ช่างภาพเก่งๆมักทำงานตีคู่กับผู้กำกับระดับเกรด A เช่น สตีเว่น สปีลเบิร์กกับ จานุซ คามินสกี้ แต่มีผู้กำกับไม่กี่คนที่โชคดีได้ทำงานกับ เอมมานูเอล ลูเบซกี้ ผู้กำกับภาพชาวเม็กซิโก วัย 49 ปี ผู้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อัลฟองโซ กัวรอง และ เทอรร์เรนซ์ มาลิค -ลูเบซกี้(มีชื่อเล่นว่า Chivo) เข้าชิงออสการ์ 5 ครั้ง พรสวรรค์ของเขาร้อยเรียงด้วยสิ่งที่น่าประหลาดใจ การทำชอตที่เป็นไปไมได้ให้เพื่อนของเขา'กัวรอง' รวมถึงซีนเปิดในเรื่อง Gravity ด้วย ในเวลาเดียวกัน เขายังมีความสามารถพิเศษในการทำชอตยากๆทางเทคนิคให้ดูธรรมชาติ เพราะเขาได้ทำหนังอันงดงามกับ เทอร์เรนซ์ มาลิค เขาทำมันได้อย่างไร ? ไปดูการอธิบายของเขากัน โดยมีตัวอย่าง 5 ซีเคว้นซ์ที่เขาถ่ายให้ผู้กำกับทั้งสองคน
Y Tu Mamá También
ก่อน ลูเบซกี้ จะมาทำงานร่วมกันต่อเนื่องกับ กัวรอง - Y Tu Mamá También เป็นโปรเจ็คต์หนังพูดภาษาสเปนครั้งแรกของเขา ที่ทำต่อจากหนังสตูดิโอ 2 เรื่องแรกอย่าง หนังครอบครัว A Little Princess และหนังรีเมค Great Expectations นำแสดงโดย อีธาน ฮวอว์ก และ กวินเน็ธ พัลโทรว์ "ผมรู้จัก กัวรอง ตั้งแต่ก่อนเรียนหนังแล้ว และผมทำงานกับเขาอย่างน้อยก็ครึ่งโหล" ลูเบซกี้สาธยาย "หลายครั้งที่เราไปดูหนังด้วยกัน พวกเราคุยกันเกี่ยวกับหนัง,เพลง,ผู้หญิง ... ทุกๆสิ่ง !"
Y Tu Mamá เกิดมาจากการคุยกันเรื่องคนหนุ่มสาว และมันก็ดูเหมือนสารคดี ซึ่งแตกต่างจากงานลูเบซกี้ที่ถ่ายให้ กัวรอง เรื่อง Great Expectations "Y Tu Mamá También มันไม่ค่อยเหมือนหนังเรื่องก่อนของพวกเรา เราเคยต้องวางแผนอย่างไม่น่าเชื่อและเวิ่นเว้อมาก" ลูเบซกี้ ยอมรับ "เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี และงานก็ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างที่เราตั้งใจไว้ ผมจำเรื่องก่อนหน้าได้ ผมโครตๆๆ พิถีพิถันเรื่องการใช้สีอย่างที่เราต้องการ แต่กลับถูกให้ลดสีเขียวลง และสีอื่นๆด้วย แต่กับ Y Tu Mamá พวกเราต้องการทำสิ่งที่ขจัดความดันทุรังในงานของเราออกไป
คุณจะพบความลำบากได้น้อยกว่ากับงานศิลปะ 3 องค์ หลังจากใช้เวลายาวนาน การพูดคุยดื่มกินในบาร์ระหว่าง ตัวละครชายหนุ่มสองคน (Gael García Bernal และ Diego Luna) และเพื่อนพวกเขาที่แก่กว่า (Maribel Verdú) , Verdú ตรงไปยังตู้หยอดเพลง และเต้นยั่วยวนตรงกลับเข้ามาหากล้อง (ซีเคว้นต์ยาวนานนี้ถ่ายในเทคเดียว ซึ่งต่อมากลายเป็นลักษณะเด่นในงานของ ลูเบซกี้ ที่ร่วมงาน กัวรอง) "ตอนที่พวกเรากำลังซ้อมอยู่ ผมจำได้ว่า Maribel Verdú มองมาที่กล้องแวบหนึ่ง และนั่นเป็นพลังของเธอที่เชื่อมต่อเข้ากับผู้ชม" ลูเบซกี้อธิบาย "มันเป็นความรู้สึกที่มีอำนาจมากๆ เหมือนเธอตระหนักได้ถึงการที่ผู้ชมกำลังมองเธออยู่ ดังนั้นเราจึงต้องถ่ายแบบนั้น"
ฉากต่อมาเป็นฉากโด่งดังของหนัง เป็นฉากลองเทคอีกครั้งที่มีทีมงานเพียง กัวรอง,ลูเบซกี้ และนักแสดง ลูเบซกี้พูดถึงฉาก ทรีซั่ม เป็นหนึ่งในฉากท้ายๆของหนัง ซึ่งอบอุ่นและสนิทสนมกันมาก ซึ่งต่างจากฉากเซ็กซ์เย็นชาระหว่าง ฮอว์ก และ พัลโทรว์ ในหนังเรื่องก่อนหน้า "ผมรู้จัก ดิเอโก้ ลูน่า ตอนที่เขาเกิด และ กาเอล ตอนที่เขาเด็กมาก" เขากล่าว ผมกล้าพูดได้เลยว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่จะไม่ปรากฎในอเมริกา ที่เราเรียกว่า 'Burbank movies'(การถ่ายหนังแบบสตูดิโอ) คุณห้ามเข้าไปใกล้นักแสดงหรือทีมงานขณะที่คุณกำลังถ่ายหนังสตูดิโออยู่ ทำให้เกิดการตอบสนองน้อยและเป็นช่วงยุ่งยากหากว่าเรากำลังพยายามถ่ายฉากอารมณ์หรือฉากอีโรติคเซ็กซ์อยู่ อย่างในเรื่อง Great Expectations ที่ซึ่งตัวละครก็ไม่ชอบใจ และในกองถ่ายก็เย็นชา
The Tree of Life
ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของลูเบซกี้กับ เทอร์เรนซ์ มาลิค มันได้แสดงความรู้สึกอันน่าทึ่งมากมาย ภาพได้แต่งแต้มอย่างงดงาม ซึ่งมันยากที่จะเชื่อว่าพวกเขาทำได้อย่างไรกับการถ่ายภาพได้อย่างโบยบิน เฉกเช่นซีเคว้นต์นี้ กล้องของลูเบซกี้ติดตามลูกคนเล็กของเจสสิก้า แชทเทน ในขณะที่พวกเขาวิ่งรอบๆตัวบ้าน "ผมสามารถถ่ายหนังแบบ The Tree of Life ได้ เพราะผมผ่านการถ่ายทำกับ Y Tu Mamá También มาแล้ว" ลูเบซกี้ กล่าว "กล้องต้องจับภาพความรู้สึกอิสระและความเบิกบานของชีวิตยามเด็กให้ได้" แต่มันก็ยากมากๆ เพราะต้องการคนคุมกล้อง และคนปรับโฟกัสที่มือฉมังมาก รวมทั้งคนอื่นๆที่ช่วยผมในการเคลื่อนผ่านห้อง
นั่นแสดงว่าลูเบซกี้ต้องวิ่งตามเด็กๆหากพวกเขาตัดสินใจวิ่งออกทางประตูหน้าบ้าน ถึงแม้ว่าช่างภาพมากมายปรารถนาบ้านหลายหลังเพื่อจัดเครื่องมือในการถ่ายด้านนอกของบ้าน ลูเบซกี้สามารถถ่ายมันอย่างต่อเนื่องรวดเดียว "หากผมไม่ได้ทำ Y Tu Mamá ผมคงหวาดกลัวมากมายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างแสงภายนอกและแสงภายใน,การจัดการของแสงในชั่วขณะนั้น,แสงที่เข้ามามากเกินไปจากหน้าต่าง" ลูเบซกี้กล่าว "ผมผ่านอะไรอย่างมากมายจนถึงจุดนั้นจุดที่ผมควรยอมรับว่า ผมควรเติบโตในฐานะช่างภาพมากกว่านี้เสียที โดยการทำตัวเป็นไม้ดัดยากให้น้อยลงในงานของผม"
นั่นคืออิสรภาพ ลูเบซกี้กล่าว มีอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาก่อนที่เขาและมาลิคจะเริ่มต้นทำ The New World หนังเรื่องก่อนหน้าของพวกเขา "เทอร์รี่ เข้ามาหาผมและบอกว่า 'ผมจะรักสิ่งนี้แน่ถ้าได้ลองทำดูและหากว่าเราล้มไม่เป็นท่า ผมจะไม่ต้องใช้มัน ผมไม่ต้องใส่ทุกสิ่งลงไปในหนังหากมันทำให้ขายหน้าหรือรู้สึกคับข้องใจ แต่มาลองทำสิ่งที่อยู่ขอบเหวแห่งขุมนรกกันเถอะ เพราะที่นั่นมีภาพที่ดีที่สุดอยู่' ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้นและให้ผมมีอิสระภาพเต็มเปี่ยมในความล้มเหลว ผมรู้สึกอิสระจากกฎและข้อบังคับทุกข้อที่ถูกยัดเยียดจากโรงเรียนภาพยนตร์และการอ่านคู่มือเหล่านั้นทั้งหมด"
-อ่านต่อด้านล่าง-
เรียนรู้ 5 ซีนเจ๋ง จากเอมมานูเอล ลูเบซกี้ ผู้กำกับภาพ Gravity(2013)
ช่างภาพเก่งๆมักทำงานตีคู่กับผู้กำกับระดับเกรด A เช่น สตีเว่น สปีลเบิร์กกับ จานุซ คามินสกี้ แต่มีผู้กำกับไม่กี่คนที่โชคดีได้ทำงานกับ เอมมานูเอล ลูเบซกี้ ผู้กำกับภาพชาวเม็กซิโก วัย 49 ปี ผู้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อัลฟองโซ กัวรอง และ เทอรร์เรนซ์ มาลิค -ลูเบซกี้(มีชื่อเล่นว่า Chivo) เข้าชิงออสการ์ 5 ครั้ง พรสวรรค์ของเขาร้อยเรียงด้วยสิ่งที่น่าประหลาดใจ การทำชอตที่เป็นไปไมได้ให้เพื่อนของเขา'กัวรอง' รวมถึงซีนเปิดในเรื่อง Gravity ด้วย ในเวลาเดียวกัน เขายังมีความสามารถพิเศษในการทำชอตยากๆทางเทคนิคให้ดูธรรมชาติ เพราะเขาได้ทำหนังอันงดงามกับ เทอร์เรนซ์ มาลิค เขาทำมันได้อย่างไร ? ไปดูการอธิบายของเขากัน โดยมีตัวอย่าง 5 ซีเคว้นซ์ที่เขาถ่ายให้ผู้กำกับทั้งสองคน
ก่อน ลูเบซกี้ จะมาทำงานร่วมกันต่อเนื่องกับ กัวรอง - Y Tu Mamá También เป็นโปรเจ็คต์หนังพูดภาษาสเปนครั้งแรกของเขา ที่ทำต่อจากหนังสตูดิโอ 2 เรื่องแรกอย่าง หนังครอบครัว A Little Princess และหนังรีเมค Great Expectations นำแสดงโดย อีธาน ฮวอว์ก และ กวินเน็ธ พัลโทรว์ "ผมรู้จัก กัวรอง ตั้งแต่ก่อนเรียนหนังแล้ว และผมทำงานกับเขาอย่างน้อยก็ครึ่งโหล" ลูเบซกี้สาธยาย "หลายครั้งที่เราไปดูหนังด้วยกัน พวกเราคุยกันเกี่ยวกับหนัง,เพลง,ผู้หญิง ... ทุกๆสิ่ง !"
Y Tu Mamá เกิดมาจากการคุยกันเรื่องคนหนุ่มสาว และมันก็ดูเหมือนสารคดี ซึ่งแตกต่างจากงานลูเบซกี้ที่ถ่ายให้ กัวรอง เรื่อง Great Expectations "Y Tu Mamá También มันไม่ค่อยเหมือนหนังเรื่องก่อนของพวกเรา เราเคยต้องวางแผนอย่างไม่น่าเชื่อและเวิ่นเว้อมาก" ลูเบซกี้ ยอมรับ "เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี และงานก็ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างที่เราตั้งใจไว้ ผมจำเรื่องก่อนหน้าได้ ผมโครตๆๆ พิถีพิถันเรื่องการใช้สีอย่างที่เราต้องการ แต่กลับถูกให้ลดสีเขียวลง และสีอื่นๆด้วย แต่กับ Y Tu Mamá พวกเราต้องการทำสิ่งที่ขจัดความดันทุรังในงานของเราออกไป
คุณจะพบความลำบากได้น้อยกว่ากับงานศิลปะ 3 องค์ หลังจากใช้เวลายาวนาน การพูดคุยดื่มกินในบาร์ระหว่าง ตัวละครชายหนุ่มสองคน (Gael García Bernal และ Diego Luna) และเพื่อนพวกเขาที่แก่กว่า (Maribel Verdú) , Verdú ตรงไปยังตู้หยอดเพลง และเต้นยั่วยวนตรงกลับเข้ามาหากล้อง (ซีเคว้นต์ยาวนานนี้ถ่ายในเทคเดียว ซึ่งต่อมากลายเป็นลักษณะเด่นในงานของ ลูเบซกี้ ที่ร่วมงาน กัวรอง) "ตอนที่พวกเรากำลังซ้อมอยู่ ผมจำได้ว่า Maribel Verdú มองมาที่กล้องแวบหนึ่ง และนั่นเป็นพลังของเธอที่เชื่อมต่อเข้ากับผู้ชม" ลูเบซกี้อธิบาย "มันเป็นความรู้สึกที่มีอำนาจมากๆ เหมือนเธอตระหนักได้ถึงการที่ผู้ชมกำลังมองเธออยู่ ดังนั้นเราจึงต้องถ่ายแบบนั้น"
ฉากต่อมาเป็นฉากโด่งดังของหนัง เป็นฉากลองเทคอีกครั้งที่มีทีมงานเพียง กัวรอง,ลูเบซกี้ และนักแสดง ลูเบซกี้พูดถึงฉาก ทรีซั่ม เป็นหนึ่งในฉากท้ายๆของหนัง ซึ่งอบอุ่นและสนิทสนมกันมาก ซึ่งต่างจากฉากเซ็กซ์เย็นชาระหว่าง ฮอว์ก และ พัลโทรว์ ในหนังเรื่องก่อนหน้า "ผมรู้จัก ดิเอโก้ ลูน่า ตอนที่เขาเกิด และ กาเอล ตอนที่เขาเด็กมาก" เขากล่าว ผมกล้าพูดได้เลยว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่จะไม่ปรากฎในอเมริกา ที่เราเรียกว่า 'Burbank movies'(การถ่ายหนังแบบสตูดิโอ) คุณห้ามเข้าไปใกล้นักแสดงหรือทีมงานขณะที่คุณกำลังถ่ายหนังสตูดิโออยู่ ทำให้เกิดการตอบสนองน้อยและเป็นช่วงยุ่งยากหากว่าเรากำลังพยายามถ่ายฉากอารมณ์หรือฉากอีโรติคเซ็กซ์อยู่ อย่างในเรื่อง Great Expectations ที่ซึ่งตัวละครก็ไม่ชอบใจ และในกองถ่ายก็เย็นชา
ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของลูเบซกี้กับ เทอร์เรนซ์ มาลิค มันได้แสดงความรู้สึกอันน่าทึ่งมากมาย ภาพได้แต่งแต้มอย่างงดงาม ซึ่งมันยากที่จะเชื่อว่าพวกเขาทำได้อย่างไรกับการถ่ายภาพได้อย่างโบยบิน เฉกเช่นซีเคว้นต์นี้ กล้องของลูเบซกี้ติดตามลูกคนเล็กของเจสสิก้า แชทเทน ในขณะที่พวกเขาวิ่งรอบๆตัวบ้าน "ผมสามารถถ่ายหนังแบบ The Tree of Life ได้ เพราะผมผ่านการถ่ายทำกับ Y Tu Mamá También มาแล้ว" ลูเบซกี้ กล่าว "กล้องต้องจับภาพความรู้สึกอิสระและความเบิกบานของชีวิตยามเด็กให้ได้" แต่มันก็ยากมากๆ เพราะต้องการคนคุมกล้อง และคนปรับโฟกัสที่มือฉมังมาก รวมทั้งคนอื่นๆที่ช่วยผมในการเคลื่อนผ่านห้อง
นั่นแสดงว่าลูเบซกี้ต้องวิ่งตามเด็กๆหากพวกเขาตัดสินใจวิ่งออกทางประตูหน้าบ้าน ถึงแม้ว่าช่างภาพมากมายปรารถนาบ้านหลายหลังเพื่อจัดเครื่องมือในการถ่ายด้านนอกของบ้าน ลูเบซกี้สามารถถ่ายมันอย่างต่อเนื่องรวดเดียว "หากผมไม่ได้ทำ Y Tu Mamá ผมคงหวาดกลัวมากมายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างแสงภายนอกและแสงภายใน,การจัดการของแสงในชั่วขณะนั้น,แสงที่เข้ามามากเกินไปจากหน้าต่าง" ลูเบซกี้กล่าว "ผมผ่านอะไรอย่างมากมายจนถึงจุดนั้นจุดที่ผมควรยอมรับว่า ผมควรเติบโตในฐานะช่างภาพมากกว่านี้เสียที โดยการทำตัวเป็นไม้ดัดยากให้น้อยลงในงานของผม"
นั่นคืออิสรภาพ ลูเบซกี้กล่าว มีอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาก่อนที่เขาและมาลิคจะเริ่มต้นทำ The New World หนังเรื่องก่อนหน้าของพวกเขา "เทอร์รี่ เข้ามาหาผมและบอกว่า 'ผมจะรักสิ่งนี้แน่ถ้าได้ลองทำดูและหากว่าเราล้มไม่เป็นท่า ผมจะไม่ต้องใช้มัน ผมไม่ต้องใส่ทุกสิ่งลงไปในหนังหากมันทำให้ขายหน้าหรือรู้สึกคับข้องใจ แต่มาลองทำสิ่งที่อยู่ขอบเหวแห่งขุมนรกกันเถอะ เพราะที่นั่นมีภาพที่ดีที่สุดอยู่' ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้นและให้ผมมีอิสระภาพเต็มเปี่ยมในความล้มเหลว ผมรู้สึกอิสระจากกฎและข้อบังคับทุกข้อที่ถูกยัดเยียดจากโรงเรียนภาพยนตร์และการอ่านคู่มือเหล่านั้นทั้งหมด"
-อ่านต่อด้านล่าง-