สี่สิบปี สิบสี่ ตุลาคม
ได้ชื่นชม คมคิด คุณเสกสรรค์
ในประชา ธิปไตย ของไทยนั้น
ต่อต้านกัน รัฐประหาร มานานวัน
ธีรยุทธ ฉุดไม่อยู่ กู่ไม่กลับ
ไม่ยอมรับ ประชาชน คนใดนั่น
อ้างแต่เพียง ทักษิณ จนชินกัน
ตุลานั้น คือฝันร้าย ในใจนาน...
จากคอลัมน์ในประเทศ ได้เปรียบเทียบ"ตัวจริง เสกสรรค์ - ธีรยุทธ" ผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก "รู้ช้า กับ ไม่รู้จริง
ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งปีนี้ ได้มีปฐกถาพิเศษ จาก 2 อดีตแกนนำนักศึกษาให้เหตุการณ์ตุลามหาวิปโยค
คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้ให้แง่คิดที่ยอดเยี่ยมที่ได้วิเคราะห็และแยกแยะให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มอำนาจเดิม อำนาจเก่าแก่
กับกลุ่มอำนาจใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ หรือทุนนิยมโลกในยุคไร้พรมแดน
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังได้ชี้ให้เห็นการเติบใหญ่ ขยายตัวของชนชั้นกลางใหม่ หากที่สำคัญกว่านั้นยังชี้ให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ร่วม เฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ กับกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ
ทั้งหมดได้ตอบคำถามอันเกิดขี้นตลอด 7 ปีหลังรัฐประหาร 2549 ได้อย่างคมชัดเป็นการตอบปรากฏการณ์"เสื้อเหลือง - เสื้อแดง" เหมือนง่าย แต่ ไม่ง่าย
ประเด็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษและเกินไปจากที่คาดคิดคือ การที่คุณเสกสรรค์พยายามประคับประคองและหาหนทางปรองดองการต่อสู้ของชนชั้นกลางใหม่ในระบบรัฐสภากับการเลือกตั้ง ให้ไปด้วยการได้กับการเมืองภาคประชาชน เขาพยายามย้ำว่าการเมือง 2 ภาคนี้ไม่ควรแยกจากกัน ไม่จำเป็นต้องปฏิปักษ์ต่อกันในท่านกลางความขัดแย้งความระรอกใหม่นี้
ดิฉันขอบขอบคุณค่ะที่ผู้เขียนคอลัมน์ที่ได้นำความเห็นของดิฉันไปลงด้วย เพราะดิฉันได้ชื่นชมปาฐกคถาของอ.เสกสรรค์
แต่ที่รู้ไม่จริงนี้คงเป็นคงจะเป็น อ.ธีรยุทธนะคะ เพราะรู้สึกว่า ยังเรียกหาการรัฐประหารตลอดเวลา
zzz เสกสรรค์ - ธีรยุทธ รู้ช้าหรือรู้ไม่จริง zzz
ได้ชื่นชม คมคิด คุณเสกสรรค์
ในประชา ธิปไตย ของไทยนั้น
ต่อต้านกัน รัฐประหาร มานานวัน
ธีรยุทธ ฉุดไม่อยู่ กู่ไม่กลับ
ไม่ยอมรับ ประชาชน คนใดนั่น
อ้างแต่เพียง ทักษิณ จนชินกัน
ตุลานั้น คือฝันร้าย ในใจนาน...
จากคอลัมน์ในประเทศ ได้เปรียบเทียบ"ตัวจริง เสกสรรค์ - ธีรยุทธ" ผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก "รู้ช้า กับ ไม่รู้จริง
คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้ให้แง่คิดที่ยอดเยี่ยมที่ได้วิเคราะห็และแยกแยะให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มอำนาจเดิม อำนาจเก่าแก่
กับกลุ่มอำนาจใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ หรือทุนนิยมโลกในยุคไร้พรมแดน
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังได้ชี้ให้เห็นการเติบใหญ่ ขยายตัวของชนชั้นกลางใหม่ หากที่สำคัญกว่านั้นยังชี้ให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ร่วม เฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ กับกลุ่มชนชั้นกลางใหม่ในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ
ทั้งหมดได้ตอบคำถามอันเกิดขี้นตลอด 7 ปีหลังรัฐประหาร 2549 ได้อย่างคมชัดเป็นการตอบปรากฏการณ์"เสื้อเหลือง - เสื้อแดง" เหมือนง่าย แต่ ไม่ง่าย
ประเด็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษและเกินไปจากที่คาดคิดคือ การที่คุณเสกสรรค์พยายามประคับประคองและหาหนทางปรองดองการต่อสู้ของชนชั้นกลางใหม่ในระบบรัฐสภากับการเลือกตั้ง ให้ไปด้วยการได้กับการเมืองภาคประชาชน เขาพยายามย้ำว่าการเมือง 2 ภาคนี้ไม่ควรแยกจากกัน ไม่จำเป็นต้องปฏิปักษ์ต่อกันในท่านกลางความขัดแย้งความระรอกใหม่นี้
ดิฉันขอบขอบคุณค่ะที่ผู้เขียนคอลัมน์ที่ได้นำความเห็นของดิฉันไปลงด้วย เพราะดิฉันได้ชื่นชมปาฐกคถาของอ.เสกสรรค์
ว่ายีงเอามาเปรียบเทียบได้เห็นชัดว่าใคร คือประธิปไตยตัวจริง และใครคือประชาธิปไตยตัวปลอม ประสบการณ์เดียวกันแท้ๆ แต่ความคิดเห็นนี่ช่างต่างกันไกลเหลือเกิน ความเห็นของอ.เสกสรรค์ เป็นความเห็นที่มี่มีหลักการและอุดมการณ์ แต่ความเห็นของอ.ธีรยุทธ ที่แต่เพียงวาทกรรมเท่านั้นเอง
ถีงแม้อ.เสกสรรค์เพิ่งมาแสดงความเห็นเรื่องการต่อต้านรัฐประหารช้าไป 7 ปี ซึ่งจะถือว่ารู้ช้า
แต่ที่รู้ไม่จริงนี้คงเป็นคงจะเป็น อ.ธีรยุทธนะคะ เพราะรู้สึกว่า ยังเรียกหาการรัฐประหารตลอดเวลา
แล้วบรรทัดที่ว่า ประเด็นนี้ผมว่าคนเสื้อแดงที่นั่งฟังอยู่ยังไม่"ชื้อ" นัก
ดิฉันก็ขอยืนยันว่าดิฉันก็ยังคงซื้อ มติชนรายสัปดาห์อยู่ค่ะ