เอพี – บ่อยครั้งที่ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง นายแพทย์ อดัม แทตเทลบอม ได้รับสายจากบรรดาเหล่าทหารที่กำลังตื่นตระหนก พวกเขามักจะโทรศัพท์มาขอนัดทำการดูดไขมันโดยด่วน !!!
บรรดาทหารจำนวนไม่น้อยเริ่มหันไปพึ่งการทำศัลยกรรมเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากรอบเอว ทั้งนี้เป็นความพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะผ่านการทดสอบไขมันในร่างกายของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งใช้วิธีวัดขนาดของรอบคอและรอบเอว และผลทดสอบนั้นสามารถกำหนดอนาคตในอาชีพทหารของพวกเขาได้
“พวกเขามาด้วยความรู้สึกหวั่นวิตกว่าจะไม่ผ่านการทดสอบ หรือถูกตัดคะแนน ซึ่งจะส่งผลกับโอกาสในการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งของพวกเขา” ศัลยแพทย์ตกแต่ง จากเมืองร็อกวิลล์ ในมลรัฐแมรี่แลนด์ ได้กล่าว
เหล่าทหารต่างโอดครวญว่า วิธีการที่กระทรวงกลาโหมใช้วัดไขมันในร่างกายนั้น ทำให้ไม่ได้มีแต่พวกไขมันเยอะย้อยเท่านั้นที่จะถูกคัดออกไป แต่รวมถึงพวกกล้ามใหญ่ด้วย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสมรรถภาพทางกายต่างเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ และร่วมเรียกร้องให้กองทัพแก้ไขมาตรฐานสมรรถภาพทางร่างกายเสียใหม่ โดยพวกเขาบอกว่า ตารางน้ำหนักของกระทรวงกลาโหมนั้นล้าสมัย และไม่สอดคล้องกับความจริงในปัจจุบันที่ว่าตอนนี้ชาวอเมริกันตัวใหญ่ขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีสุขภาพอ่อนแอลง
ทางด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมกล่าวว่า การทดสอบมีขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าทหารพร้อมสำหรับการสู้รบอย่างทรหด แม้ว่ากองทัพจะไม่อนุญาตให้ผู้ผ่านการทำศัลยกรรมผ่านการทดสอบ แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามในเรื่องของการดูดไขมัน
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า มีเหล่าทหารที่มีไขมันอยู่ในร่างกายเกินจำกัดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะสามารถทำคะแนนดีในการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายของกองทัพ
บิล มัวร์ ผู้อำนวยการโครงการเตรียมความพร้อมทางร่างกายของกองทัพเรือกล่าวว่า “เราอยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ที่นี่ไม่ใช่องค์การที่พอฝึกพวกเขา แล้วพูดว่า เฮ้ยออกไปได้แล้วเจ้างั่ง”
ทั้งนี้ “การทดสอบด้วยสายวัด” ของกระทรวงกลาโหมนั้น ใช้วิธีวัดรอบคอ และรอบเอวแทนการวัดค่าดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ซึ่งเป็นระบบที่คำนวณจากส่วนสูงและน้ำหนักของบุคคล ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
พวกบรรดานายทหารเล่าว่า ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้นจะต้องถูกส่งไปเข้ารับการฝึกอย่างหนักหน่วง และควบคุมอาหารเป็นเวลานานหลายเดือน โดยกองทัพเรือตั้งฉายาทหารที่เข้าโครงการนี้ว่า “กองทหารพ็อร์กช็อป” หรือ “กองพันโดนัท” แม้พวกเขาจะผ่านการทดสอบได้ในเวลาต่อมา แต่การตกทดสอบเพียงหนึ่งครั้ง ก็อาจทำให้พวกเขาได้เลื่อนยศช้าไปอีกหลายปี และผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ 3 ครั้ง อาจถึงกับถูกปลดออกจากตำแหน่งได้
จำนวนนายทหารบกที่ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง เพราะน้ำหนักเกินได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 168 คนในปี 2008 เป็น 1,815 คนแล้ว ส่วนกองทัพนาวิกโยธินก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คือ จาก 102 คนในปี 2010 เป็น 186 ในปี 2011 แต่เมื่อปีที่แล้วลดลงมาอยู่ที่ 132 คน
สำหรับกองทัพเรือและกองทัพอากาศระบุว่า พวกเขาไม่ได้บันทึกตัวเลขของทหารที่ถูกปลดประจำการเพราะไม่ผ่านการทดสอบด้วยสายวัด
กระนั้นพวกนายทหารก็เล่าว่า พวกเขากำลังถูกเฝ้าจับตามองอย่างเข้มงวดกวดขัน ในช่วงที่กองทัพลดกองกำลังทหารลง ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดลดงบประมาณ และการถอนตัวออกมาจากสงครามในอัฟกานิสถาน
ทางด้าน นายแพทย์ไมเคิล ปาสเกล จากโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งอโลฮ่า ในเมืองโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ลูกค้าที่มาทำการรักษาเป็นทหารของเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยทุกๆเดือนจะมีนายทหารประมาณ 5-6 คน มาทำการดูดไขมันกับเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135155
เหล่าทหารอเมริกันแห่พึ่งหมอศัลยกรรม “ดูดไขมัน” เพราะหวั่นถูกกระทรวงกลาโหม “เด้งออกจากตำแหน่ง” ในกองทัพ
บรรดาทหารจำนวนไม่น้อยเริ่มหันไปพึ่งการทำศัลยกรรมเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากรอบเอว ทั้งนี้เป็นความพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะผ่านการทดสอบไขมันในร่างกายของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งใช้วิธีวัดขนาดของรอบคอและรอบเอว และผลทดสอบนั้นสามารถกำหนดอนาคตในอาชีพทหารของพวกเขาได้
“พวกเขามาด้วยความรู้สึกหวั่นวิตกว่าจะไม่ผ่านการทดสอบ หรือถูกตัดคะแนน ซึ่งจะส่งผลกับโอกาสในการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งของพวกเขา” ศัลยแพทย์ตกแต่ง จากเมืองร็อกวิลล์ ในมลรัฐแมรี่แลนด์ ได้กล่าว
เหล่าทหารต่างโอดครวญว่า วิธีการที่กระทรวงกลาโหมใช้วัดไขมันในร่างกายนั้น ทำให้ไม่ได้มีแต่พวกไขมันเยอะย้อยเท่านั้นที่จะถูกคัดออกไป แต่รวมถึงพวกกล้ามใหญ่ด้วย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสมรรถภาพทางกายต่างเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ และร่วมเรียกร้องให้กองทัพแก้ไขมาตรฐานสมรรถภาพทางร่างกายเสียใหม่ โดยพวกเขาบอกว่า ตารางน้ำหนักของกระทรวงกลาโหมนั้นล้าสมัย และไม่สอดคล้องกับความจริงในปัจจุบันที่ว่าตอนนี้ชาวอเมริกันตัวใหญ่ขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีสุขภาพอ่อนแอลง
ทางด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมกล่าวว่า การทดสอบมีขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าทหารพร้อมสำหรับการสู้รบอย่างทรหด แม้ว่ากองทัพจะไม่อนุญาตให้ผู้ผ่านการทำศัลยกรรมผ่านการทดสอบ แต่ก็ไม่ได้มีข้อห้ามในเรื่องของการดูดไขมัน
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เน้นย้ำว่า มีเหล่าทหารที่มีไขมันอยู่ในร่างกายเกินจำกัดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะสามารถทำคะแนนดีในการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายของกองทัพ
บิล มัวร์ ผู้อำนวยการโครงการเตรียมความพร้อมทางร่างกายของกองทัพเรือกล่าวว่า “เราอยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จ ที่นี่ไม่ใช่องค์การที่พอฝึกพวกเขา แล้วพูดว่า เฮ้ยออกไปได้แล้วเจ้างั่ง”
ทั้งนี้ “การทดสอบด้วยสายวัด” ของกระทรวงกลาโหมนั้น ใช้วิธีวัดรอบคอ และรอบเอวแทนการวัดค่าดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ซึ่งเป็นระบบที่คำนวณจากส่วนสูงและน้ำหนักของบุคคล ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
พวกบรรดานายทหารเล่าว่า ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้นจะต้องถูกส่งไปเข้ารับการฝึกอย่างหนักหน่วง และควบคุมอาหารเป็นเวลานานหลายเดือน โดยกองทัพเรือตั้งฉายาทหารที่เข้าโครงการนี้ว่า “กองทหารพ็อร์กช็อป” หรือ “กองพันโดนัท” แม้พวกเขาจะผ่านการทดสอบได้ในเวลาต่อมา แต่การตกทดสอบเพียงหนึ่งครั้ง ก็อาจทำให้พวกเขาได้เลื่อนยศช้าไปอีกหลายปี และผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ 3 ครั้ง อาจถึงกับถูกปลดออกจากตำแหน่งได้
จำนวนนายทหารบกที่ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง เพราะน้ำหนักเกินได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 168 คนในปี 2008 เป็น 1,815 คนแล้ว ส่วนกองทัพนาวิกโยธินก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คือ จาก 102 คนในปี 2010 เป็น 186 ในปี 2011 แต่เมื่อปีที่แล้วลดลงมาอยู่ที่ 132 คน
สำหรับกองทัพเรือและกองทัพอากาศระบุว่า พวกเขาไม่ได้บันทึกตัวเลขของทหารที่ถูกปลดประจำการเพราะไม่ผ่านการทดสอบด้วยสายวัด
กระนั้นพวกนายทหารก็เล่าว่า พวกเขากำลังถูกเฝ้าจับตามองอย่างเข้มงวดกวดขัน ในช่วงที่กองทัพลดกองกำลังทหารลง ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดลดงบประมาณ และการถอนตัวออกมาจากสงครามในอัฟกานิสถาน
ทางด้าน นายแพทย์ไมเคิล ปาสเกล จากโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งอโลฮ่า ในเมืองโฮโนลูลู มลรัฐฮาวาย กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ลูกค้าที่มาทำการรักษาเป็นทหารของเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยทุกๆเดือนจะมีนายทหารประมาณ 5-6 คน มาทำการดูดไขมันกับเขา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135155