ทำงานบริษัทมา 7-8 ปี ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เงินเดือนก็รับปีละ 12 ครั้ง(เอง) และโบนัสอีกนิดหน่อย รายได้ปัจจุบันก็ผ่อนรถผ่อนบ้านได้ตามเหมาะสมครับ คือว่าอยู่แบบนี้ไปจนเกษียรก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรครับ
แต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนได้มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศบ่อย ได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนมุมมองผมหมดเลย ไม่ซิต้องพูดว่าเปิดกะลาให้ผมเลยก็ได้ เค้าจบและทำงานเกี่ยวกับ Marketing ตั้งแต่เริ่มทำงาน ตอนเจอกันก็ยังเป็นลูกจ้างเหมือนกันล่ะ ก็แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันมากมาย ถามความฝันกันและกันว่าอยากทำอะไรในอนาคต ผมก็บอกว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่อยากเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิต ซึ่งผมก็ตอบไปงั้นๆแต่ลูกจ้างทุกคนก็ฝันแบบนี้แน่นอน แต่ความเอาจริงเอาจัง ไฟที่จะเดินก้าวแรก ประสบการณ์ความรู้เรื่องการตลาด หลายๆอย่างมันปิดบัง จนชินชากับการเป็นลูกจ้างเรื่อยมาๆ, เพื่อนคนนั้นบอกผมว่าอยากทำธุรกิจข้ามชาติ ตอนนี้กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Connection ต่างๆ ผมก็ตอบไปว่าถ้าทำจริงเดี๋ยวผมเอาด้วย อาจได้ร่วมธุรกิจกันในอนาคต ,หลังจากนั้นก็ติดต่อกันตลอด รู้ว่าเค้าเปลี่ยนงานไปหลายบริษัทมาก แต่ตอนผมไปแม้เค้าจะอยู่ไกลแค่ไหนเค้าก็จะมาพบเสมอ
ปีที่แล้วผมเลยเปิดร้านเสื้อผ้า เป็นธุรกิจแรกของตัวเอง แต่พอทำจริงมันมีอะไรๆที่คิดไม่ถึงเยอะมาก รายละเอียดนู้นนี่นั้น วุ่นวายไปหมด ผลลัพธ์คือเจ๊งเรียบร้อยครับ แต่ได้รู้อะไรที่ไม่รู้ สนุก เหนื่อย เครียด ดีใจตอนขายได้ มีทุกความรู้สึกจริงๆ ***แต่ไม่ใช่ว่าร้านผมร้านเดียวนะครับ ทุกร้านเจ๊งหมด เพราะประเมินตลาดไม่เป็น เป็นห้างที่เปิดใหม่ที่ชุมชนไกลเมือง ทุกคนก็คิดว่าจะรู่ง แต่ไม่มีคนซื้อ มีแต่คนเดิน ค่านิยม ค่าครองชีพ หลายๆอย่างประกอบกันทำให้ไม่เหมือนที่คิดไว้ จากนั้นก็ไปลงทุนร้านอาหารกับเพื่อนก็เจ๊งอีก ผมไม่ใช่คนมีเงินนะครับ ทางบ้านก็ไม่ได้มีเงิน จากเหตุการณ์นี้ผมเสียศูนย์ไปเยอะเลย จังหวะชีวิตผิดไปหมด เงินเก็บก็หมด ซ้ำเป็นหนี้เพิ่มอีก
เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าจะมาเมืองไทย มีธุรกิจมาบางอย่างมาแนะนำ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ไปรับพาไปเที่นวนั้นนี่ตามปกติ ทั้งวันก็ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย จนตอนทานข้าวเย็น เค้าเลยถามผมว่ายังจำได้มั้ยที่เราเคยคุยกันเรื่องความฝันที่อยากจะทำ ตอนนี้เค้าเอาจริงแล้วนะ เพิ่งลาออกจากงานมาสดๆร้อนๆ บินมาไทยเป็นที่แรก เสร็จแล้วก็จะไป อินโด มาเล ดูไบ อื่นๆ ต่อไปอีก ผมอึ้งไปนิดนึง ความทรงจำ คำพูดที่คุยกันวันนั้นเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง เฮ้ย! ทำได้แล้วเหรอ จริงหรอเนี่ย ซึ่งเค้าได้อธิบายต่างๆให้ผมเห็นภาพว่าอะไรคืออะไร ซึ่งผมในวันนั้นยังไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนับจากที่คุยกับเค้าครั้งก่อน เค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ สิ่งนี้เป็นการจุดไฟในตัวผมให้ลุกโชน และลุกมากด้วย หลังจากวันนั้นผมเริ่มต้นศึกษาการเปิดบริษัท จนวันที่ 1 สิงหาคม คือวันที่ผมเปิดบริษัทสำเร็จ ซึ่งทำเองทั้งหมด ไม่จ้างทำ ผมไป 4 รอบถึงเสร็จ ,ช่วงที่วิ่งเสนองานก็ท้อบ้าง แต่ขอบคุณมากสำหรับคำเตื่อน บางท่านก็บอกผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลง ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยมาเปิดบริษัทเอง บางท่านก็บอกทำธุรกิจข้ามชาติ โดยเฉพาะจีนให้ระวังมากๆ ซึ่งเป็นมุมมองอีกด้านที่มีประโยชน์มากครับ
สรุปคือตอนนี้เปิด บจก เรียบร้อยครับ
"ผมอยากขออธิบายรายละเอียดและบริการของเราเพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพกว้างก่อนนะครับ ก่อนอื่นการจะหาซื้อสินค้าบางอย่างทุกวันนี้ทำได้ง่ายมาก Google, eBay, Amezon, Alibaba, Dealfish, bra bra... ถูกต้องมั้ยครับ ซื้อมาใช้เองชิ้นสองชิ้นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครจะหาสินค้าเพื่อมาทำธุรกิจ เอามาขายต่อ ขายส่ง เป็นฟรีแลนซ์แนะนำสินค้า ซื้อมาเพื่อทำการตลาดหวังผลกำไร คุณจะทำแบบธรรมดาไม่ได้เลย อาจจะหาได้ แต่ราคาต้นทุนแข่งขันไม่ได้ ก็จบตั้งแต่เริ่มแล้วครับ เพราะว่าปัจจุบัน การแข่งขันด้านนี้สูงมาก ถ้าราคาเราเสนอสู้คู่แข่งไม่ได้ ก็ลำบากที่จะหาลูกค้า หรือถ้าหาได้ ส่วนต่างกำไรก้น้อย ไม่คุ้มเหนื่อย
ดังนั้นเรามาดูกันก่อนเลยว่าอะไรทำให้ราคาสินค้าไม่แตกต่างกัน ทั้งๆที่สเปกเหมือนกัน คุณภาพเหมือนกัน อาจจะผลิตที่เดียวกันด้วยซ้ำ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า Trading กับ sourcing agent ก่อน Trading คือผู้ที่มีสินค้าพร้อมที่จะเสนอขาย แทบจะทั้งหมดไม่ใช่ผู้ผลิตเอง อาจจะไปซื้อตรงจากโรงงาน หรืออาจจะไปซื้อจาก Trading อีกเจ้ามาก็เป็นได้ ทำให้มีการผ่านพ่อค้าคนกลางหลายๆทอด ทำให้ต้นทุนสินค้าถูกบวกเป็นทอดๆ กว่าจะถึงมือคุณ ไม่มีทางรู้หรอกว่าเค้าบวกกันไปแล้วเท่าไร
ทีนี้มาดู Sourcing agent บ้าง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ราคาที่ต่ำกว่า เพราะ agent จะไม่ซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายหรือ Trading แต่จะเข้าหา พูดคุย ต่อรอง กับแหล่งผลิตโดยตรง ทำให้ไม่ต้องมีพ่อค้าคนกลาง ทำให้ต้นทุนสินค้าเป็นต้นทุนที่แท้จริง สมเหตุสมผล สามารถรับมาขายต่อทำกำไรได้ง่ายกว่า, สินค้าบางอย่างมีผู้ผลิตเป็นสิบๆโรงงาน agent สามารถเปรียบเทียบราคา คุณภาพ ตามความต้องการของลูกค้าได้ ทำให้มีทางเลือกเยอะกว่า ลูกค้าบางรายอยากสร้างความแตกต่างของสินค้า อาจจะตีแบรนด์ตังเอง หรืออยากให้เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม แก้ไข บางอย่างในตัวสินค้า เราก็สามารถทำได้ เพราะเราคุยกับแหล่งผลิตโดยตรง อีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือ agent จะเป็นคนในประเทศผู้ผลิตนั้นๆ ทำให้การพูดคุย ต่อรอง สื่อสาร ใกล้ชิดและดูแลการผลิต ได้ดีกว่าแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นการซื้อขายต่างประเทศ คุณจะเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาดคือ ปัญหาเครมของ เมื่อเจอของเสีย ไม่ได้คุณภาพ ผิดสเปกที่ตกลงกัน ข้อนี้ถ้าคนไม่เคยทำจะไม่รู้แน่นอน มันวุ่นวาย ปวดหัวมากๆ เสียทั้งค่าใช้จ่าย (ส่งของเสียไปเครม เค้าอาจจะรับหรือปฎิเสธ) ต้องคืนเงินลูกค้า ลูกค้าไม่พอใจเสียลูกค้า ซึ่งมีผลต่อการทำธุรกิจอย่างมาก
ดังนั้นจะดีกว่ามั้ย ถ้าคุณเอาเวลาที่ต้องมาเสียในการเสาะหาสินค้า ต่อรองราคา ทำเรื่องนำเข้า(ไม่ง่าย) เปรียบเทียบราคา ติดต่อสื่อสารลำบาก ความไว้ใจ ของจะเสร็จตามกำหนดมั้ย ของจะได้ตามคุรภาพที่ตกลงกันมั้ย จะมีใครไปเช็คของก่อนส่งมั้ย ต้องเดินทางไปดูเอง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา agent อย่างเราสามารถบริการคุณได้ คุณเพียงรอรับสินค้าที่บ้าน ที่เหลือเราจัดการให้ แน่นอนคุณสามารถเปรียบเทียบราคากับเจ้าอื่นๆได้ เลือกอันที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เป็นธรรมดาของธุรกิจอยู่แล้วครับ
สรุปคือ agent อย่างเราพร้อมที่จะช่วยคุณหาสินค้าที่ต้องการ ไม่จำกัด เรามีโรงงานหลากหลายประเภทนับร้อยๆราย หาแหล่งผลิตที่จะผลิตตามที่คุณออกแบบมาเองก็ได้ ทำแบรนด์ตัวเองก็ได้ มีทีมงานเข้า audit โรงงาน ติดตามความคืบหน้าของงาน เช็คคุณภาพก่อนส่ง นำเข้าและขนส่งแบบมืออาชีพ ทำให้อุ่นใจและมั้นใจได้ว่าคุณจะได้รับสินค้าและบริการที่ดีที่ สุด ผมจดทะเบียน บจก เรียบร้อย สามารถตรวจสอบได้ครับ"
ทั้งหมดนี้คือจุดยืนและกำลังใจของผมครับ จึงอยากรบกวนสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจหน่อยครับว่า ทางที่ผมกำลังเดินมันเป็นยังไง ขาดตกบกพร่องตรงไหน อยากขอคำแนะนำหรือวิจารณ์ในมุมมองของท่านๆครับ
มาถึงตรงนี้ผมไม่มีถอยอยู่แล้วครับ สู้ๆ
แรงบัลดารใจ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
แต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนได้มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศบ่อย ได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนมุมมองผมหมดเลย ไม่ซิต้องพูดว่าเปิดกะลาให้ผมเลยก็ได้ เค้าจบและทำงานเกี่ยวกับ Marketing ตั้งแต่เริ่มทำงาน ตอนเจอกันก็ยังเป็นลูกจ้างเหมือนกันล่ะ ก็แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันมากมาย ถามความฝันกันและกันว่าอยากทำอะไรในอนาคต ผมก็บอกว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่อยากเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิต ซึ่งผมก็ตอบไปงั้นๆแต่ลูกจ้างทุกคนก็ฝันแบบนี้แน่นอน แต่ความเอาจริงเอาจัง ไฟที่จะเดินก้าวแรก ประสบการณ์ความรู้เรื่องการตลาด หลายๆอย่างมันปิดบัง จนชินชากับการเป็นลูกจ้างเรื่อยมาๆ, เพื่อนคนนั้นบอกผมว่าอยากทำธุรกิจข้ามชาติ ตอนนี้กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Connection ต่างๆ ผมก็ตอบไปว่าถ้าทำจริงเดี๋ยวผมเอาด้วย อาจได้ร่วมธุรกิจกันในอนาคต ,หลังจากนั้นก็ติดต่อกันตลอด รู้ว่าเค้าเปลี่ยนงานไปหลายบริษัทมาก แต่ตอนผมไปแม้เค้าจะอยู่ไกลแค่ไหนเค้าก็จะมาพบเสมอ
ปีที่แล้วผมเลยเปิดร้านเสื้อผ้า เป็นธุรกิจแรกของตัวเอง แต่พอทำจริงมันมีอะไรๆที่คิดไม่ถึงเยอะมาก รายละเอียดนู้นนี่นั้น วุ่นวายไปหมด ผลลัพธ์คือเจ๊งเรียบร้อยครับ แต่ได้รู้อะไรที่ไม่รู้ สนุก เหนื่อย เครียด ดีใจตอนขายได้ มีทุกความรู้สึกจริงๆ ***แต่ไม่ใช่ว่าร้านผมร้านเดียวนะครับ ทุกร้านเจ๊งหมด เพราะประเมินตลาดไม่เป็น เป็นห้างที่เปิดใหม่ที่ชุมชนไกลเมือง ทุกคนก็คิดว่าจะรู่ง แต่ไม่มีคนซื้อ มีแต่คนเดิน ค่านิยม ค่าครองชีพ หลายๆอย่างประกอบกันทำให้ไม่เหมือนที่คิดไว้ จากนั้นก็ไปลงทุนร้านอาหารกับเพื่อนก็เจ๊งอีก ผมไม่ใช่คนมีเงินนะครับ ทางบ้านก็ไม่ได้มีเงิน จากเหตุการณ์นี้ผมเสียศูนย์ไปเยอะเลย จังหวะชีวิตผิดไปหมด เงินเก็บก็หมด ซ้ำเป็นหนี้เพิ่มอีก
เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าจะมาเมืองไทย มีธุรกิจมาบางอย่างมาแนะนำ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ไปรับพาไปเที่นวนั้นนี่ตามปกติ ทั้งวันก็ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย จนตอนทานข้าวเย็น เค้าเลยถามผมว่ายังจำได้มั้ยที่เราเคยคุยกันเรื่องความฝันที่อยากจะทำ ตอนนี้เค้าเอาจริงแล้วนะ เพิ่งลาออกจากงานมาสดๆร้อนๆ บินมาไทยเป็นที่แรก เสร็จแล้วก็จะไป อินโด มาเล ดูไบ อื่นๆ ต่อไปอีก ผมอึ้งไปนิดนึง ความทรงจำ คำพูดที่คุยกันวันนั้นเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง เฮ้ย! ทำได้แล้วเหรอ จริงหรอเนี่ย ซึ่งเค้าได้อธิบายต่างๆให้ผมเห็นภาพว่าอะไรคืออะไร ซึ่งผมในวันนั้นยังไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนับจากที่คุยกับเค้าครั้งก่อน เค้าทำได้เราก็ต้องทำได้ สิ่งนี้เป็นการจุดไฟในตัวผมให้ลุกโชน และลุกมากด้วย หลังจากวันนั้นผมเริ่มต้นศึกษาการเปิดบริษัท จนวันที่ 1 สิงหาคม คือวันที่ผมเปิดบริษัทสำเร็จ ซึ่งทำเองทั้งหมด ไม่จ้างทำ ผมไป 4 รอบถึงเสร็จ ,ช่วงที่วิ่งเสนองานก็ท้อบ้าง แต่ขอบคุณมากสำหรับคำเตื่อน บางท่านก็บอกผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลง ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยมาเปิดบริษัทเอง บางท่านก็บอกทำธุรกิจข้ามชาติ โดยเฉพาะจีนให้ระวังมากๆ ซึ่งเป็นมุมมองอีกด้านที่มีประโยชน์มากครับ
สรุปคือตอนนี้เปิด บจก เรียบร้อยครับ
"ผมอยากขออธิบายรายละเอียดและบริการของเราเพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพกว้างก่อนนะครับ ก่อนอื่นการจะหาซื้อสินค้าบางอย่างทุกวันนี้ทำได้ง่ายมาก Google, eBay, Amezon, Alibaba, Dealfish, bra bra... ถูกต้องมั้ยครับ ซื้อมาใช้เองชิ้นสองชิ้นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครจะหาสินค้าเพื่อมาทำธุรกิจ เอามาขายต่อ ขายส่ง เป็นฟรีแลนซ์แนะนำสินค้า ซื้อมาเพื่อทำการตลาดหวังผลกำไร คุณจะทำแบบธรรมดาไม่ได้เลย อาจจะหาได้ แต่ราคาต้นทุนแข่งขันไม่ได้ ก็จบตั้งแต่เริ่มแล้วครับ เพราะว่าปัจจุบัน การแข่งขันด้านนี้สูงมาก ถ้าราคาเราเสนอสู้คู่แข่งไม่ได้ ก็ลำบากที่จะหาลูกค้า หรือถ้าหาได้ ส่วนต่างกำไรก้น้อย ไม่คุ้มเหนื่อย
ดังนั้นเรามาดูกันก่อนเลยว่าอะไรทำให้ราคาสินค้าไม่แตกต่างกัน ทั้งๆที่สเปกเหมือนกัน คุณภาพเหมือนกัน อาจจะผลิตที่เดียวกันด้วยซ้ำ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า Trading กับ sourcing agent ก่อน Trading คือผู้ที่มีสินค้าพร้อมที่จะเสนอขาย แทบจะทั้งหมดไม่ใช่ผู้ผลิตเอง อาจจะไปซื้อตรงจากโรงงาน หรืออาจจะไปซื้อจาก Trading อีกเจ้ามาก็เป็นได้ ทำให้มีการผ่านพ่อค้าคนกลางหลายๆทอด ทำให้ต้นทุนสินค้าถูกบวกเป็นทอดๆ กว่าจะถึงมือคุณ ไม่มีทางรู้หรอกว่าเค้าบวกกันไปแล้วเท่าไร
ทีนี้มาดู Sourcing agent บ้าง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ราคาที่ต่ำกว่า เพราะ agent จะไม่ซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายหรือ Trading แต่จะเข้าหา พูดคุย ต่อรอง กับแหล่งผลิตโดยตรง ทำให้ไม่ต้องมีพ่อค้าคนกลาง ทำให้ต้นทุนสินค้าเป็นต้นทุนที่แท้จริง สมเหตุสมผล สามารถรับมาขายต่อทำกำไรได้ง่ายกว่า, สินค้าบางอย่างมีผู้ผลิตเป็นสิบๆโรงงาน agent สามารถเปรียบเทียบราคา คุณภาพ ตามความต้องการของลูกค้าได้ ทำให้มีทางเลือกเยอะกว่า ลูกค้าบางรายอยากสร้างความแตกต่างของสินค้า อาจจะตีแบรนด์ตังเอง หรืออยากให้เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม แก้ไข บางอย่างในตัวสินค้า เราก็สามารถทำได้ เพราะเราคุยกับแหล่งผลิตโดยตรง อีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือ agent จะเป็นคนในประเทศผู้ผลิตนั้นๆ ทำให้การพูดคุย ต่อรอง สื่อสาร ใกล้ชิดและดูแลการผลิต ได้ดีกว่าแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นการซื้อขายต่างประเทศ คุณจะเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาดคือ ปัญหาเครมของ เมื่อเจอของเสีย ไม่ได้คุณภาพ ผิดสเปกที่ตกลงกัน ข้อนี้ถ้าคนไม่เคยทำจะไม่รู้แน่นอน มันวุ่นวาย ปวดหัวมากๆ เสียทั้งค่าใช้จ่าย (ส่งของเสียไปเครม เค้าอาจจะรับหรือปฎิเสธ) ต้องคืนเงินลูกค้า ลูกค้าไม่พอใจเสียลูกค้า ซึ่งมีผลต่อการทำธุรกิจอย่างมาก
ดังนั้นจะดีกว่ามั้ย ถ้าคุณเอาเวลาที่ต้องมาเสียในการเสาะหาสินค้า ต่อรองราคา ทำเรื่องนำเข้า(ไม่ง่าย) เปรียบเทียบราคา ติดต่อสื่อสารลำบาก ความไว้ใจ ของจะเสร็จตามกำหนดมั้ย ของจะได้ตามคุรภาพที่ตกลงกันมั้ย จะมีใครไปเช็คของก่อนส่งมั้ย ต้องเดินทางไปดูเอง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา agent อย่างเราสามารถบริการคุณได้ คุณเพียงรอรับสินค้าที่บ้าน ที่เหลือเราจัดการให้ แน่นอนคุณสามารถเปรียบเทียบราคากับเจ้าอื่นๆได้ เลือกอันที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เป็นธรรมดาของธุรกิจอยู่แล้วครับ
สรุปคือ agent อย่างเราพร้อมที่จะช่วยคุณหาสินค้าที่ต้องการ ไม่จำกัด เรามีโรงงานหลากหลายประเภทนับร้อยๆราย หาแหล่งผลิตที่จะผลิตตามที่คุณออกแบบมาเองก็ได้ ทำแบรนด์ตัวเองก็ได้ มีทีมงานเข้า audit โรงงาน ติดตามความคืบหน้าของงาน เช็คคุณภาพก่อนส่ง นำเข้าและขนส่งแบบมืออาชีพ ทำให้อุ่นใจและมั้นใจได้ว่าคุณจะได้รับสินค้าและบริการที่ดีที่ สุด ผมจดทะเบียน บจก เรียบร้อย สามารถตรวจสอบได้ครับ"
ทั้งหมดนี้คือจุดยืนและกำลังใจของผมครับ จึงอยากรบกวนสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจหน่อยครับว่า ทางที่ผมกำลังเดินมันเป็นยังไง ขาดตกบกพร่องตรงไหน อยากขอคำแนะนำหรือวิจารณ์ในมุมมองของท่านๆครับ
มาถึงตรงนี้ผมไม่มีถอยอยู่แล้วครับ สู้ๆ