เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://ppantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://ppantip.com/topic/31072197
บทที่ 9
http://ppantip.com/topic/31080124
บทที่ 10
http://ppantip.com/topic/31096418
บทที่ 11
http://ppantip.com/topic/31106323
บทที่ 12
http://ppantip.com/topic/31110852
บทที่ 13
http://ppantip.com/topic/31119767
บทที่ 14
http://ppantip.com/topic/31145208
บทที่ 15
http://ppantip.com/topic/31153998
บทที่ 16
http://ppantip.com/topic/31158597
บทที่ 17
http://ppantip.com/topic/31162220
บทที่ 18
http://ppantip.com/topic/31167403
บทที่ 19
http://ppantip.com/topic/31171824
*****************
บทที่ 20
กล่าวถึงกองทัพของเจ้าฟ้ามูรตี กษัตราแห่งอนันตาประเทศ ซึ่งเคลื่อนพลมาทางน้ำโดยกระบวนเรือพายหลายพันลำ
เสียงขับเห่ของบรรดาฝีพายนับแสนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคุ้งน้ำจนเหล่าสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ต่างวิ่งกรูกันมาดูอยู่ริมฝั่งทั้งสองข้าง
บนเรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี
เจ้าฟ้ามูรตีกำลังเสวยพระกระยาหารเช้าอยู่อย่างรื่นพระอารมณ์ พลางทรงโน้มพระวรกายไปทอดพระเนตรฝูงปลากระทุงเหว ซึ่งว่ายแหวกเคียงขนาบเรือพระที่นั่งมาอยู่ตลอดเวลา
" ภูมิประเทศแห่งอนันตาเรานี้ ช่างงดงามเหลือประมาณ มิรู้บรรดาลูกหลานจะธำรงรักษาความสุขสมบูรณ์พูนทวีนี้ไปได้นานสักเท่าใด "
ทรงมีพระดำรัส
" ตามที่ข้าพระองค์เคยทดลองทำนายทายทัก พงพนาบริเวณนี้ภายภาคหน้าจะอยู่ใตผืนบาดาลพระพุทธเจ้าข้า "
โหราจารย์ทูลจบ เจ้าฟ้ามูรตีทรงหันมายิ้ม
" ใต้ผืนน้ำเรอะ ? ... แหม... ท่านโหราจารย์ ท่านอกจะเพ้อเจ้อไปหน่อยกระมัง ท่านก็เห็นอยู่ว่าป่าเขาแถบนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เขียวขจีเป็นที่ยิ่ง แลไปยังหนใดก็เห็นแต่ต้นไม้พฤกษานานาพันธุ์ บางต้นก็สูงใหญ่ราวยี่สิบคนโอบกระชับ ส่วนพื้นดินก็อยู่สูงจากพื้นน้ำมากมายนัก มันจะเกิดน้ำท่วมไปได้อย่างไรกัน "
" ขอเดชะ ข้าพระองค์รู้สึกได้เช่นนั้นจริงแท้พระพุทธเจ้าข้า ภายภาคหน้าจะมีการสร้างปราการใหญ่ขวางกั้นลำน้ำแห่งนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำท่วมไปทั่วผืนป่า สิงสาราสัตว์ตายเกลื่อน ปวงประชาหนีน้ำกันจ้าละหวั่น แลพื้นที่บริเวณนี้ก็จะกลายเป็นทะเลสาปขนาดมโหฬารปานมหาสมุทร "
" ไม่เอาละ โหราจารย์ เพลานี้เรากำลังสุนทรีย์ อย่าเอาเรื่องสะเทือนหทัยมาไขขานให้รำคาญทรวง "
ทรงตำหนิจบ อำมาตย์เอกเบี่ยงกายมายังโหราจารย์พลางกระซิบ
" เห็นไหม ทรงเคืองจนได้ กำลังทรงพระสำราญพระราชหฤทัยอยู่ดีๆ ริเอาเรื่องไร้สาระมาทูลสู่ "
โหราจารย์รีบหันมากระซิบตอบว่า
" ไร้สาระกระนั้นเรอะ เรื่องนี้ข้ามีมูลนะ ข้าตรองตริดูจากความเป็นไปได้ พื้นที่บริเวณนี้เหมาะแก่การสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ท้ายน้ำลงไปเป็นเรือกสวนไร่นากว้างขวางสุดสายตา ในหน้าแล้งน้ำจะขาด ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าจึงเห็นว่าจะต้องมีเขื่อนเกิดขึ้นในบริเวณนี้อย่างแน่นอน การโค่นป่ามหาศาลจะต้องเกิดขึ้นอีก แต่ไม่ใช่เพื่อเอาไม้มาต่อเรือ แต่เพื่อปากท้องของปวงประชาราษฎร "
" ชู้ววว์... เงียบนะ โหราจารย์ "
มหาอำมาตย์เอกยกนิ้วชี้ขึ้นจ่อปากพลางกระซิบ
" ประเดี๋ยวทรงได้ยินขึ้นมาละก็ เป็นได้ถูกประหารกันทั้งลำเรือเชียวละ "
ครู่หนึ่ง...
หัวกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคพลันบังเกิดเสียงอื้ออึงอลของบรรดาทหารหาญ จนได้ยินมาถึงเรือพระที่นั่ง
เจ้าฟ้ามูรตีทรงยืดพระวรกายขึ้นจึ่งตรัสถาม
" เกิดเหตุอันใดขึ้น ? "
แม่ทัพทองถึงนั่งเรือแจวลำหนึ่งเข้ามาเทียบเรือพระทั่นั่งจากนั้นจึงขึ้นเรือมากราบถวายบังคมเจ้าฟ้ามูรตี
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ณ บัดนี้ มีผู้พบร่างหญิงสาวเกาะขอนไม้ลอยตามน้ำมาพระพุทธเจ้าข้า "
" หญิงสาว... ? "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทำพระเนตรโต
" พระพุทธเจ้าข้า นางสลบไศลไม่ได้สติอยู่กับขอนไม้ หามีผู้ใดกล้านำนางขึ้นมาจากวารีจึ่งปล่อยได้ลอยอยู่อย่างนั้น "
" รีบนำตัวมาทันใด "
" พระพุทธเจ้าข้า "
จบคำ แม่ทัพทองถึงหันหน้าไปยังมหาดเล็กคนหนึ่งพลางพยักหน้า มหาดเล็กผู้นั้นรีบกระวีกระวาดลงเรือแจวแล้วมุ่งสู่หัวขบวนในทันที
ในที่สุด ร่างอันอ่อนระทวยของหญิงสาวก็ถูกวางลงบนพื้นเรือพระที่นั่ง เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จพระดำเนินมาทอดพระเนตร และครั้นมหาดเล็กพลิกร่างสตรีผู้นั้นให้หงายขึ้น ทุกคนบนเรือก็ต้องตะลึงงันในสิ่งที่เห็น
" พระนางแก้วกานดา...!!! "
เหล่าข้าราชบริพารต่างตะโกนขึ้นพร้อมกัน
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทรุดพระวรกายลงประคองร่างพระนางแก้วกานดาด้วยพระสุชลคลอพระเนตร
เรือมโหรีรีบเคลื่อนเข้ามาใกล้พลางเริ่มบรรเลงเพลงสาริกาคลอคู่ เจ้าฟ้ามูรตี โหราจารย์ มหาอำมาตย์เอก และแม่ทัพทองถึงร่วมร้องเพลงหมู่ โดยมีเหล่าทหารหาญและฝีพายทุกคนร้องคลอ
" โอ้ว่าแก้วกานดาราชินี "
" ราชินี..... "
" ไยทรงตกระกำถึงเพียงนี้ "
" ถึงเพียงนี้.... "
" ไยโชคร้ายผองภัยมาย่ำยี "
" มาย่ำยี... "
" เป็นเช่นนี้คงฝีมือพระเชษฐา "
" พระเชษฐา... "
" หาใช่ไม่.....!!! "
พระนางแก้วกานดาทรงฟื้นคืนพระสติแลทรงร้องลั่นโดยพลัน ณ บัดนั้น ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตีจึ่งตรัสต่อ
" หาใช่ฝีมือเจ้าพี่ฉกรรณราชา หากแต่เป็นฝีมือสมิงสาตาบู "
" สมิงสาตาบู...!! "
เหล่าอำมาตย์แลข้าราชบริพารทั้งมวลตะลึงงัน
" ไม่เพียงแค่นั้น ต้นเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทรยศของห้าขันทีพลีสวาทอีกด้วย "
" ห้าขันที ??? "
ข้าราชบริพารตะลึงอีกครั้ง
เจ้าฟ้ามูรตีทรงกัดพระทนต์กรอดๆ ก่อนทรงเชิดพระพักตร์อย่างองอาจพลางตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นยะเยือกดุจสายน้ำ
" สัญชาติสวาทบัณเฑาะก์สืบเสาะแต่ทรัพย์สิน "
ทรงหันมาทางพระนางแก้วกานดาพลางทรงมีรับสั่ง
" ไม่ต้องห่วง หากแม้นเราจับตัวพวกมันได้เมื่อใด จะสั่งประหารตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียว "
" ขอบพระราชหฤทัยเหลือหลายยิ่งเพคะ "
- - - - - - - - -
หลายวันต่อมา...
ณ อาณาจักพะคัมด์ ภายในพระบรมมหาราชวังอังอลังการ
เหล่าห้าขันทีพลีสวาทซึ่งอยู่ในอาภรณ์ของสาวชาววังพะคัมด์ กำลังร่ายรำอยู่กลางท้องพระโรงพระราชวัง ท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์มากหลาย
เสียงดนตรีจากวงปี่พาทย์พะคัมด์บรรเลงเพลงอันอ่อนหวานหยาดเยิ้ม เหตุที่ต้องใช้วงปี่พาทย์เนื่องจากมโหรีหลวงเกิดป่วยกระทันหันพร้อมกันทีเดียวทั้งวง
พระเจ้าเตวู มหาราชกษัตราราชันย์แห่งพะคัมด์ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถด้วยการประทับนั่งเอนพระขนองพิงพระเขนยพลางทรงยกพระพาหาข้างหนึ่งโอบนางสนม ส่วนอีกข้างทรงวางไว้บนพระเพลา ทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นมาพลางทรงใช้พระกนิษฐาแคะพระกรรณอยู่ครู่
นางสนมผู้หนึ่งหันไปหยิบซับพระพักตร์ซึ่งวางอยู่บนพานทองมา แล้วขยับกายเข้าใกล้องค์ พลางยื่นมือออกไปซับพระเสโทที่เปียกชุ่มอยู่บริเวณพระนลาฏ ก่อนจะเขยิบถอยจากไป
การร่ายรำของห้าขันทีจบลงอย่างงดงาม ท่ามกลางเสียงปรบมือจนอื้ออึงของบรรดาข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์อันขึ้นตรงต่อพระเจ้าเตวู กษัตริย์พะคัมด์ผู้งามสง่า
เหล่าขันทีต่างกรูกันมาถวายบังคมองค์กษัตริย์พลางว่า
" เป็นเช่นไรบ้างเพฮะ ฝ่าพระบาท "
" ก็พอจะอดทนทอดนัยเนตรไปได้คราหนึ่ง "
จบคำ ทรงปรบพระหัตถ์สามครา
" ขอบพระทัยเพฮะ "
" ที่กรุงอนันตาเขาชื่นชอบการร่ายรำของพวกเจ้าฤาไม่ "
ทรงถาม
" ขอเดชะ บางผู้ก็ชื่นชอบสุดประมาณ บางผู้ก็โจนทะยานหนีเพฮะ "
ถูไถว่า
" ไย ??? "
ทรงฉงน
" พวกเขากล่าวหาว่าน่าอุบาทว์เหลือจะรับไว้ได้เพฮะ "
ไซ้เนินทูล
" ข้าไม่เห็นว่าจะน่าอุบาทว์ตรงไหน ตรงกันข้าม ข้าว่าดูงดงามกว่านางรำของข้าเสียอีก "
" แหม... ทรงชมพวกหม่อมฉันเกินไป "
หนีรูเหนียมอาย
" เอ่อ... แล้วพวกอนันตา วันๆเขากระทำกิจอันใดกันบ้างละ "
ทรงถามอีก
" อุ๊ย... !! กระไรได้เพฮะ วันๆก็มีแต่พายเรือโอ้โลมเหล่าสตรี "
เพลินพวงทูล
" ไม่ก็ร่ายรำ ร้องเพลง จ่ายตลาดเพฮะ "
หวงหลังทูลบ้าง
" อ้อ... นี่วันๆเขาใช้ชีวิตสุขสำราญเช่นนี้เองเรอะ อย่างนั้นก็ง่ายที่จะเข้าตีเอาชัยสินะ "
" ตีเอาชัย !! ??? "
เหล่าขันทีตะลึงงันในทันใด
" ใช่ ข้าจะยกทัพไปตีกรุงอนันตาในเร็ววันนี้ "
" ตีกรุงอนันตา !! "
เหล่าขันทีตะลึงพลางมองหน้ากัน
- - - - - - - - -
ภายในห้องหับแห่งหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตร มีภาชนะและเครื่องใช้แบบพะคัมพ์ประดับประดาอยู่โดยพร้อม
ณ มุมหนึ่งของห้องหับแห่งนี้ เหล่าขันทีทั้งห้ากำลังนั่งสนทนากันอย่างคร่ำเคร่ง ภายหลังจากที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเตวูจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" เขาจะยกทัพบุกอนันตาจริงล่ะหรือ ? "
เพลินพวงเริ่มขึ้น
" ก็เห็นจะใช่ แต่ทำไมถึงต้องเป็นเพลานี้ด้วย "
หวงหลังสงสัย ฝ่ายถูไถเดินไปยังหน้าต่างพลางว่า
" อาจเป็นเพราะเจ้าฟ้ามูรตีไม่ทรงประทับอยู่อนันตาก็เป็นได้กระมังหนอ "
" อะไรนะ ทรงไม่อยู่อนันตาเหรอ "
หนีรูส่งเสียงแหลม
" ใช่ ข้าได้ข่าวมาเช่นนั้น "
ถูไถตอบ
" ถ้าเช่นนั้น ขณะนี้พะคัมด์ก็เป็นต่อนะสิ "
ไซ้เนินเอ่ย
" มิไยพวกเราไม่เข้าข้างพะคัมด์กันให้หมด "
หวงหลังเสนอจบ ทุกคนหันมามองเขาเป็นจุดเดียว หวงหลังยังกล่าวอีกว่า
" จริงๆนะจ๊ะ ถ้าเราช่วยเหลือพระเจ้าเตวูให้ได้ชัย ไม่แน่ พระองค์อาจยกอนันตาให้พวกเราครอบครองก็เป็นได้ "
" เฉียบฉิว จริงอย่างหวงหลังว่า "
ไซ้เนินเห็นด้วย
" เป็นอันว่าทุกคนเห็นพ้องใช่ไหม หนีรู ถูไถ เพลินพวง "
หวงหลังถามทุกคนจนถ้วนทั่ว
" พ้องประสิทธิ์สัมฤทธิผล "
ทุกคนตอบ
- - - - - - - - -
ท้องพระโรงพระราชวังพะคัมด์ เหล่าข้าราชการชั้นสูงของราชสำนักกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องการจัดทัพไปบุกอนันตาโดยมีพระเจ้าเตวูทรงเป็นองค์ประธานการประชุมในครั้งกระนี้
" เช่นไร แม่ทัพเรา "
ทรงหันไปถาม
" ขอเดชะ การทุกอย่างพรักพร้อมแล้วพระพุทธเจ้าข้า "
" ดี... เช่นนั้นเราจะเคลื่อนพลวันรุ่งในมัชฌันติกสมัย "
" ช้าก่อนพระเจ้าข้า "
เสียงอันแหบห้าวของชายชราผู้หนึ่งทูลขึ้น
" มีเหตุอันใดฤาท่านโหราธิบดี "
" เพลานั้นมิเหมาะแก่การออกศึก หากแม้นเคลื่อนพลยุทธนาจะก่อให้เกิดอุปัตวเหตุเพทภัยนานา อาจถึงสวรรคตได้นาพระพุทธเจ้าข้าขอรับ "
" โอหัง !!! ใครจะมารู้ดีเรื่องเพลาไปกว่าเรา "
" ข้าพระพุทธเจ้าไงเล่าพระเจ้าข้า "
โหราฯตัดใจทูลสอดขึ้นด้วยเกรงพระเจ้าเตวูจะสูญสิ้นพระชนม์ชีพ หากแม้นยังทรงดังดันออกทัพเพลานั้น
" บังอาจ !! กล้าขัดคำข้า นี่คงถือว่าตัวเจริญชันษากว่าละสิ หนอยยย... ถือว่ากำชะตาประเทศชาติไว้บนกระดานชนวน ดีล่ะ... จะได้รู้กันไปว่าใครที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน.... ทหาร "
" พระเจ้าข้า... "
" ลากโหราธิบดีไปถ่วงน้ำ "
* * * * * * * * *
จบบทที่ 20 โปรดติดตามต่อบทที่ 21
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 20
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://ppantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://ppantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://ppantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://ppantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://ppantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://ppantip.com/topic/31171824
*****************
บทที่ 20
กล่าวถึงกองทัพของเจ้าฟ้ามูรตี กษัตราแห่งอนันตาประเทศ ซึ่งเคลื่อนพลมาทางน้ำโดยกระบวนเรือพายหลายพันลำ
เสียงขับเห่ของบรรดาฝีพายนับแสนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคุ้งน้ำจนเหล่าสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ต่างวิ่งกรูกันมาดูอยู่ริมฝั่งทั้งสองข้าง
บนเรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี
เจ้าฟ้ามูรตีกำลังเสวยพระกระยาหารเช้าอยู่อย่างรื่นพระอารมณ์ พลางทรงโน้มพระวรกายไปทอดพระเนตรฝูงปลากระทุงเหว ซึ่งว่ายแหวกเคียงขนาบเรือพระที่นั่งมาอยู่ตลอดเวลา
" ภูมิประเทศแห่งอนันตาเรานี้ ช่างงดงามเหลือประมาณ มิรู้บรรดาลูกหลานจะธำรงรักษาความสุขสมบูรณ์พูนทวีนี้ไปได้นานสักเท่าใด "
ทรงมีพระดำรัส
" ตามที่ข้าพระองค์เคยทดลองทำนายทายทัก พงพนาบริเวณนี้ภายภาคหน้าจะอยู่ใตผืนบาดาลพระพุทธเจ้าข้า "
โหราจารย์ทูลจบ เจ้าฟ้ามูรตีทรงหันมายิ้ม
" ใต้ผืนน้ำเรอะ ? ... แหม... ท่านโหราจารย์ ท่านอกจะเพ้อเจ้อไปหน่อยกระมัง ท่านก็เห็นอยู่ว่าป่าเขาแถบนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เขียวขจีเป็นที่ยิ่ง แลไปยังหนใดก็เห็นแต่ต้นไม้พฤกษานานาพันธุ์ บางต้นก็สูงใหญ่ราวยี่สิบคนโอบกระชับ ส่วนพื้นดินก็อยู่สูงจากพื้นน้ำมากมายนัก มันจะเกิดน้ำท่วมไปได้อย่างไรกัน "
" ขอเดชะ ข้าพระองค์รู้สึกได้เช่นนั้นจริงแท้พระพุทธเจ้าข้า ภายภาคหน้าจะมีการสร้างปราการใหญ่ขวางกั้นลำน้ำแห่งนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำท่วมไปทั่วผืนป่า สิงสาราสัตว์ตายเกลื่อน ปวงประชาหนีน้ำกันจ้าละหวั่น แลพื้นที่บริเวณนี้ก็จะกลายเป็นทะเลสาปขนาดมโหฬารปานมหาสมุทร "
" ไม่เอาละ โหราจารย์ เพลานี้เรากำลังสุนทรีย์ อย่าเอาเรื่องสะเทือนหทัยมาไขขานให้รำคาญทรวง "
ทรงตำหนิจบ อำมาตย์เอกเบี่ยงกายมายังโหราจารย์พลางกระซิบ
" เห็นไหม ทรงเคืองจนได้ กำลังทรงพระสำราญพระราชหฤทัยอยู่ดีๆ ริเอาเรื่องไร้สาระมาทูลสู่ "
โหราจารย์รีบหันมากระซิบตอบว่า
" ไร้สาระกระนั้นเรอะ เรื่องนี้ข้ามีมูลนะ ข้าตรองตริดูจากความเป็นไปได้ พื้นที่บริเวณนี้เหมาะแก่การสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ท้ายน้ำลงไปเป็นเรือกสวนไร่นากว้างขวางสุดสายตา ในหน้าแล้งน้ำจะขาด ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าจึงเห็นว่าจะต้องมีเขื่อนเกิดขึ้นในบริเวณนี้อย่างแน่นอน การโค่นป่ามหาศาลจะต้องเกิดขึ้นอีก แต่ไม่ใช่เพื่อเอาไม้มาต่อเรือ แต่เพื่อปากท้องของปวงประชาราษฎร "
" ชู้ววว์... เงียบนะ โหราจารย์ "
มหาอำมาตย์เอกยกนิ้วชี้ขึ้นจ่อปากพลางกระซิบ
" ประเดี๋ยวทรงได้ยินขึ้นมาละก็ เป็นได้ถูกประหารกันทั้งลำเรือเชียวละ "
ครู่หนึ่ง...
หัวกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคพลันบังเกิดเสียงอื้ออึงอลของบรรดาทหารหาญ จนได้ยินมาถึงเรือพระที่นั่ง
เจ้าฟ้ามูรตีทรงยืดพระวรกายขึ้นจึ่งตรัสถาม
" เกิดเหตุอันใดขึ้น ? "
แม่ทัพทองถึงนั่งเรือแจวลำหนึ่งเข้ามาเทียบเรือพระทั่นั่งจากนั้นจึงขึ้นเรือมากราบถวายบังคมเจ้าฟ้ามูรตี
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ณ บัดนี้ มีผู้พบร่างหญิงสาวเกาะขอนไม้ลอยตามน้ำมาพระพุทธเจ้าข้า "
" หญิงสาว... ? "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทำพระเนตรโต
" พระพุทธเจ้าข้า นางสลบไศลไม่ได้สติอยู่กับขอนไม้ หามีผู้ใดกล้านำนางขึ้นมาจากวารีจึ่งปล่อยได้ลอยอยู่อย่างนั้น "
" รีบนำตัวมาทันใด "
" พระพุทธเจ้าข้า "
จบคำ แม่ทัพทองถึงหันหน้าไปยังมหาดเล็กคนหนึ่งพลางพยักหน้า มหาดเล็กผู้นั้นรีบกระวีกระวาดลงเรือแจวแล้วมุ่งสู่หัวขบวนในทันที
ในที่สุด ร่างอันอ่อนระทวยของหญิงสาวก็ถูกวางลงบนพื้นเรือพระที่นั่ง เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จพระดำเนินมาทอดพระเนตร และครั้นมหาดเล็กพลิกร่างสตรีผู้นั้นให้หงายขึ้น ทุกคนบนเรือก็ต้องตะลึงงันในสิ่งที่เห็น
" พระนางแก้วกานดา...!!! "
เหล่าข้าราชบริพารต่างตะโกนขึ้นพร้อมกัน
เจ้าฟ้ามูรตีทรงทรุดพระวรกายลงประคองร่างพระนางแก้วกานดาด้วยพระสุชลคลอพระเนตร
เรือมโหรีรีบเคลื่อนเข้ามาใกล้พลางเริ่มบรรเลงเพลงสาริกาคลอคู่ เจ้าฟ้ามูรตี โหราจารย์ มหาอำมาตย์เอก และแม่ทัพทองถึงร่วมร้องเพลงหมู่ โดยมีเหล่าทหารหาญและฝีพายทุกคนร้องคลอ
" โอ้ว่าแก้วกานดาราชินี "
" ราชินี..... "
" ไยทรงตกระกำถึงเพียงนี้ "
" ถึงเพียงนี้.... "
" ไยโชคร้ายผองภัยมาย่ำยี "
" มาย่ำยี... "
" เป็นเช่นนี้คงฝีมือพระเชษฐา "
" พระเชษฐา... "
" หาใช่ไม่.....!!! "
พระนางแก้วกานดาทรงฟื้นคืนพระสติแลทรงร้องลั่นโดยพลัน ณ บัดนั้น ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตีจึ่งตรัสต่อ
" หาใช่ฝีมือเจ้าพี่ฉกรรณราชา หากแต่เป็นฝีมือสมิงสาตาบู "
" สมิงสาตาบู...!! "
เหล่าอำมาตย์แลข้าราชบริพารทั้งมวลตะลึงงัน
" ไม่เพียงแค่นั้น ต้นเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทรยศของห้าขันทีพลีสวาทอีกด้วย "
" ห้าขันที ??? "
ข้าราชบริพารตะลึงอีกครั้ง
เจ้าฟ้ามูรตีทรงกัดพระทนต์กรอดๆ ก่อนทรงเชิดพระพักตร์อย่างองอาจพลางตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นยะเยือกดุจสายน้ำ
" สัญชาติสวาทบัณเฑาะก์สืบเสาะแต่ทรัพย์สิน "
ทรงหันมาทางพระนางแก้วกานดาพลางทรงมีรับสั่ง
" ไม่ต้องห่วง หากแม้นเราจับตัวพวกมันได้เมื่อใด จะสั่งประหารตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียว "
" ขอบพระราชหฤทัยเหลือหลายยิ่งเพคะ "
- - - - - - - - -
หลายวันต่อมา...
ณ อาณาจักพะคัมด์ ภายในพระบรมมหาราชวังอังอลังการ
เหล่าห้าขันทีพลีสวาทซึ่งอยู่ในอาภรณ์ของสาวชาววังพะคัมด์ กำลังร่ายรำอยู่กลางท้องพระโรงพระราชวัง ท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์มากหลาย
เสียงดนตรีจากวงปี่พาทย์พะคัมด์บรรเลงเพลงอันอ่อนหวานหยาดเยิ้ม เหตุที่ต้องใช้วงปี่พาทย์เนื่องจากมโหรีหลวงเกิดป่วยกระทันหันพร้อมกันทีเดียวทั้งวง
พระเจ้าเตวู มหาราชกษัตราราชันย์แห่งพะคัมด์ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถด้วยการประทับนั่งเอนพระขนองพิงพระเขนยพลางทรงยกพระพาหาข้างหนึ่งโอบนางสนม ส่วนอีกข้างทรงวางไว้บนพระเพลา ทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นมาพลางทรงใช้พระกนิษฐาแคะพระกรรณอยู่ครู่
นางสนมผู้หนึ่งหันไปหยิบซับพระพักตร์ซึ่งวางอยู่บนพานทองมา แล้วขยับกายเข้าใกล้องค์ พลางยื่นมือออกไปซับพระเสโทที่เปียกชุ่มอยู่บริเวณพระนลาฏ ก่อนจะเขยิบถอยจากไป
การร่ายรำของห้าขันทีจบลงอย่างงดงาม ท่ามกลางเสียงปรบมือจนอื้ออึงของบรรดาข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์อันขึ้นตรงต่อพระเจ้าเตวู กษัตริย์พะคัมด์ผู้งามสง่า
เหล่าขันทีต่างกรูกันมาถวายบังคมองค์กษัตริย์พลางว่า
" เป็นเช่นไรบ้างเพฮะ ฝ่าพระบาท "
" ก็พอจะอดทนทอดนัยเนตรไปได้คราหนึ่ง "
จบคำ ทรงปรบพระหัตถ์สามครา
" ขอบพระทัยเพฮะ "
" ที่กรุงอนันตาเขาชื่นชอบการร่ายรำของพวกเจ้าฤาไม่ "
ทรงถาม
" ขอเดชะ บางผู้ก็ชื่นชอบสุดประมาณ บางผู้ก็โจนทะยานหนีเพฮะ "
ถูไถว่า
" ไย ??? "
ทรงฉงน
" พวกเขากล่าวหาว่าน่าอุบาทว์เหลือจะรับไว้ได้เพฮะ "
ไซ้เนินทูล
" ข้าไม่เห็นว่าจะน่าอุบาทว์ตรงไหน ตรงกันข้าม ข้าว่าดูงดงามกว่านางรำของข้าเสียอีก "
" แหม... ทรงชมพวกหม่อมฉันเกินไป "
หนีรูเหนียมอาย
" เอ่อ... แล้วพวกอนันตา วันๆเขากระทำกิจอันใดกันบ้างละ "
ทรงถามอีก
" อุ๊ย... !! กระไรได้เพฮะ วันๆก็มีแต่พายเรือโอ้โลมเหล่าสตรี "
เพลินพวงทูล
" ไม่ก็ร่ายรำ ร้องเพลง จ่ายตลาดเพฮะ "
หวงหลังทูลบ้าง
" อ้อ... นี่วันๆเขาใช้ชีวิตสุขสำราญเช่นนี้เองเรอะ อย่างนั้นก็ง่ายที่จะเข้าตีเอาชัยสินะ "
" ตีเอาชัย !! ??? "
เหล่าขันทีตะลึงงันในทันใด
" ใช่ ข้าจะยกทัพไปตีกรุงอนันตาในเร็ววันนี้ "
" ตีกรุงอนันตา !! "
เหล่าขันทีตะลึงพลางมองหน้ากัน
- - - - - - - - -
ภายในห้องหับแห่งหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตร มีภาชนะและเครื่องใช้แบบพะคัมพ์ประดับประดาอยู่โดยพร้อม
ณ มุมหนึ่งของห้องหับแห่งนี้ เหล่าขันทีทั้งห้ากำลังนั่งสนทนากันอย่างคร่ำเคร่ง ภายหลังจากที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเตวูจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" เขาจะยกทัพบุกอนันตาจริงล่ะหรือ ? "
เพลินพวงเริ่มขึ้น
" ก็เห็นจะใช่ แต่ทำไมถึงต้องเป็นเพลานี้ด้วย "
หวงหลังสงสัย ฝ่ายถูไถเดินไปยังหน้าต่างพลางว่า
" อาจเป็นเพราะเจ้าฟ้ามูรตีไม่ทรงประทับอยู่อนันตาก็เป็นได้กระมังหนอ "
" อะไรนะ ทรงไม่อยู่อนันตาเหรอ "
หนีรูส่งเสียงแหลม
" ใช่ ข้าได้ข่าวมาเช่นนั้น "
ถูไถตอบ
" ถ้าเช่นนั้น ขณะนี้พะคัมด์ก็เป็นต่อนะสิ "
ไซ้เนินเอ่ย
" มิไยพวกเราไม่เข้าข้างพะคัมด์กันให้หมด "
หวงหลังเสนอจบ ทุกคนหันมามองเขาเป็นจุดเดียว หวงหลังยังกล่าวอีกว่า
" จริงๆนะจ๊ะ ถ้าเราช่วยเหลือพระเจ้าเตวูให้ได้ชัย ไม่แน่ พระองค์อาจยกอนันตาให้พวกเราครอบครองก็เป็นได้ "
" เฉียบฉิว จริงอย่างหวงหลังว่า "
ไซ้เนินเห็นด้วย
" เป็นอันว่าทุกคนเห็นพ้องใช่ไหม หนีรู ถูไถ เพลินพวง "
หวงหลังถามทุกคนจนถ้วนทั่ว
" พ้องประสิทธิ์สัมฤทธิผล "
ทุกคนตอบ
- - - - - - - - -
ท้องพระโรงพระราชวังพะคัมด์ เหล่าข้าราชการชั้นสูงของราชสำนักกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องการจัดทัพไปบุกอนันตาโดยมีพระเจ้าเตวูทรงเป็นองค์ประธานการประชุมในครั้งกระนี้
" เช่นไร แม่ทัพเรา "
ทรงหันไปถาม
" ขอเดชะ การทุกอย่างพรักพร้อมแล้วพระพุทธเจ้าข้า "
" ดี... เช่นนั้นเราจะเคลื่อนพลวันรุ่งในมัชฌันติกสมัย "
" ช้าก่อนพระเจ้าข้า "
เสียงอันแหบห้าวของชายชราผู้หนึ่งทูลขึ้น
" มีเหตุอันใดฤาท่านโหราธิบดี "
" เพลานั้นมิเหมาะแก่การออกศึก หากแม้นเคลื่อนพลยุทธนาจะก่อให้เกิดอุปัตวเหตุเพทภัยนานา อาจถึงสวรรคตได้นาพระพุทธเจ้าข้าขอรับ "
" โอหัง !!! ใครจะมารู้ดีเรื่องเพลาไปกว่าเรา "
" ข้าพระพุทธเจ้าไงเล่าพระเจ้าข้า "
โหราฯตัดใจทูลสอดขึ้นด้วยเกรงพระเจ้าเตวูจะสูญสิ้นพระชนม์ชีพ หากแม้นยังทรงดังดันออกทัพเพลานั้น
" บังอาจ !! กล้าขัดคำข้า นี่คงถือว่าตัวเจริญชันษากว่าละสิ หนอยยย... ถือว่ากำชะตาประเทศชาติไว้บนกระดานชนวน ดีล่ะ... จะได้รู้กันไปว่าใครที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน.... ทหาร "
" พระเจ้าข้า... "
" ลากโหราธิบดีไปถ่วงน้ำ "
* * * * * * * * *
จบบทที่ 20 โปรดติดตามต่อบทที่ 21