เจ้าหญิงผู้งดงาม และความงามของนางเป็นที่ดึงดูดของชายหนุ่มที่พบเห็น ทว่านางกลับมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและหยิ่งยโสในชาติตระกูลของตน นอกจากนี้นางยังวิจารณ์ลักษณะของชายที่จะมาเป็นคู่ครองของนางอีกด้วย นางว่าให้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคราแหลมว่า "เจ้าชายปากนกกระจอก" ชายหนุ่มเดินออกไปด้วยความขัดเคือง บิดาของนางโกรธเคืองที่นางดูหมิ่นว่าที่คู่ครอง กล่าวว่าชายคนแรกที่มาวังในวันรุ่งขึ้นจะเป็นสามีของนาง ในขณะเดียวกัน ชายแปลกหน้าได้ยินการสนทนานี้เข้า
วันรุ่งขึ้น มีชายพเนจรผู้มีหน้าตาหล่อเหลามายังที่พระราชวังของพระราชา พระราชาจึงยกพระธิดาของพระองค์ให้แต่งงานกับชายหนุ่มคนนั้นทันที ชายพเนจรไม่ยอมรับข้อเสนอการแต่งงานกับเจ้าหญิงเพราะเห็นว่านางทำอะไรไม่เป็นเลย แต่เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธการแต่งงานกับนางได้เลย เจ้าหญิงรับไม่ได้เพราะเขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของบิดา นางจึงต้องแต่งงานกับชายพเนจร และพระราชาขับไล่พระธิดาให้ไปอยู่ที่บ้านของชายพเนจร
ขณะกำลังเดินทางไปยังบ้านของชายพเนจร พวกเขาผ่านดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นของเจ้าชายปากนกกระจอก และเจ้าหญิงรู้สึกเสียใจที่เหยียดหยามเขา เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของชายพเนจร ขนาดบ้านพอดีสำหรับสองคน ชายพเนจรปฏิบัติต่อนางราวกับว่านางเป็นคนธรรมดาและเจ้าหญิงไม่พอใจที่ตอนนี้นางต้องทำงานทุกอย่าง ชายพเนจรให้นางขายหม้อดินเผา ความงามของนางทำให้ดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของ แต่แล้ววันหนึ่งมีทหารม้าผ่านมาชนจนหม้อดินเผาเสียหาย นางรู้สึกเสียใจมากจึงบอกกับสามี ชายพเนจรรู้สึกหนักใจกับว่าที่ภรรยาของเขาคนนี้ เขาบอกนางว่างานสุดท้ายคือการเป็นคนใช้ที่พระราชวังเก่าของเจ้าชายปากนกกระจอก
เจ้าหญิงในตอนนี้อับอายที่นางจะต้องทำงานในพระราชวังของเจ้าชายปากนกกระจอก ดังนั้นนางจึงต่อว่าสามีของนางที่ให้นางทำงานเช่นนั้น แต่สามีของนางกลับให้ของใช้ที่จำเป็นติดตัวกับนางและคอยช่วยเหลือนาง อย่างลับๆ ในที่สุด ความหยิ่งยโสของนางทำให้นางกลายเป็นคนใช้ในวังและต้องอยู่อย่างหิวโหยเนื่องจากว่าต้องคอยเก็บเศษอาหารที่คนในวังกินเหลือใส่ไว้ในหม้อดินเผาใบเล็กๆ ที่ผูกกับเอวของเธอ
ชีวิตของนางเป็นไปอย่างเช่นทุกครั้ง วันหนึ่งเจ้าหญิงทราบข่าวว่าเจ้าชายปากนกกระจอกกำลังทำพิธีอภิเษกสมรส นางถูกเรียกตัวไปยังท้องพระโรงที่จัดงานเต้นรำในวันอภิเษกสมรส นางชนกับคนที่เต้นรำในงานจนหม้อตกแตก จนเศษอาหารที่นางเก็บมานั้นตกทั่วพื้น ทุกคนในงานต่างพากันหัวเราะ นางรู้สึกอับอายและเดินหนีออกไปจากห้องโถงไปร้องไห้
อย่างไรก็ตาม มันสร้างความประหลาดใจกับเจ้าหญิง ชายคนหนึ่งปลอบให้นางหยุดร่ำไห้ เขาไม่ได้แต่งกายในชุดเครื่องแต่งกายของชายพเนจร เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและถามว่าทำไมนางถึงร้องไห้ในวันแต่งงานของ เจ้าหญิงตกใจเมื่อรู้ความจริงว่าชายพเนจรคือเจ้าชายปากนกกระจอก เขาตกหลุมรักนางแม้จะถูกนางดูหมิ่นและแต่งงานกับนางโดยข้อเสนอจากพ่อของนาง และทำแบบนี้ลงโทษนางเพื่อลดความหยิ่งยโสของนาง นางรู้สึกเสียใจมาก นางขอบคุณเขาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างและนางสำนึกผิดกับสิ่งที่นางเคยดูถูกและวิจารณ์ลักษณะของเจ้าชายปากนกกระจอก ซึ่งเป็นสามีของนางในตอนนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว
เจ้าชายปากนกกระจอก
วันรุ่งขึ้น มีชายพเนจรผู้มีหน้าตาหล่อเหลามายังที่พระราชวังของพระราชา พระราชาจึงยกพระธิดาของพระองค์ให้แต่งงานกับชายหนุ่มคนนั้นทันที ชายพเนจรไม่ยอมรับข้อเสนอการแต่งงานกับเจ้าหญิงเพราะเห็นว่านางทำอะไรไม่เป็นเลย แต่เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธการแต่งงานกับนางได้เลย เจ้าหญิงรับไม่ได้เพราะเขาเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของบิดา นางจึงต้องแต่งงานกับชายพเนจร และพระราชาขับไล่พระธิดาให้ไปอยู่ที่บ้านของชายพเนจร
ขณะกำลังเดินทางไปยังบ้านของชายพเนจร พวกเขาผ่านดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นของเจ้าชายปากนกกระจอก และเจ้าหญิงรู้สึกเสียใจที่เหยียดหยามเขา เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของชายพเนจร ขนาดบ้านพอดีสำหรับสองคน ชายพเนจรปฏิบัติต่อนางราวกับว่านางเป็นคนธรรมดาและเจ้าหญิงไม่พอใจที่ตอนนี้นางต้องทำงานทุกอย่าง ชายพเนจรให้นางขายหม้อดินเผา ความงามของนางทำให้ดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของ แต่แล้ววันหนึ่งมีทหารม้าผ่านมาชนจนหม้อดินเผาเสียหาย นางรู้สึกเสียใจมากจึงบอกกับสามี ชายพเนจรรู้สึกหนักใจกับว่าที่ภรรยาของเขาคนนี้ เขาบอกนางว่างานสุดท้ายคือการเป็นคนใช้ที่พระราชวังเก่าของเจ้าชายปากนกกระจอก
เจ้าหญิงในตอนนี้อับอายที่นางจะต้องทำงานในพระราชวังของเจ้าชายปากนกกระจอก ดังนั้นนางจึงต่อว่าสามีของนางที่ให้นางทำงานเช่นนั้น แต่สามีของนางกลับให้ของใช้ที่จำเป็นติดตัวกับนางและคอยช่วยเหลือนาง อย่างลับๆ ในที่สุด ความหยิ่งยโสของนางทำให้นางกลายเป็นคนใช้ในวังและต้องอยู่อย่างหิวโหยเนื่องจากว่าต้องคอยเก็บเศษอาหารที่คนในวังกินเหลือใส่ไว้ในหม้อดินเผาใบเล็กๆ ที่ผูกกับเอวของเธอ
ชีวิตของนางเป็นไปอย่างเช่นทุกครั้ง วันหนึ่งเจ้าหญิงทราบข่าวว่าเจ้าชายปากนกกระจอกกำลังทำพิธีอภิเษกสมรส นางถูกเรียกตัวไปยังท้องพระโรงที่จัดงานเต้นรำในวันอภิเษกสมรส นางชนกับคนที่เต้นรำในงานจนหม้อตกแตก จนเศษอาหารที่นางเก็บมานั้นตกทั่วพื้น ทุกคนในงานต่างพากันหัวเราะ นางรู้สึกอับอายและเดินหนีออกไปจากห้องโถงไปร้องไห้
อย่างไรก็ตาม มันสร้างความประหลาดใจกับเจ้าหญิง ชายคนหนึ่งปลอบให้นางหยุดร่ำไห้ เขาไม่ได้แต่งกายในชุดเครื่องแต่งกายของชายพเนจร เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและถามว่าทำไมนางถึงร้องไห้ในวันแต่งงานของ เจ้าหญิงตกใจเมื่อรู้ความจริงว่าชายพเนจรคือเจ้าชายปากนกกระจอก เขาตกหลุมรักนางแม้จะถูกนางดูหมิ่นและแต่งงานกับนางโดยข้อเสนอจากพ่อของนาง และทำแบบนี้ลงโทษนางเพื่อลดความหยิ่งยโสของนาง นางรู้สึกเสียใจมาก นางขอบคุณเขาสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างและนางสำนึกผิดกับสิ่งที่นางเคยดูถูกและวิจารณ์ลักษณะของเจ้าชายปากนกกระจอก ซึ่งเป็นสามีของนางในตอนนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว