เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้นิ่ง...และฉลาดมาก...ต้องใช้สมาธิพอสมควร
-มันเริ่มจากอารัมภบทยาวเหยียดที่สุดในโลกคือเกิน ครึ่งชม. /
แต่มันคือแค่เรื่องราวกลางเรื่องของทั้งหมด ที่เล่าเหมือนคินดะอิจิกำลังไขคดี /
ดูต่อไปมันคือคำสารภาพของตัวละครหลัก 1 ตัว ในเหตุการณ์ทั้งหมด
และดำเนินคำสารภาพแต่ละคน มุมมองของแต่ละคนในเวลาเดียวกันไปจนไกล้จบ
...ก็เป็นเล่าเหตุการณ์ ตัดสลับไปมากับเหตุการณ์บั้นปลาย จนถึงต้นเหตุ ค่อยๆเฉลย /
พอทราบเรื่องราวทั้งหมด จนถึงปัจจุบันก็่เล่าตัดสลับ จนถึงเหตุการณ์คลี่คลาย
...ที่สุดยอดคือระหว่างเล่าภาพที่ใช้แสดงคือการขยี้อารมณ์ของเหตุการณ์...ขยี้ความเป็นมาของตัวละคร...ขยี้ด้วยภาพสโลว์และช็อทโคลสอัพมากมาย...ขยี้ด้วยคำบรรยายแบบพรรณา
...ขยีด้วยดนตรีประกอบที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้ทุกเมื่อ
บทหนังถูกเขียนอย่างชาญฉลาด ดำเนินเรื่องอธิบายความซับซ้อนของตัวละครและเรื่องราวได้ลื่นไหลไม่ติดขัด (ถ้าตั้งใจดู)...โดยลำดับภาพไม่มีแม้สักช๊อทให้รู้สึกว่าลุกไปดื่มน้ำเข้าห้องน้ำก็คงไม่เป็นอะไร...
เพราะมันจะทำให้คุณงงแน่ๆ...ไม่มีลำดับภาพปล่อยทิ้งให้น่าเบื่อ...เพราะขยี้ทุกภาพ มีความหมายทุกช๊อท
หนังเสียดสีสังคม /ช่องโหว่ทางกฏหมาย / ธรรมชาติของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีปัญหาต่างๆกัน / การแก้ปัญหาในมุมมองของแต่ละคน / มุมมองของชีวิต /
การกลั่นแหล้ง/และเรื่องเหนือความคาดหมายในมุมมืดที่สุดของใจมนุษย์ผ่านการกระทำที่รุนแรงที่แต่ละตัวละครทำที่สุดโต่งแต่สามารถ...เกิดขึ้นได้จริงจากที่หนังปูเรื่องมา
เป็นหนังที่จงใจทำให้ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวถาโถมใส่คนดู...จนอินได้ไม่ยาก
เริ่มแรกถูกตรึงเพราะแค่สงสัย-ดูต่อมาก็รู้สึก-จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในหนังแล้ว
-หนังที่หลังจากเริ่มฟังเสียงพรรณาก็เหมือนมีมือมาจับที่ขมับ 2 ข้างใบหน้า ตรึงไม่ให้เราหันไปไหนหรือสนใจอะไร
ผมดูอาจารย์โมริกูจิสอนนักเรียนเธอ 5 รอบ ... อยากให้ครูประจำชั้นในห้องเรียนเด็กทุก รร. ดูครูไว้เป็นตัวอย่างจริงๆ
สอนเรื่องความหมายของชีวิตได้ลึกซึ้งถึงชีวิตสุดขั้วหัวใจยิ่งนัก
โมริกุจิกล่าวว่า
"คนอ่อนแอมักจะทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ...
"ถ้าพวกเธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก....จะถอยหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่าก็ไม่ว่ากัน"
[SR] รีวิว Confession 2010 (Kokuhaku) โมริกุจิชนะเลิศ
เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้นิ่ง...และฉลาดมาก...ต้องใช้สมาธิพอสมควร
-มันเริ่มจากอารัมภบทยาวเหยียดที่สุดในโลกคือเกิน ครึ่งชม. /
แต่มันคือแค่เรื่องราวกลางเรื่องของทั้งหมด ที่เล่าเหมือนคินดะอิจิกำลังไขคดี /
ดูต่อไปมันคือคำสารภาพของตัวละครหลัก 1 ตัว ในเหตุการณ์ทั้งหมด
และดำเนินคำสารภาพแต่ละคน มุมมองของแต่ละคนในเวลาเดียวกันไปจนไกล้จบ
...ก็เป็นเล่าเหตุการณ์ ตัดสลับไปมากับเหตุการณ์บั้นปลาย จนถึงต้นเหตุ ค่อยๆเฉลย /
พอทราบเรื่องราวทั้งหมด จนถึงปัจจุบันก็่เล่าตัดสลับ จนถึงเหตุการณ์คลี่คลาย
...ที่สุดยอดคือระหว่างเล่าภาพที่ใช้แสดงคือการขยี้อารมณ์ของเหตุการณ์...ขยี้ความเป็นมาของตัวละคร...ขยี้ด้วยภาพสโลว์และช็อทโคลสอัพมากมาย...ขยี้ด้วยคำบรรยายแบบพรรณา
...ขยีด้วยดนตรีประกอบที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้ทุกเมื่อ
บทหนังถูกเขียนอย่างชาญฉลาด ดำเนินเรื่องอธิบายความซับซ้อนของตัวละครและเรื่องราวได้ลื่นไหลไม่ติดขัด (ถ้าตั้งใจดู)...โดยลำดับภาพไม่มีแม้สักช๊อทให้รู้สึกว่าลุกไปดื่มน้ำเข้าห้องน้ำก็คงไม่เป็นอะไร...
เพราะมันจะทำให้คุณงงแน่ๆ...ไม่มีลำดับภาพปล่อยทิ้งให้น่าเบื่อ...เพราะขยี้ทุกภาพ มีความหมายทุกช๊อท
หนังเสียดสีสังคม /ช่องโหว่ทางกฏหมาย / ธรรมชาติของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีปัญหาต่างๆกัน / การแก้ปัญหาในมุมมองของแต่ละคน / มุมมองของชีวิต /
การกลั่นแหล้ง/และเรื่องเหนือความคาดหมายในมุมมืดที่สุดของใจมนุษย์ผ่านการกระทำที่รุนแรงที่แต่ละตัวละครทำที่สุดโต่งแต่สามารถ...เกิดขึ้นได้จริงจากที่หนังปูเรื่องมา
เป็นหนังที่จงใจทำให้ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวถาโถมใส่คนดู...จนอินได้ไม่ยาก
เริ่มแรกถูกตรึงเพราะแค่สงสัย-ดูต่อมาก็รู้สึก-จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในหนังแล้ว
-หนังที่หลังจากเริ่มฟังเสียงพรรณาก็เหมือนมีมือมาจับที่ขมับ 2 ข้างใบหน้า ตรึงไม่ให้เราหันไปไหนหรือสนใจอะไร
ผมดูอาจารย์โมริกูจิสอนนักเรียนเธอ 5 รอบ ... อยากให้ครูประจำชั้นในห้องเรียนเด็กทุก รร. ดูครูไว้เป็นตัวอย่างจริงๆ
สอนเรื่องความหมายของชีวิตได้ลึกซึ้งถึงชีวิตสุดขั้วหัวใจยิ่งนัก
โมริกุจิกล่าวว่า
"คนอ่อนแอมักจะทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ...
"ถ้าพวกเธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก....จะถอยหนีไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่าก็ไม่ว่ากัน"