลยจำเป็นต้องดรอปไป)วันปัจฉิมเรายังขออาจารย์ยืนตลอดทั้งงานเลยค่ะเพราะนั่งแล้วปวดมาก กลายเป็นว่าเพื่อนในสาขาเห็นเรายืนก็เอาไปพูดต่างๆนาๆว่าเรายืนทำเท่ ไม่ก็ที่ปวดหลังเราทำเป็นอ้าง....เราซึ้งที่เค้าทำกับเราค่ะ ตั้งแต่นั้นมาปัญหาชีวิตอะไรเราไม่พูดอีกเลย เพราะเราคิดว่าเดี๋ยวเค้าก็คิดว่าเราอ้าง ซึ่งมันก็จริงค่ะ เรื่องแม่เราป่วย มีเฉพาะเพื่อนสมัยมัธยมและคนสนิทเท่านั้นที่รู้ ช่วงที่แม่เราจะเข้าผ่าตัด เตรียมผ่าตัด ไปจนถึงจะทำคีโมเราต้องดูแลแม่เราตลอด เค้าบอกอยากรู้ชีวิตเรา แต่แค่มาถามว่าเป็นไงมั่งสบายดีมั้ย ยังไม่มีซักคำ กล้ามาพูดว่าเราไม่มีเป้าหมายชีวิต ทั้งๆที่เราตอนนี้ มีแต่เรื่องเตรียมทำทีสิสให้จบ เตรียมพอร์ททำงาน ทำงานช่วยที่บ้าน จะไปเที่ยวหรือกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนนี่นับครั้งในรอบปีได้ด้วยซ้ำ....
วันนี้ เราโทรคุยโทรศัพท์กับแฟนตามกิจวัตรประจำวันค่ะ เค้าอ้ำๆอึ้งๆ ดูเงียบๆ เราเลยถามว่ามีอะไรรึเปล่า เค้าบอกว่าวันนี้ยายโทรมาคุยเรื่องนั้นนี้ แต่ตอนจบประโยคเค้าบอกว่าหาผู้หญิงไว้ให้เค้าแล้ว ยายไม่ยอมให้แต่งกับผู้หญิงคนนั้นหรอก...เราหน้าชาเลยค่ะ ส่วนนึงอาจจะเพราะเราไม่ได้สนิทกับยายเค้าเท่าไหร่นัก เจอกันแค่สองครั้งคือ ตอนที่แฟนเราไปเยี่ยมคุณยายเค้าตอนป่วยครั้งนึง กับตอนงานบวชแฟนเราครั้งนึง ยอมรับค่ะ เทียบกับแฟนที่เค้าแก่กว่าเรา 5 ปี เค้ามีงานทำ(เพิ่งได้งานใหม่จะทำอยู่เดือนหน้านี้แล้วด้วย) เรายังไม่จบ หน้าตารูปร่างเราไม่ดี ยังไงเค้าก็คงไม่เอาเราอยู่แล้ว ถึงแฟนเราจะบอกว่าเค้ารักเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลึกๆเรากลัวเหมือนกันค่ะ ถึงเค้าจะไม่มีประวัติเจ้าชู้ แต่ถ้าที่บ้านเค้าต้องบังคับหรือแฟนเราไม่หนักแน่นพอ กลายเป็นว่า จากที่คิดไว้เรื่องที่เป็นความสุขในหมู่ความทุกข์คือ เดือนหน้าจะครบรอบ 2 ปี ตอนนี้มันรู้สึกแบบ สับสน เหมือนเราเดินไปข้างหน้าแล้วเป้าหมายกำลังจะหายไปหนึ่ง เหมือนคนบ้าที่อยากตะโกน อยากร้องไห้ตลอดเวลา
จริงๆเหมือนเป็นเรื่องระบายมากกว่า แต่ว่า เราเองก็เริ่มถึงจุดไม่ไหวแล้วค่ะ อยากปรึกษาใครซักคนมากๆ แต่แค่เรื่องเรียน เรื่องงาน เราก็ไปรบกวนไว้หลายคนแล้ว ไม่อยากเอาอีกหลายๆเรื่องไปทับถมให้มันเยอะขึ้นไปอีก
ขอบคุณที่รับฟัง และยินดีรับฟังคำปรึกษาค่ะ T T
เจอหลายๆเรื่องเข้ามาในชีวิต รู้สึกสับสนค่ะ T T
ช่วงระหว่างรอลงวิชา เราก็มีคุยกับพี่ๆและเพื่อนในด้านสายงานว่าจบแล้วจะทำอะไรบ้าง คุยว่าจะทำทีสิสยังไงบ้าง พร้อมกับรับจ๊อบเล็กๆน้อยๆเพื่อเอาเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะ มีไปคุยหัวข้อทีสิสกับอาจารย์บ้าง จนกระทั่ง แม่เราป่วยเป็นมะเร็งเต้านม แล้วต้องออกมาจากงานที่เค้าทำ(คุณแม่ทำงานเป็นเฮาส์เมดให้กับคนต่างชาติค่ะ) ค่าใช้จ่ายที่กลายเป็นว่าคุณพ่อต้องแบกรับคนเดียว ทำให้เราต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น ตรงนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ค่ะ เพราะปกติเราใช้ตามที่ท่านให้ ก็มีใช้เป็นค่าข้าว ค่าขนม เหลือก็เก็บไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินไว้แล้ว
ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่เทอมสอง ซึ่งนี่แหละค่ะจุดเริ่มต้นของปัญหา....
เริ่มจาก วิชาที่เหลืออยู่หนึ่งตัว กับทีสิส วันสอบมันตรงกันทำให้ลงทะเบียนไม่ได้ แน่นอนค่ะว่าเราต้องไปคุยกับอาจารย์อยู่แล้วว่าจะลงยังไง ทำยังไง เรากังวลมากค่ะ เพราะพ่อบอกว่า เค้าอาจจะต้องกู้มาแสนนึงเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอีก 7 เดือนข้างหน้านี้ เค้าถามเราค่ะว่าเราจะเรียนจบเมื่อไหร่ จะได้ทำงานและช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบ้าน เราเครียดมากเพราะกลัวว่าถ้าลงไม่ได้ทั้งสองวิชา ก็จะต้องเรียนต่อไปอีกปี ซึ่งวันนั้นเราโทรไปคุยกับเพื่อนๆพี่ๆหลายๆคนเรื่องที่ทำงานด้วยซ้ำว่า เค้ารับนักศึกษาที่ทำงานไปด้วยมั้ย เผื่อกรณีเลวร้ายที่สุดยังไงเราก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองและช่วยที่บ้านแล้ว
ในวันเดียวกัน เราเลยลองไปเปรยๆในกลุ่มเพื่อนในสาขาค่ะ(นอกจากเรา ทั้งรุ่นเค้าจบหมดค่ะ) ว่าเรามีปัญหาลงสองวิชาไม่ได้นะ อะไรประมาณนี้(เป็นแบบเชิงระบายค่ะ เพราะตัวเราเองก็รู้ๆอยู่แล้วว่าต้องไปคุยกับอาจารย์และทะเบียน)เบื้องหน้า พวกเค้าก็โพสต์แนวๆว่าไปคุยกับอาจารย์ ถามว่าแล้วหัวข้อทีสิสเป็นไงมั่ง ลับหลัง เค้ากลับไปพูดคุยว่า อยากมาทำสารคดีชีวิตว่าเป็นยังไง หาว่าข้ออ้างเราสารพัด บอกเราว่าขาดเป้าหมายชีวิต ติดภาระบ้าบอ เราน้ำตาร่วงแบบไม่นึกว่าเค้าจะทำแบบนี้กับเรา ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1 เค้าก็มองเราไม่ดี อาจจะเพราะสมัยนั้นเราไม่ค่อยเข้าหากับพวกเค้า เราไม่ได้นิยมดารา ไม่ใช่คนเรียนสายศิลป์มาแต่แรก ฝีมือในการทำงานไม่ดี ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว มีวาดการ์ตูน(ซึ่งเค้าเหมาเราว่าเป็นโอตาคุ เพราะแค่วาดรูป เราไม่เคยไปพูดเรื่องการ์ตูน เรื่องอนิเมอะไรพวกนี้ให้เค้าเลยนะคะ - -) ยอมรับว่าสมัยก่อนนิสัยไม่ดี ไม่ไปเรียน เพราะไม่อยากเจอพวกเค้าค่ะ งานไม่ค่อยส่งเพราะทำไม่เป็น ผลลัพธ์ก็คือติดโปร จนเราแก้โปรได้แล้ว ผลของการกระทำในอดีตที่เราผิด เรายอมรับทุกประการค่ะ
แต่ช่วงที่เราลำบากยากเข็ญที่สุด ช่วงปี 4 พวกเค้าไม่เคยมาเหลียวแล มาถามหาเลย ทำงานกลุ่มเราทำคนเดียวด้วยซ้ำค่ะ เพราะพวกเค้าแบ่งกลุ่มแบบ เหลือเราคนเดียวตลอด ทำงานนั่งหลังขดต่อๆกันเกือบเดือน เราปวดหลังมากจนพ่อต้องแบกไปหาหมอ หมอบอกว่ากระดูกสันหลังมันงอ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้นต้องผ่าตัดแล้ว ตอนนั้นทำให้เรานั่งแทบไม่ได้ เลยต้องดรอปวิชานึงไป(วิชานี้ตอนเรียนต้องนั่งกับพื้นค่ะ เราเลยจำเป็นต้องดรอปไป)วันปัจฉิมเรายังขออาจารย์ยืนตลอดทั้งงานเลยค่ะเพราะนั่งแล้วปวดมาก กลายเป็นว่าเพื่อนในสาขาเห็นเรายืนก็เอาไปพูดต่างๆนาๆว่าเรายืนทำเท่ ไม่ก็ที่ปวดหลังเราทำเป็นอ้าง....เราซึ้งที่เค้าทำกับเราค่ะ ตั้งแต่นั้นมาปัญหาชีวิตอะไรเราไม่พูดอีกเลย เพราะเราคิดว่าเดี๋ยวเค้าก็คิดว่าเราอ้าง ซึ่งมันก็จริงค่ะ เรื่องแม่เราป่วย มีเฉพาะเพื่อนสมัยมัธยมและคนสนิทเท่านั้นที่รู้ ช่วงที่แม่เราจะเข้าผ่าตัด เตรียมผ่าตัด ไปจนถึงจะทำคีโมเราต้องดูแลแม่เราตลอด เค้าบอกอยากรู้ชีวิตเรา แต่แค่มาถามว่าเป็นไงมั่งสบายดีมั้ย ยังไม่มีซักคำ กล้ามาพูดว่าเราไม่มีเป้าหมายชีวิต ทั้งๆที่เราตอนนี้ มีแต่เรื่องเตรียมทำทีสิสให้จบ เตรียมพอร์ททำงาน ทำงานช่วยที่บ้าน จะไปเที่ยวหรือกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนนี่นับครั้งในรอบปีได้ด้วยซ้ำ....
วันนี้ เราโทรคุยโทรศัพท์กับแฟนตามกิจวัตรประจำวันค่ะ เค้าอ้ำๆอึ้งๆ ดูเงียบๆ เราเลยถามว่ามีอะไรรึเปล่า เค้าบอกว่าวันนี้ยายโทรมาคุยเรื่องนั้นนี้ แต่ตอนจบประโยคเค้าบอกว่าหาผู้หญิงไว้ให้เค้าแล้ว ยายไม่ยอมให้แต่งกับผู้หญิงคนนั้นหรอก...เราหน้าชาเลยค่ะ ส่วนนึงอาจจะเพราะเราไม่ได้สนิทกับยายเค้าเท่าไหร่นัก เจอกันแค่สองครั้งคือ ตอนที่แฟนเราไปเยี่ยมคุณยายเค้าตอนป่วยครั้งนึง กับตอนงานบวชแฟนเราครั้งนึง ยอมรับค่ะ เทียบกับแฟนที่เค้าแก่กว่าเรา 5 ปี เค้ามีงานทำ(เพิ่งได้งานใหม่จะทำอยู่เดือนหน้านี้แล้วด้วย) เรายังไม่จบ หน้าตารูปร่างเราไม่ดี ยังไงเค้าก็คงไม่เอาเราอยู่แล้ว ถึงแฟนเราจะบอกว่าเค้ารักเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ลึกๆเรากลัวเหมือนกันค่ะ ถึงเค้าจะไม่มีประวัติเจ้าชู้ แต่ถ้าที่บ้านเค้าต้องบังคับหรือแฟนเราไม่หนักแน่นพอ กลายเป็นว่า จากที่คิดไว้เรื่องที่เป็นความสุขในหมู่ความทุกข์คือ เดือนหน้าจะครบรอบ 2 ปี ตอนนี้มันรู้สึกแบบ สับสน เหมือนเราเดินไปข้างหน้าแล้วเป้าหมายกำลังจะหายไปหนึ่ง เหมือนคนบ้าที่อยากตะโกน อยากร้องไห้ตลอดเวลา
จริงๆเหมือนเป็นเรื่องระบายมากกว่า แต่ว่า เราเองก็เริ่มถึงจุดไม่ไหวแล้วค่ะ อยากปรึกษาใครซักคนมากๆ แต่แค่เรื่องเรียน เรื่องงาน เราก็ไปรบกวนไว้หลายคนแล้ว ไม่อยากเอาอีกหลายๆเรื่องไปทับถมให้มันเยอะขึ้นไปอีก
ขอบคุณที่รับฟัง และยินดีรับฟังคำปรึกษาค่ะ T T