จริงหรือที่เขาพูดกันว่า "เกลียดสิ่งไหน ได้สิ่งนั้น" ??? T_T

เด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณมัธยมต้น มีชีวิตแบบต้องเดินทางพลัดพรากจากบ้านเกิดไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆด้วยความจำเป็น หลายครั้งที่เด็กต้องพบเจอผู้คนมากมายหลายคนหลายความคิดต่างกันไป ครั้งหนึ่งเด็กหญิงต้องไปอาศัยอยู่ใกล้ชายคาเพื่อนบ้าน สามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่กินร่วมกันมีลูกสามคน ลูกสามคนมีนิสัยที่คล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด มีใบหน้าไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส หลายครั้งมีอารมณ์โมโห โกรธา หงุดหงิดได้ตลอดเวลา ฝ่ายผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ต่างก็มีอารมณ์เช่นนี้เช่นกัน สิ่งที่เด็กหญิงสังเกตุได้คือ ผู้เป็นสามีหลายครั้งเขาดูเหมือนข่มผู้เป็นภรรยา พูดจาด้วยน้ำเสียงกระแทก สั่งให้ภรรยาทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ เพื่อให้ได้ดั่งใจเขาเอง และส่วนฝ่ายภรรยาเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นเธอจะเงียบ ไม่พูดอะไร แล้วทำตามที่สามีเธอสั่งแต่สิ่งที่เด็กหญิงสังเกตุได้คือ ใบหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิด และความน้อยเนื้อต่ำใจ หลายต่อหลายครั้งที่เด็กหญิงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเช่นนั้น และซึมซับความรู้สึกมาโดยตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัย เด็กน้อยเอ่ยปากถามผู้เป็นภรรยาว่า "คุณน๊าขา คุณน๊ารู้สึกอย่างไรคะเวลาที่คุณน๊าผู้ชายสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำให้ได้ดั่งใจตัวเอง แล้วคุณน๊าทนได้อย่างไรคะ" และเธอผู้เป็นภรรยาคนนั้นตอบขึ้นมาว่า "ถ้าหนูมีแฟนแบบนี้หนูจะรู้สึก" เด็กหญิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่คิดในใจว่า ตนจะไม่มีแฟนแบบนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เวลาผ่านไปร่วม 3 ปี เด็กหญิงโตเป็นสาว อายุ 18 เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและได้เจอกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง เธอกับเพื่อน เล่นกันสนิทกันอยู่กลุ่มเดียวกัน ห่วงใยกันและผูกพันธ์กัน แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทำให้เธอไม่แน่ใจคือ ความคิดขัดแย้งกัน พูดจาฟังไม่เข้าหูในหลายๆเรื่อง ความรู้สึกเธอเข้าขั้นเกลียดขี้หน้าเลยก็ว่าได้ เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 ปี เธอและเขาได้ตกลงคบหาเป็นแฟนกัน โดยไม่ได้คิดถึงข้อเสียของแฟนเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แฟนเธอเป็นคนใจกว้าง จิตใจดี อบอุ่นและน่าคบ แต่เขามีอารมณ์รุนแรงพูดจาไม่คิดถึงความรู้สึกคนฟังโดยเฉพาะแฟนของเธอ ทำให้เธอน้อยใจ รู้สึกเสียใจ และไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย แต่มันก็เกิดขึ้นทุกครั้งที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เธอรู้สึกเกลียดความรู้สึกแบบนี้มาก จนเธอคิดอยากจะไปจากเขาเพื่อหยุดความทุกข์นี้ลงแต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะเธอก็รักเขามากเช่นกัน

** จากประสบการณ์จริงของผู้เขียน สงสัยว่าการที่เราจมปรกและย้ำคิดกับสิ่งๆใดสิ่งหนึ่งของผู้อื่น หรือเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบ เกลียด ไม่อยากได้สิ่งน้นมันจะเกิดกับเราเอง นี่เหตุการณ์ที่เล่ามานั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ตัวอย่าง แต่ยังมีเหตุการย่อยเล็กๆน้อยๆ หลายเกตุการณ์เหมือนกันทั้งกับตนเอง และกับคนอื่น จึงทำให้คิดไปว่ามันอาจจะจริง เช่นมีเพื่อนคนหนึ่งเค้าพูดต่อหน้าอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ชอบใส่นาฬิกา จนวันหนึ่งก็เห็นเพื่อนคนนั้นใส่นาฬิกาและใส่มาจนถึงทุกวันนี้ ???

ขออภัยนะคะหากเขียนผิดพลาดประการใด ขอบคุณมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่