เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 20

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://ppantip.com/topic/31145208
บทที่ 15 http://ppantip.com/topic/31153998
บทที่ 16 http://ppantip.com/topic/31158597
บทที่ 17 http://ppantip.com/topic/31162220
บทที่ 18 http://ppantip.com/topic/31167403
บทที่ 19 http://ppantip.com/topic/31171824

*****************


บทที่ 20



กล่าวถึงกองทัพของเจ้าฟ้ามูรตี กษัตราแห่งอนันตาประเทศ ซึ่งเคลื่อนพลมาทางน้ำโดยกระบวนเรือพายหลายพันลำ

เสียงขับเห่ของบรรดาฝีพายนับแสนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคุ้งน้ำจนเหล่าสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ต่างวิ่งกรูกันมาดูอยู่ริมฝั่งทั้งสองข้าง

บนเรือพระที่นั่งอลังการอนันตามหานาวาสถานราชยานศรี

เจ้าฟ้ามูรตีกำลังเสวยพระกระยาหารเช้าอยู่อย่างรื่นพระอารมณ์ พลางทรงโน้มพระวรกายไปทอดพระเนตรฝูงปลากระทุงเหว ซึ่งว่ายแหวกเคียงขนาบเรือพระที่นั่งมาอยู่ตลอดเวลา

" ภูมิประเทศแห่งอนันตาเรานี้ ช่างงดงามเหลือประมาณ มิรู้บรรดาลูกหลานจะธำรงรักษาความสุขสมบูรณ์พูนทวีนี้ไปได้นานสักเท่าใด "

ทรงมีพระดำรัส

" ตามที่ข้าพระองค์เคยทดลองทำนายทายทัก พงพนาบริเวณนี้ภายภาคหน้าจะอยู่ใตผืนบาดาลพระพุทธเจ้าข้า "

โหราจารย์ทูลจบ เจ้าฟ้ามูรตีทรงหันมายิ้ม

" ใต้ผืนน้ำเรอะ ? ... แหม... ท่านโหราจารย์ ท่านอกจะเพ้อเจ้อไปหน่อยกระมัง ท่านก็เห็นอยู่ว่าป่าเขาแถบนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เขียวขจีเป็นที่ยิ่ง แลไปยังหนใดก็เห็นแต่ต้นไม้พฤกษานานาพันธุ์ บางต้นก็สูงใหญ่ราวยี่สิบคนโอบกระชับ ส่วนพื้นดินก็อยู่สูงจากพื้นน้ำมากมายนัก มันจะเกิดน้ำท่วมไปได้อย่างไรกัน "

" ขอเดชะ ข้าพระองค์รู้สึกได้เช่นนั้นจริงแท้พระพุทธเจ้าข้า ภายภาคหน้าจะมีการสร้างปราการใหญ่ขวางกั้นลำน้ำแห่งนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดน้ำท่วมไปทั่วผืนป่า สิงสาราสัตว์ตายเกลื่อน ปวงประชาหนีน้ำกันจ้าละหวั่น แลพื้นที่บริเวณนี้ก็จะกลายเป็นทะเลสาปขนาดมโหฬารปานมหาสมุทร "

" ไม่เอาละ โหราจารย์ เพลานี้เรากำลังสุนทรีย์ อย่าเอาเรื่องสะเทือนหทัยมาไขขานให้รำคาญทรวง "

ทรงตำหนิจบ อำมาตย์เอกเบี่ยงกายมายังโหราจารย์พลางกระซิบ

" เห็นไหม ทรงเคืองจนได้ กำลังทรงพระสำราญพระราชหฤทัยอยู่ดีๆ ริเอาเรื่องไร้สาระมาทูลสู่ "

โหราจารย์รีบหันมากระซิบตอบว่า

" ไร้สาระกระนั้นเรอะ เรื่องนี้ข้ามีมูลนะ ข้าตรองตริดูจากความเป็นไปได้ พื้นที่บริเวณนี้เหมาะแก่การสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ท้ายน้ำลงไปเป็นเรือกสวนไร่นากว้างขวางสุดสายตา ในหน้าแล้งน้ำจะขาด ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าจึงเห็นว่าจะต้องมีเขื่อนเกิดขึ้นในบริเวณนี้อย่างแน่นอน การโค่นป่ามหาศาลจะต้องเกิดขึ้นอีก แต่ไม่ใช่เพื่อเอาไม้มาต่อเรือ แต่เพื่อปากท้องของปวงประชาราษฎร "

" ชู้ววว์... เงียบนะ โหราจารย์ "

มหาอำมาตย์เอกยกนิ้วชี้ขึ้นจ่อปากพลางกระซิบ

" ประเดี๋ยวทรงได้ยินขึ้นมาละก็ เป็นได้ถูกประหารกันทั้งลำเรือเชียวละ "

ครู่หนึ่ง...

หัวกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคพลันบังเกิดเสียงอื้ออึงอลของบรรดาทหารหาญ จนได้ยินมาถึงเรือพระที่นั่ง

เจ้าฟ้ามูรตีทรงยืดพระวรกายขึ้นจึ่งตรัสถาม

" เกิดเหตุอันใดขึ้น ? "

แม่ทัพทองถึงนั่งเรือแจวลำหนึ่งเข้ามาเทียบเรือพระทั่นั่งจากนั้นจึงขึ้นเรือมากราบถวายบังคมเจ้าฟ้ามูรตี

" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ณ บัดนี้ มีผู้พบร่างหญิงสาวเกาะขอนไม้ลอยตามน้ำมาพระพุทธเจ้าข้า "

" หญิงสาว... ? "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงทำพระเนตรโต

" พระพุทธเจ้าข้า นางสลบไศลไม่ได้สติอยู่กับขอนไม้ หามีผู้ใดกล้านำนางขึ้นมาจากวารีจึ่งปล่อยได้ลอยอยู่อย่างนั้น "

" รีบนำตัวมาทันใด "

" พระพุทธเจ้าข้า "

จบคำ แม่ทัพทองถึงหันหน้าไปยังมหาดเล็กคนหนึ่งพลางพยักหน้า มหาดเล็กผู้นั้นรีบกระวีกระวาดลงเรือแจวแล้วมุ่งสู่หัวขบวนในทันที

ในที่สุด ร่างอันอ่อนระทวยของหญิงสาวก็ถูกวางลงบนพื้นเรือพระที่นั่ง เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จพระดำเนินมาทอดพระเนตร และครั้นมหาดเล็กพลิกร่างสตรีผู้นั้นให้หงายขึ้น ทุกคนบนเรือก็ต้องตะลึงงันในสิ่งที่เห็น

" พระนางแก้วกานดา...!!! "

เหล่าข้าราชบริพารต่างตะโกนขึ้นพร้อมกัน

เจ้าฟ้ามูรตีทรงทรุดพระวรกายลงประคองร่างพระนางแก้วกานดาด้วยพระสุชลคลอพระเนตร

เรือมโหรีรีบเคลื่อนเข้ามาใกล้พลางเริ่มบรรเลงเพลงสาริกาคลอคู่ เจ้าฟ้ามูรตี โหราจารย์ มหาอำมาตย์เอก และแม่ทัพทองถึงร่วมร้องเพลงหมู่ โดยมีเหล่าทหารหาญและฝีพายทุกคนร้องคลอ

" โอ้ว่าแก้วกานดาราชินี "

" ราชินี..... "

" ไยทรงตกระกำถึงเพียงนี้ "

" ถึงเพียงนี้.... "

" ไยโชคร้ายผองภัยมาย่ำยี "

" มาย่ำยี... "

" เป็นเช่นนี้คงฝีมือพระเชษฐา "

" พระเชษฐา... "

" หาใช่ไม่.....!!! "

พระนางแก้วกานดาทรงฟื้นคืนพระสติแลทรงร้องลั่นโดยพลัน ณ บัดนั้น ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตีจึ่งตรัสต่อ

" หาใช่ฝีมือเจ้าพี่ฉกรรณราชา หากแต่เป็นฝีมือสมิงสาตาบู "

" สมิงสาตาบู...!! "

เหล่าอำมาตย์แลข้าราชบริพารทั้งมวลตะลึงงัน

" ไม่เพียงแค่นั้น ต้นเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทรยศของห้าขันทีพลีสวาทอีกด้วย "

" ห้าขันที ??? "

ข้าราชบริพารตะลึงอีกครั้ง

เจ้าฟ้ามูรตีทรงกัดพระทนต์กรอดๆ ก่อนทรงเชิดพระพักตร์อย่างองอาจพลางตรัสด้วยพระสุรเสียงเย็นยะเยือกดุจสายน้ำ

" สัญชาติสวาทบัณเฑาะก์สืบเสาะแต่ทรัพย์สิน "

ทรงหันมาทางพระนางแก้วกานดาพลางทรงมีรับสั่ง

" ไม่ต้องห่วง หากแม้นเราจับตัวพวกมันได้เมื่อใด จะสั่งประหารตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียว "

" ขอบพระราชหฤทัยเหลือหลายยิ่งเพคะ "

- - - - - - - - -

หลายวันต่อมา...

ณ อาณาจักพะคัมด์ ภายในพระบรมมหาราชวังอังอลังการ

เหล่าห้าขันทีพลีสวาทซึ่งอยู่ในอาภรณ์ของสาวชาววังพะคัมด์ กำลังร่ายรำอยู่กลางท้องพระโรงพระราชวัง ท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์มากหลาย

เสียงดนตรีจากวงปี่พาทย์พะคัมด์บรรเลงเพลงอันอ่อนหวานหยาดเยิ้ม เหตุที่ต้องใช้วงปี่พาทย์เนื่องจากมโหรีหลวงเกิดป่วยกระทันหันพร้อมกันทีเดียวทั้งวง

พระเจ้าเตวู มหาราชกษัตราราชันย์แห่งพะคัมด์ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถด้วยการประทับนั่งเอนพระขนองพิงพระเขนยพลางทรงยกพระพาหาข้างหนึ่งโอบนางสนม ส่วนอีกข้างทรงวางไว้บนพระเพลา ทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นมาพลางทรงใช้พระกนิษฐาแคะพระกรรณอยู่ครู่

นางสนมผู้หนึ่งหันไปหยิบซับพระพักตร์ซึ่งวางอยู่บนพานทองมา แล้วขยับกายเข้าใกล้องค์ พลางยื่นมือออกไปซับพระเสโทที่เปียกชุ่มอยู่บริเวณพระนลาฏ ก่อนจะเขยิบถอยจากไป

การร่ายรำของห้าขันทีจบลงอย่างงดงาม ท่ามกลางเสียงปรบมือจนอื้ออึงของบรรดาข้าราชบริพารและมหาอำมาตย์อันขึ้นตรงต่อพระเจ้าเตวู กษัตริย์พะคัมด์ผู้งามสง่า

เหล่าขันทีต่างกรูกันมาถวายบังคมองค์กษัตริย์พลางว่า

" เป็นเช่นไรบ้างเพฮะ ฝ่าพระบาท "

" ก็พอจะอดทนทอดนัยเนตรไปได้คราหนึ่ง "

จบคำ ทรงปรบพระหัตถ์สามครา

" ขอบพระทัยเพฮะ "

" ที่กรุงอนันตาเขาชื่นชอบการร่ายรำของพวกเจ้าฤาไม่ "

ทรงถาม

" ขอเดชะ บางผู้ก็ชื่นชอบสุดประมาณ บางผู้ก็โจนทะยานหนีเพฮะ "

ถูไถว่า

" ไย ??? "

ทรงฉงน

" พวกเขากล่าวหาว่าน่าอุบาทว์เหลือจะรับไว้ได้เพฮะ "

ไซ้เนินทูล

" ข้าไม่เห็นว่าจะน่าอุบาทว์ตรงไหน ตรงกันข้าม ข้าว่าดูงดงามกว่านางรำของข้าเสียอีก "

" แหม... ทรงชมพวกหม่อมฉันเกินไป "

หนีรูเหนียมอาย

" เอ่อ... แล้วพวกอนันตา วันๆเขากระทำกิจอันใดกันบ้างละ "

ทรงถามอีก

" อุ๊ย... !! กระไรได้เพฮะ วันๆก็มีแต่พายเรือโอ้โลมเหล่าสตรี "

เพลินพวงทูล

" ไม่ก็ร่ายรำ ร้องเพลง จ่ายตลาดเพฮะ "

หวงหลังทูลบ้าง

" อ้อ... นี่วันๆเขาใช้ชีวิตสุขสำราญเช่นนี้เองเรอะ อย่างนั้นก็ง่ายที่จะเข้าตีเอาชัยสินะ "

" ตีเอาชัย !! ??? "

เหล่าขันทีตะลึงงันในทันใด

" ใช่ ข้าจะยกทัพไปตีกรุงอนันตาในเร็ววันนี้ "

" ตีกรุงอนันตา !! "

เหล่าขันทีตะลึงพลางมองหน้ากัน

- - - - - - - - -

ภายในห้องหับแห่งหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตร มีภาชนะและเครื่องใช้แบบพะคัมพ์ประดับประดาอยู่โดยพร้อม

ณ มุมหนึ่งของห้องหับแห่งนี้ เหล่าขันทีทั้งห้ากำลังนั่งสนทนากันอย่างคร่ำเคร่ง ภายหลังจากที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเตวูจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

" เขาจะยกทัพบุกอนันตาจริงล่ะหรือ ? "

เพลินพวงเริ่มขึ้น

" ก็เห็นจะใช่ แต่ทำไมถึงต้องเป็นเพลานี้ด้วย "

หวงหลังสงสัย ฝ่ายถูไถเดินไปยังหน้าต่างพลางว่า

" อาจเป็นเพราะเจ้าฟ้ามูรตีไม่ทรงประทับอยู่อนันตาก็เป็นได้กระมังหนอ "

" อะไรนะ ทรงไม่อยู่อนันตาเหรอ "

หนีรูส่งเสียงแหลม

" ใช่ ข้าได้ข่าวมาเช่นนั้น "

ถูไถตอบ

" ถ้าเช่นนั้น ขณะนี้พะคัมด์ก็เป็นต่อนะสิ "

ไซ้เนินเอ่ย

" มิไยพวกเราไม่เข้าข้างพะคัมด์กันให้หมด "

หวงหลังเสนอจบ ทุกคนหันมามองเขาเป็นจุดเดียว หวงหลังยังกล่าวอีกว่า

" จริงๆนะจ๊ะ ถ้าเราช่วยเหลือพระเจ้าเตวูให้ได้ชัย ไม่แน่ พระองค์อาจยกอนันตาให้พวกเราครอบครองก็เป็นได้ "

" เฉียบฉิว จริงอย่างหวงหลังว่า "

ไซ้เนินเห็นด้วย

" เป็นอันว่าทุกคนเห็นพ้องใช่ไหม หนีรู ถูไถ เพลินพวง "

หวงหลังถามทุกคนจนถ้วนทั่ว

" พ้องประสิทธิ์สัมฤทธิผล "

ทุกคนตอบ

- - - - - - - - -

ท้องพระโรงพระราชวังพะคัมด์ เหล่าข้าราชการชั้นสูงของราชสำนักกำลังปรึกษาหารือกันเรื่องการจัดทัพไปบุกอนันตาโดยมีพระเจ้าเตวูทรงเป็นองค์ประธานการประชุมในครั้งกระนี้

" เช่นไร แม่ทัพเรา "

ทรงหันไปถาม

" ขอเดชะ การทุกอย่างพรักพร้อมแล้วพระพุทธเจ้าข้า "

" ดี... เช่นนั้นเราจะเคลื่อนพลวันรุ่งในมัชฌันติกสมัย "

" ช้าก่อนพระเจ้าข้า "

เสียงอันแหบห้าวของชายชราผู้หนึ่งทูลขึ้น

" มีเหตุอันใดฤาท่านโหราธิบดี "

" เพลานั้นมิเหมาะแก่การออกศึก หากแม้นเคลื่อนพลยุทธนาจะก่อให้เกิดอุปัตวเหตุเพทภัยนานา อาจถึงสวรรคตได้นาพระพุทธเจ้าข้าขอรับ "

" โอหัง !!! ใครจะมารู้ดีเรื่องเพลาไปกว่าเรา "

" ข้าพระพุทธเจ้าไงเล่าพระเจ้าข้า "

โหราฯตัดใจทูลสอดขึ้นด้วยเกรงพระเจ้าเตวูจะสูญสิ้นพระชนม์ชีพ หากแม้นยังทรงดังดันออกทัพเพลานั้น

" บังอาจ !! กล้าขัดคำข้า นี่คงถือว่าตัวเจริญชันษากว่าละสิ หนอยยย... ถือว่ากำชะตาประเทศชาติไว้บนกระดานชนวน ดีล่ะ... จะได้รู้กันไปว่าใครที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน.... ทหาร "

" พระเจ้าข้า... "

" ลากโหราธิบดีไปถ่วงน้ำ "

* * * * * * * * *

จบบทที่ 20 โปรดติดตามต่อบทที่ 21
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่