"ออกกำลังกายก็โยโย่ได้" หมายความว่าอย่างไรคะ ช่วยอธิบายทีค่ะ

พอดีอาทิตย์นี้เข้าห้องสวนลุมมากกว่าปกติน่ะค่ะ แล้วเข้าไปในกระทู้แนะนำจำไม่ได้ว่ากระทู้ไหน เห็นประโยคที่บอกว่าถึงจะออกกำลังกายก็โยโย่ได้ นี่คือยังไงหรอคะ?

ตอนนี้เราเริ่มออกกำลังกายมาได้สิบกว่าวันแล้วค่ะ ออกทุกวัน ทำตามคลิปคาดิโอในยูทูปวันละครึ่งชั่วโมง แล้วก็มีทำท่าบริหารง่ายๆพวกซิทอัพ ปั่นจักรยานอากาศก่อนนอนนิดหน่อยค่ะ ประมาณสิบกว่านาที คือในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยออกกำลังกายเลยค่ะ แต่ตอนนี้คิดได้ว่าอยากแข็งแรงเลยเริ่มออก จริงๆก็แอบหวังเรื่องลดน้ำหนักกับรูปร่างด้วยค่ะ แต่ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นหลักในการออกกำลังกายของเรา ตอนเริ่มออกกำลังกายหนัก ๕๑ ค่ะ สูง ๑๕๕ อายุ ๒๐

เรื่องอาหารการกินเราก็กินเหมือนปกตินะคะ ปริมาณเท่าๆเดิม มีพยายามลดของหวาน แล้วเวลาซื้อของก็ดูฉลากมากขึ้น ดูพวกค่าไขมัน น้ำตาล โซเดียม นมก็เปลี่ยนมากินแบบไขมันศูนย์เปอร์เซ็นต์ ขนมปังก็กินแบบโฮลวีท ประมาณนี้ค่ะ  

แล้วทีนี้เราก็กลัวว่าถ้าวันนึงเราเลิกออกกำลังกายขึ้นมา แต่กินเท่าๆเดิม วินัยการกินเหมือนเดิม นน.เราจะขึ้นไหมคะ? เพราะบอกตรงๆว่าตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะขยันออกกำลังกายไปได้นานเท่าไหร่ ปกติขี้เกียจมากเลยค่ะ แต่ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็พยายามมากๆ

สุดท้ายนี้ขอถามอีกข้อนะคะ เราทำซิทอัพแล้วรู้สึกปวดคอมากเลยค่ะ เพิ่งเริ่มปวดเมื่อสองสามวันที่แล้ว แบบนี้จะมีท่าบริหารอย่างอื่นแทนซิทอัพไหมคะ หรือว่าเราทำไม่ถูกยังไงช่วยบอกด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
- ถ้าในใจคิดว่าออกกำลังกายเพื่อผอม ...อยากให้เปลี่ยนเป็น "ออกกำลังกายแล้วสุขภาพดี อายุยืน" จะทำให้ออกกำลังกายได้ไม่รู้จักเบื่อเลยฮะ ...หรือลองแบบข้าเจ้าก็ได้ "หยุดออกกำลังกายเมื่อไหร่ อาจถึงตายได้" ..(เพราะข้าเจ้ามีโรคเก๊าต์กับความดันเป็นตัวกระตุ้น ตั้งแต่กลับมาออกกำลังกายจัดๆ อาการพวกนี้ทุเลาลงไปเยอะเลย) ...

- คำว่าอาหารการกินปกติ ไม่ใช่แค่ปริมาณสารอาหารจำเป็นที่เหมาะสม ...ถ้าอยากให้เห็นผลไวจริงๆ แนะนำปรึกษานักโภชนาการไปด้วย เพราะอย่างข้าเจ้าลองได้วัด In body แล้ว รู้ BMI, BMR หรือ % Fat, % กล้ามเนื้อ ตามส่วนต่างๆ กับสัดส่วนของเหลว ทำให้การวางแผนโภชนาการค่อนข้างแม่นยำมากขึ้น ....การรู้อย่างน้อย BMR จะช่วยให้เรารู้ว่าควรจะต้องบริโภคแค่ไหนเพื่อการลดไขมัน (ลองไปหาอ่านใน net ดูฮะว่าค่าต่างๆ ที่ข้าเจ้ายกตัวอย่างมามันมีความหมายยังไงบ้าง) ...ที่สำคัญ ตารางการรับประทาน จังหวะการทาน ปริมาณ และสัดส่วนตามเวลาของการทานสารอาหารแต่ละอย่างมีผลค่อนข้างมากฮะ ...เพราะงั้น ความรู้สึกว่าว่า "กินปกติ พยายามลดหวาน ดูฉลากมากขึ้น" อาจจะยังคลุมเครือและไม่พอต่อเป้าหมายของคุณฮะ

- โยโย่ ...นอกจากพฤติกรรมการทานที่ไม่สัมพันธ์ต่อดัชนีมวลกายต่างๆ ตะกี้กับปริมาณการออกกำลังกายแล้ว ...สัดส่วนกล้ามเนื้อคือหัวใจสำคัญต่อการป้องกันการกลับมาอ้วนได้ฮะ ...อย่างที่บอก การวัด In body มันช่วยได้เยอะ ...สิ่งที่ช่วยให้การลดน้ำหนักต่อเนื่องและไม่กลับมาอ้วนง่ายคือ การมีกล้ามเนื้อที่มากพอจะช่วยให้ Burn ไขมันได้ตลอดเวลา (ให้ไปศึกษา BMR อีกนั่นแหละ) ...จุดอ่อนของผู้หญิงที่ลดน้ำหนักไม่ได้ผล ส่วนนึงเพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำ "เวทเทรนนิ่ง" ...ถ้าคุณรักจะรูปร่างสมส่วนและน้ำหนักที่ลดลงอย่างคงที่ คุณต้องเล่นเวทให้ได้มวลกล้ามเนื้อที่มากพอ และมี % Fat ที่ลดลงพอควร ...ถ้ามีมากพอแล้ว การออกกำลังกายแค่ Fat Burn ก็เอาอยู่แล้วฮะ

- อย่างที่บอก ถ้าคิดว่าการออกกำลังกายมันจะทำให้ผอม คุณจะสุ่มเสี่ยงต่อจิตใจที่อ่อนไหวเนื่องจากความใจร้อนและอดทนไม่พอ ...ข้าเจ้าเลยแนะให้คิดซะว่าออกกำลังกายเพื่อชีวิต เพราะงั้น ออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ให้เป็นกิจวัตรได้ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 6-10 ชั่วโมงขึ้นไปจะสวยงามมาก การออกกำลังกายวันละแค่ครึ่งชั่วโมง คุณอาจจะได้ Fat Burn นิดเดียว หรืออาจจะไม่ถึงเลย เพราะครึ่งชั่วโมงแรกจะเป็นแค่การ Warm Up เท่านั้น ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันมาใช้ (หลังจากค้นหาหลังงานในรูปของเหลวในกระแสเลือดไม่เจอแล้ว) ก็หลังจากออกกำลังกายต่อเนื่องในช่วงอัตราการเต้นหัวใจในโซน Fat burn ไม่ต่ำกว่า 20-30 นาทีขึ้นไป (ไปหาอ่านใน net ดูฮะว่าอะไรคือ Fat burn) ...ขนาดข้าเจ้าลด 4-5 เดือนลงไป 13 kg. เริ่มต้นข้าเจ้ายังล่อ Cardio สลับ Fat burn ช่วงเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 45 นาทีเลย จนสามารถวิ่งต่อเนื่องบนเครื่องอีลิปฯ ได้ 90 นาที ...ถ้าคุณอยากลดจริงๆ แนะนำไปให้ถึง 45 นาที ด้วยอายุอย่างคุณที่ยังน้อย ถ้าจับ Cardio สลับ Fat burn ยังไงก็เผาผลาญได้เยอะและไวกว่าข้าเจ้ามากฮะ ...

- Sit up แบบยกลำตัวสมัยนี้ไม่ค่อยแนะนำกันแล้วนะฮะ เพราะถ้าทำไม่ถูก มันก็จะมีหลายคนที่ประสบปัญหาบาดเจ็บโดยมีอาการเริ่มต้นแบบคุณนั่นแหละ ...ลองเอาแค่ Plank ดีมั้ยฮะ คือ ยกตัวช่วงบนและปลายเท้าแบบขาเหยียดตึงสูงจากพื้นซักคืบ โฟกัสให้รู้สึกถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้วค้างไว้ซัก 30 วินาทีต่อ 1 เซ็ท วันนึงก็ซัก 4-5 เซ็ท แล้วถ้าคิดว่าไหวก็ค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาคราวหลังได้ ...มีหลายท่ามากมายที่สามารถบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องในมุมต่างๆ ของท่า Plank ได้นะฮะ หรือจะจักรยานอากาศ การนอนราบยกขางอแล้วบิดสลับไปมาช้าๆ ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูจุดประสงค์แรกเริ่มของการทำ Sit up ของคุณก่อนว่าต้องการผลอะไร ...กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแรง หรือลดไขมันหน้าท้อง เพราะมันมีหลายวิธีออกกำลังกายจริงๆ ที่แตกต่างกันหลายท่าฮะ


.... คุณเริ่มมา 10 กว่าวันยังไงก็อยากให้คิดซะว่าไม่มีกำหนดละกัน ออกมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกเสพติดการออกกำลังกาย สุดท้าย กว่าจะรู้ตัวอีกทีคุณอาจจะเหลือแค่ 45 kg. ถายในกลางปีหน้าแล้วก็ได้นะฮะ (เว่อร์ไปนิด แต่เป็นเป้าหมายที่ท้าทายดี) ...ข้าเจ้าแนะนำคร่าวๆ เกี่ยวกับการปรับทัศคติก่อน รายละเอียดการกินการออกกำลังกาย ถ้าหาไม่เป็นหรือเริ่มไม่ได้ตรงไหน ค่อยถามละเอียดกันอีกที แล้วเดี๋ยวท่านอื่นๆ ในนี้ก็อาจจะเข้ามาช่วยเสริมเองหละฮะ ...

...จะบอกอะไรนิดนึงฮะ ...บางคนเค้าหนักน้อยกว่าคุณไม่กี่ kg. และสูงเท่าคุณนะ แต่รูปร่างชัดเจน แน่นไปทุกอณู ก้นเป็นก้น เอวเป็นเอว (อกไม่บอก) เคลื่อนไหวคล่องแคล้ว เพราะงั้น น้ำหนักอาจจะไม่ใช่เรื่องที่มาอันดับแรกสำหรับการออกำลังกายนะฮะ ...

หลิ่วตา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่