นามมงคล

มีคนมาขอให้ผมตั้งชื่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะผมประกาศตัวเป็นหมอดูชื่อ แต่เป็นเพราะผมแต่งนิยายมาหลายเรื่อง
ซึ่งเมื่อคนอ่านถูกใจชื่อตัวละครเก๋ไก๋ ก็เข้าใจว่าผมมีทักษะในการตั้งชื่อแหวกแนวไม่ซ้ำใคร จึงอยากได้ชื่อใหม่เป็นเอกลักษณ์ไว้
ให้ลูกหรือไว้ให้ตัวเองบ้าง ไม่เกี่ยวกับความถูกต้องตามศาสตร์ตั้งชื่อของสำนักไหนทั้งสิ้น
                มีน้องคนหนึ่งคลั่งไคล้เข้าขั้นเสพติดการเปลี่ยนชื่อ เธออายุไม่ถึง ๓๐ ปี รวมการเปลี่ยนชื่อมาทั้งหมดได้ ๕ ครั้ง ตั้ง
แต่เด็กที่คนอื่นเปลี่ยนให้ กระทั่งโตขึ้นเปลี่ยนด้วยตนเอง และเธอก็กล้าขนาดเป็นตัวเองเหลือเกิน ขนาดขอเป็นต้นตระกูลใหม่
ตั้งนามสกุลที่ยังไม่เคยมีใครใช้มาก่อนทีเดียว!
                ในการเปลี่ยนชื่อครั้งสุดท้าย น้องคนนี้อยากให้ผมเป็นคนเลือก แต่ก็ไม่ไว้ใจผมนักว่าจะรู้เรื่องตั้งชื่อให้ถูกหลักนาม
มงคลเพียงใด เธอจึงคัดกลุ่มชื่อที่ต้องโฉลกตามตำรา แน่ใจว่าเป็นมงคลกับตัวเองประมาณ ๒๐ ชื่อ แล้วให้ผมเป็นผู้ตัดสิน ผม
กวาดตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนเลือก ‘อณัศยา’ ด้วยเหตุผลคือฟังไพเราะกว่าตัวเลือกเชยๆอื่นๆ ซึ่งเธอก็ยิ้มพอใจ คือถูกใจเธออยู่เช่นกัน
                พอเปลี่ยนชื่อพร้อมนามสกุลที่อำเภอเรียบร้อย ต่อมาเธอต้องทำงานกับฝรั่ง และคงต้องทำยาวเป็นสิบๆปีเนื่องจาก
ไปก่อร่างสร้างตัวที่เมืองนอก ปัญหาที่คาดไม่ถึงมาก่อนก็เกิดขึ้น คือคำแรกของชื่อจะออกเสียงเป็น anus ซึ่งในภาษาอังกฤษ
หมายถึง ‘ทวารหนัก’ หรือที่คนไทยทั่วไปมักเรียกอย่างเป็นกันเองว่า ‘ตูด’ นั่นแหละ
                เอาล่ะสิ เธอมาโวยวายกับผมใหญ่ หาว่าจงใจแกล้งติดตราบาปให้กับชื่อของเธอไปจนชั่วชีวิต เธอคร่ำครวญว่า
เหนื่อยกับการเปลี่ยนชื่อแล้ว อุตส่าห์ตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ทำไมผมถึงไม่คิดให้ดี ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนเลือก
                ผมพูดไม่ออกได้แต่กลอกตา งานนี้เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอเล่นเสียอย่างนั้น จะเอ่ย
ขอโทษก็ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เพราะแต่แรกไม่ได้ตั้งใจติดตราบาปอะไรไว้กับชื่อเธอ ขณะเลือกให้หาได้มีเรื่องเกี่ยวกับทวารหนัก
ผ่านเข้ามาในหัวแม้แต่แวบเดียว มีแต่ความปรารถนาดีล้วนๆ เธออยากให้เลือกก็เลือกตามใจเธอเท่านั้น
                 วันนี้ถ้าใครมาถามผมว่าชื่อนั้นสำคัญไหม ผมคงตอบเต็มปากเต็มคำว่าสำคัญเหมือนกันนะ เพราะคุณจะถูกเรียกหรือ
ถูกจดจำไว้ว่าเป็นใครก็จากชื่อนี่แหละ ถ้าตั้งไว้ให้เป็นสิริมงคล ก็เท่ากับถูกจดจำในทางดีตั้งแต่แรกที่รู้จักกัน แต่ถ้าตั้งไว้ให้เรียก
แล้วไพล่ไปนึกถึงเรื่องไม่เป็นมงคล ชีวิตก็อาจมัวหมองลงทันที

                 สรุปว่าแค่นามอันเป็นมงคลยังไม่พอ คุณต้องดูองค์ประกอบอื่นๆในชีวิตแต่ละคนด้วย!

                 อย่างเช่นถ้าผมทราบว่าน้องที่กล่าวถึงข้างต้นจะทำงานกับฝรั่ง และฉุกคิดได้ว่าฝรั่งจะเรียกเธอว่าอนัส… อนัส…
แทบทุกคำ ผมก็อาจหันเหไปเอาตัวเลือกอื่น ซึ่งแม้ไม่กิ๊บเก๋เท่า อย่างน้อยก็คงไม่จุดยิ้มมุมปากจากฝรั่งเส้นตื้น (เท่าที่ทราบคือ
ปัจจุบันเธอก็ยังใช้ชื่อนี้และไม่มีความปวดใจแต่อย่างใด เพราะในทางปฏิบัติเธอให้ใครต่อใครเรียกชื่อเล่น แล้วใช้ชื่อจริงในงาน
เอกสารเท่านั้น)
                 ปัจจุบันการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลจัดได้ว่าเป็นเทรนด์หนึ่งทีเดียว ต่อไปใครไม่เปลี่ยนอาจถูกล้อว่าเชย ไม่รู้จักมี
ศรัทธาให้ทางเลือกใหม่ๆกับเขาบ้าง ใครต่อใครเปลี่ยนแล้วก็ลือกันว่าดีขึ้นทั้งนั้น
                 ตัวผมเองใช้ชื่อเดิมนามสกุลเดิมมานานจนชิน และภายใต้ชื่อนามสกุลเดียวกันนี้ก็รุ่งบ้าง ร่วงบ้างอย่างคนธรรมดา
คนหนึ่ง ตอนร่วงก็เห็นอยู่ว่ามีเหตุมีผลอะไร ไม่เคยนำไปโยงเข้ากับชื่อแซ่แต่ประการใดเลย แม้กระทั่งรู้ทั้งรู้ว่าตัวสะกดตัวหนึ่งของ
ชื่อผิด ก็ยังไม่ขยันไปอำเภอเพื่อเปลี่ยนให้ถูก เพราะกลัวความวุ่นวายเกี่ยวกับเอกสารที่จะตามหลังมา คิดว่าใช้ๆไปอีกไม่นานก็
ต้องเลิกใช้อยู่แล้ว ถ้าอายุยืนถึงหมื่นปีค่อยเห็นประโยชน์ในการแก้ไขกับเขาหน่อย
                 หมอดูชื่อผุดขึ้นมากมาย และผมก็มีโอกาสเห็นผลงานของหมอดูชื่อที่ว่าดังๆมาบ้าง อันนี้ไม่ใช่นึกสนุกอยากโจมตี
หรือเชียร์ใครด้วยอคตินะครับ ขอเล่าให้ฟังตามที่เห็นมาแบบสรุปรวบรัด คือหมอดูชื่ออาจรู้จริงตามหลักการตั้งชื่อที่สัมพันธ์กัน
กับฤกษ์เกิด โดยมองตัวอักษรเป็นเลขรหัส ถอดรหัสแล้วรู้ว่าเข้ากันหรือขัดกันกับดวงดาวประจำตัว แต่สิ่งที่หมอดูชื่อทั่วไปไม่อาจ
ดูได้ คือความสัมพันธ์ระหว่างชื่อกับจิต
                 ย้ำว่านี่พูดตามที่ผมเห็นนะครับ ลูกค้าของหมอดูชื่อบางรายนั้น มีความคิดอ่านขัดแย้งในตัวเอง หรือมีความซับซ้อน
ในตัวเองสูงอยู่แล้ว คืออาจเย็นเป็นพ่อพระแม่พระได้เท่าๆกับร้อนเหมือนยักษ์เหมือนมารตามสถานการณ์ ตาดีตาร้ายถ้าเจอหมอ
ดูชื่อสั่งเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ เป็นอะไรที่ทั้งยาวทั้งเรียกยาก ก็ยิ่งไปเพิ่มความซับซ้อนทางอารมณ์ ถึงขั้นความรู้สึกบิดเบี้ยว อึดอัด
ทรมานทั้งตนเองและคนรอบข้างเข้าไปใหญ่ แม้ตามตำราจะว่าชื่อใหม่เป็นศรี เป็นมงคลอย่างไร ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย งาน
วุ่นวายอย่างไรก็วุ่นวายอยู่อย่างนั้น แถมจิตใจกลับว้าวุ่นขึ้นเสียอีก
                 อันที่จริงคุณเปลี่ยนรายละเอียดใดในชีวิต ก็มีผลให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้นแหละครับ เช่นถ้าเปลี่ยนฤกษ์การ
เริ่มทำงานในแต่ละวันให้เช้าหรือสายขึ้นกว่าเดิม หัวคิดของแต่ละคนจะแล่นมากแล่นน้อยต่างไป บางคนไม่รู้ตัวว่าที่เฉื่อยชา เร่ง
งานไม่ขึ้น กี่ปีก็ไม่ก้าวหน้าเสียที เหตุก็เพราะฤกษ์การเริ่มทำงานมันสายไปนั่นเอง ไม่เกี่ยวกับชื่อนามสกุล ไม่เกี่ยวกับฮวงจุ้ยแต่
อย่างใดเลย
                 สำหรับมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ส่วนที่มีอิทธิพลอย่างใหญ่สุดเห็นจะได้แก่วิธีคิด สไตล์การพูด และความฉลาดในการ
ลงมือกระทำกิจทั้งหลาย โลกนี้มีศาสตร์แห่งการปรับปรุงความคิด คำพูด และการกระทำอยู่มากมาย ส่วนใหญ่มุ่งเน้นพัฒนาความ
เก่งกาจปราดเปรื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่ ความมั่งคั่ง ชื่อเสียงเกียรติยศ และสิ่งน่าปรารถนาล่อตาล่อใจทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง
                 อย่างไรก็ตาม ศาสตร์แห่งการปรับปรุงตัวทั้งหลายไม่อาจพยากรณ์ว่าคิด พูด ทำตามที่แนะนำแล้ว จะก่อให้เกิดผล
กระทบทางใจอย่างไร สว่างขึ้นหรือมืดลง ความสว่างไสวกับความมืดหม่นของจิตจัดเป็นแก่นสารสำคัญหนึ่งในชีวิตแบบพุทธ พุทธ
คือศาสตร์แห่งการปรับปรุงความคิด คำพูด และการกระทำ ที่มุ่งให้จิตสว่างขึ้น เป็นบุญเป็นกุศลมากขึ้น มั่งคั่งในเชิงจิตวิญญาณ
ยิ่งๆขึ้น อธิบายได้ง่ายๆว่าถ้าละความชั่ว ทำความดี จะมีจิตที่ผ่องใส หรือกระทั่งถึงขั้นบริสุทธิ์สะอาดปราศจากยองใยแห่งกิเลสได้
พฤติกรรมใดเป็นไปเพื่อความสว่างของจิต พฤติกรรมนั้นจะถูกยกย่องสรรเสริญว่าควรทำ ถ้าพฤติกรรมยังไม่ดีก็เปลี่ยนเสีย ถ้าดี
อยู่แล้วก็ทำให้ดีขึ้น ถ้าดีขึ้นแล้วก็พยายามต่อไปให้ถึงขั้นแห่งความพิสุทธิ์ จะได้หยุดทุกข์หยุดร้อนไปชั่วกาลนาน
                 ชื่อแซ่อาจเป็นความสว่างด้านหนึ่งของชีวิต เปลี่ยนแล้วอาจดีขึ้นได้ทันตาเห็น แต่ในระยะยาวจะยังไม่ดีจริงตราบ
เท่าที่จิตยังคงมืดหม่น ตรงข้าม แม้ชื่อแซ่ยังคงเดิม ของเดิมอาจกระเดียดไปทางมืด แต่หากปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการกระทำ
หันมาคิดเสียสละ หันมาพูดประนีประนอม และหันมาทำกิจเพื่ออนุเคราะห์ ดวงจิตก็จะดีขึ้น และเมื่อจิตดีขึ้นอย่างเดียว ทุกอย่าง
ในชีวิตก็จะดีขึ้นหมด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
                 คนเราจะคิดถึงนามที่เป็นมงคล แต่ไม่ค่อยคิดถึงการทำมงคลให้เป็นนามอันน่าจดจำสักเท่าไร สืบไปสืบมาก็เพราะ
ขี้เกียจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง เพราะต้องเปลี่ยนให้สว่างครบวงจรจึงจะประจักษ์ผลเหมือนเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ การ
เปลี่ยนนิสัยเปรียบเหมือนการออกรบในสมรภูมิที่เอาชนะยากที่สุด สู้เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนฮวงจุ้ย เปลี่ยนเลขทะเบียนรถ เปลี่ยน
เบอร์โทรศัพท์ไม่ได้ ง่ายกว่ากันเยอะ ออกแรงมากกว่าเลือกเสื้อใหม่แค่หน่อยเดียว
                 โลกจึงดำเนินต่อไปภายใต้ชื่อสมมุติทั้งหลาย สมมุติว่าชื่อนั้นดี สมมุติว่าชื่อนี้เป็นมงคล แม้เจ้าของชื่อจะเต็มไป
ด้วยพฤติกรรมอันร้ายกาจ อาจสร้างอัปมงคลให้ตนเองและผู้อื่นมากมายปานใดก็ตาม

           เปลี่ยนพฤติกรรมให้ชื่อ
           ดีกว่าเปลี่ยนชื่อให้พฤติกรรม



http://www.dungtrin.com/empty3/06.htm

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่