เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อฉบับต่อเนื่อง :: ว่าด้วยเรื่องหนุ่มๆในนิวยอร์ค

เอิ่ม...เพิ่งสังเกตจริงๆค่ะ ว่ากระทู้ที่เพิ่งตั้งไปล่าสุดมันมึนมากถึงมากที่สุด เพราะตอนที่เขียนนี่เหมือนสติสตังจะยังมาไม่ครบดี และไม่รู้อะไรดลใจให้เขียนสิน่า อ่านแล้วก็ เย่ย นี่มันวกไปวนมาและลำดับเหตุการณ์แบบแปลกๆ ไม่เป็นไร เอาใหม่ ฮ่าๆๆๆ

ตอนแรก http://ppantip.com/topic/31125604

ตอนที่สอง http://ppantip.com/topic/31130377

ตอนที่สาม http://ppantip.com/topic/31132000

ต่อกันเลยนะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว ถ้าจะข้ามเรื่องหนุ่มๆที่นี่ไปก็คงจะกระไรอยู่ใช่ไหมคะ อย่าหาว่าเราบ้าผู้ชายเลยนะ แต่มาคนเดียว บรรยากาศฝนตกปรอยๆ บางวันก็หนาวซะสั่นงั่กๆ ก็พาเอาเหงาได้ง่ายๆเหมือนกันเนาะ ยิ่งเห็นคู่รักเดินกระหนุงกระหนิงกันมามันยิ่งบาดหัวใจ สุดท้ายก็เลยนั่งมองหนุ่มหล่อๆแล้วเก็บมามโนเองเล่นๆเป็นพักๆค่ะ

แน่นอนว่าเราเองก็มีเรื่องหนุ่มๆเข้ามาให้ปั่นป่วนใจเล่นๆบ้างเหมือนกัน แต่ระดับนี้ ถ้าเป็นเรื่องรักโรแมนติก คงไม่ใช่เราแล้วล่ะค่ะ เรื่องแรกอาจดูเหมือนจะโรแมนติกนิดๆได้บ้าง แต่เรื่องที่สองนี่เรียกว่ามันเป็นเรื่องที่ทั้งฮามากและขำไม่ออกไปในเวลาเดียวกันเลยล่ะค่ะ


...เรื่องแรกเลย เจ้าชายร่มค่ะ...
เรื่องนี้ตอนนั้นเราเอามาตั้งสเตตัสในเฟสบุ๊ค ก็เป้นที่กรี๊ดกร๊าดกันพอสมควรใรหมู่เพื่อนสาว เรื่องมันเป็นอย่างงี้ค่ะ

...คืนฝนตก กลางเดือนกันยายน...

เรากลับจากไปเดินเล่นลั้นลากับพี่คนไทยคนนึง ตอนนั้นก็เลยเที่ยงคืนมาพักนึงแล้ว เรานั่งรถไฟสายNกลับบ้าน(บ้านที่อยู่ตอนนี้ เราย้ายมาที่แอสโตเรียด้วยเหตุผลบางอย่างค่ะ และกำลังจะได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิมที่บรูคลินต้นปีหน้า) เนื่องจากบ้านเราอยู่สุดสาย พี่ที่มาด้วยจะต้องลงก่อนเพื่อต่อรถไฟสาย7กลับบ้าน ระหว่างทาง พี่ก็กระซิบมา

พี่ : นี่ ตกลงผู้ชายที่เราชอบนี่เป็นแบบไหนเหรอ แนวๆเจ้าชายใช่ป้ะ

เรา : ก็อะไรประมาณนั้นอะพี่ แบบคุณชายๆ หน้านิ่งๆหน่อย สะอาดๆเกลี้ยงๆ ช้อบชอบ

พี่ : แล้วอีตาผู้ชายหัวทองฝั่งตรงข้าม เยื้องๆไปนั่นอะ เราว่าเป็นไง ใช่แบบนั้นป้ะ

เราก็หันไปมอง แล้วตะลึงอึ้งไปสิบวิ พระเจ้าช่วยกล้วยทอดจ๊อด นี่มันผู้ชายที่หล่อที่สุดคนนึงเท่าที่เคยเจอมาในนิวยอร์คเลยก็ว่าได้นะเนี่ย(เว่อร์ไปมั้ย...ไม่อะ) ผมสีบลอนด์ ตาสีอะไรยังมองไม่ชัดเพราะฮีนั่งดูโทรศัพท์อยู่ สูง และดูดีมากกกกกกกก จมูกโด่งสวยสุดๆ เล่นเอาสาวน้อยหัวใจหวั่นไหวเลยทีเดียว

สักพัก พี่ก็ต้องลงไปต่อรถไฟอีกสาย ทิ้งให้เรานั่งอยู่คนเดียว ก่อนไป พี่เลยอวยพรว่า ขอให้ได้ลงสถานีเดียวกันนะจ๊ะ แล้วก็เดินจากไป ฟิ้วววว


เราก็นั่งไป แอบมองไป เนื่องจากบ้านเราอยู่สุดสาย ประกอบกับมันก็ดึกพอสมควรแล้ว ทำให้สองสามสถานีสุดท้ายเหลือคนในตู้นั้นไม่กี่คน เราเองก็แอบมองเจ้าชายของเราไปเรื่อยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรว่าฮีจะมาสนใจเด็กกะโปโลอย่างเรา แล้วจู่ๆ ฮีก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา ปิ๊ง...

แม่เจ้าาาาาาาา ตาสีเขียวฟ้าๆดูดุๆหน่อย สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แทบจะละลายลงไปกองกับพื้นรถไฟซะเดี๋ยวนั้น!!

เมื่อฮีสบตา สาวน้อยขี้อยอย่างเราจะทำอะไรได้ล่ะคะ นอกจากหลบสายตาทันที เอาใหม่ๆ หายใจเข้าลึกๆ แล้วแอบเหลือบไปมองอีกรอบ

อะชิ้ง!!! ฮีก็กำลังมองมา สบตากันรอบที่สอง!!!

สามสถานีสุดท้ายดูจะเป็นอะไรที่นานเป็นพิเศษ เนื่องจากเราเล่นเกมส์ซ่อนตาดำกับพี่แกจนสุดสาย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะลงสถานีเดียวกันแฮะ ก่อนรถไฟเทียบที่ชานชาลา ครั้งสุดท้ายที่ได้สบตา เราก็เลยยิ้มเอ๋อให้หนึ่งทีเพื่อเป็นการบอกว่า หนูมาดีนะคะ ไม่ได้มองหน้าหาเรื่องแต่อย่างใด แล้วก็ตัดใจเดินออกจากรถไฟมา พร้อมทั้งทำใจว่า เค้าไม่เอาแกหรอก และชาตินี้เราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเป็นแน่แท้ จะแอบถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆก็ไม่ได้(เอ๊ะ!!) เพราะคนมันน้อย ยกกล้องมือถือขึ้นมาฮีก็รู้แน่นอนล่ะค่ะ

หลังจากนั้น เราก็เดินคอตกลงจากสถานี ไปที่ตู้เอทีเอ็มซึ่งอยู่ในตัวตึก เพื่อเช็คเงินอันน้อยนิดว่าเหลือเท่าไหร่ แล้วจะพอจ่ายบิลเดือนนี้ไหม ปรากฏว่า ข้างนอกฝนตกค่อนข้างหนักทีเดียว หนาวก็หนาว เราก็เลยยิ่งพารานอยด์ไปใหญ่ เดินมึนๆไปกดเช็คเงิน เสร็จแล้วก็โซซัดโซเซมาที่ประตู กำลังจะเปิดออกไป ก็มีเสียงเรียกขึ้นด้านหลังว่า "Hey Miss!" เมื่อหันกลับไป เราก็ตกตะลึงอึ้งจังงังไปสามวิ

เจ้าชายของเรานี่นา!!!!!!!! เค้ากำลังเรียกช้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (ฮีเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่!?!)

แล้วเจ้าชายก็ยื่นมือมาหาเรา ในมือมีร่มสีน้ำเงินที่พี่แกถืออยู่ตอนอยู่บนรถไฟ

เจ้าชาย : เอานี่ไปสิครับ (ตอนนั้นแกพูดสั้นๆว่า Take this)

เรา : คะ? (ยังคงตะลึงไม่หาย มองตาฮีแล้วใจละลาย)

เจ้าชาย : เอาร่มผมไป ผมเห็นว่าคุณไม่มีร่มน่ะ

เรา : เง้อ ไม่เป็นไรค่ะ (ยังคงตะลึง ตอบอะไรไม่ถูก ไม่กล้ายื่นมือไปรับ เี๋ดี๋ยวสปาร์ค)

เจ้าชาย : เอาไปเถอะครับ คุณเดินกลับบ้านไกลแค่ไหน

เรา : ก็ประมาณยี่สิบนาทีกว่า ไม่เป็นไรจริงๆนะ ฉันเดินกลับได้จริงๆค่ะ

เจ้าชาย : (ทำหน้าดุใส่) เดินตั้งไกล ผมบอกแล้วไงว่า เอา ไป!! (และเมื่อเห็นเรายังไม่ยอมรับไป ฮีเลยทำเสียงดุต่อ) ไม่ต้องกังวลหรอก นี่ไม่ใช่ร่มผม ผมได้มาจาก Lost and Found งั้นคุณก็เอาไปเถอะ ผมไม่ได้เดินไกลขนาดนั้น (แล้วฮีก็ทำหน้าดุใส่จนเราต้องยื่นมือมารับร่มจนได้)  ดีมาก กลับบ้านดีๆ Be home safe นะครับ

...แล้วฮีก็เดินจากไป เรายืนเหวออยู่สองสามวิ ก่อนจะวิ่งพรวดตามออกไป ไม่ทันแล้ว ฮีเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไปเรียบร้อย...

กลับมาบ้าน เราเขียนเรื่องนี้ใส่ลงเฟสบุ๊ค ครูและเพื่อนๆก็เข้ามาเม้าท์กัน จนกระทั่งครูถามว่า ได้เช็คดูในร่มหรือยัง ว่ามีเบอร์โทรศัพท์ซุกอยู่หรือเปล่า ตอนนั้นเราก็อึ้งไป เออว่ะ!! คิดไม่ทัน และคงไม่ทันแล้ว เพราะจังหวะที่เราวิ่งตามฮีออกมา มือเราไปโดนสายรัดร่มหลุด และร่มเลยคลี่ออก ถ้าจะมีเบอร์หรืออะไรยัดไว้ในนั้น มันก็คงร่วงและเละไปพร้อมกับสายฝนเรียบร้อย TT^TT  แต่คุณครูที่รักก็ยังปลอบใจว่า เอาน่า ถ้าเขาเป็นของเรา เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน

แต่เรามีอีกทฤษฎีที่น่าจะเป็นจริงได้มากๆ คือฮีคิดว่าเราเป็นเด็กน้อยค่ะ แงๆ เพราะเราตัวก้างๆ หัวกระเซิงๆ และใส่เสื้อคลุมตัวโตมากกกกก เฮ้อ

อีกสองสัปดาห์ถัดมา เรามีเหตุให้ต้องกลับดึกอีกครั้ง ก็นั่งง่วงบนรถไฟไปจนถึงสถานีสุดท้าย ตอนที่กำลังจะลงจากรถ ก็หันไปมองข้างๆ แล้วก็แทบจะร้องจ๊ากออกมา

หัวทองๆ ตาสีแบบนี้ เจ้าชายร่มนี่หว่า!!!!!

และในขณะที่เรากำลังยืนอ้าปากค้างอยู่นั้นเอง ฮีก็...ฮีก็...

..................................



ฮีก็เดินจากไปพร้อมกับสายลมหนาว วิ้วววววววว

สติอันน้อยนิดบวกกับความบ้าดีเดือด ก็สั่งให้เท้าเราเดินสะกดรอยตามฮีไปทันที โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะคนละทางกับทางกลับบ้านเรา เดินไปเรื่อยๆ สักพักเริ่มเหนื่อย ทำไมมันไกลแบบนี้ฟะ เราโทรหาพี่คนเดิม ก็ได้คำยืนยันว่า แกทำถูกแล้ว ตามไปให้ทันนะเว้ย แล้วจู่ๆ พอถึงมุมถนน ฮีเลี้ยวขวา เราที่ตามไปโดยทิ้งช่วงห่างพอประมาณ ก็เลี้ยวตาม..

ฮีหายไปแล้ว!!!! อีบ้านหัวมุมนี่แน่นอน!!!!!!!!!!!!!

สุดท้ายก็กลับมานั่งเสียดายและด่าตัวเองว่า จะตามไปทำบ้าอะไร เพราะมารู้ตัวว่าออกนอกเส้นทางไปไกลมากกกกกกกกกกกกกกกก็อีตอนเดินกลับ แถมต้องเดินอีกเท่าตัวเพื่อกลับบ้านตัวเองอีก นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า อย่าริอ่านเดินสะกดรอยตามผู้ชายคนไหนอีกเลย ถ้ามันจะหลุดมือไป ก็ปล่อยให้มันหลุดไปเหอะ ทรมานสังขารเปล่าๆ

คืนนั้นเรากลับถึงบ้าน น๊อคสลบไปทันที เพราะเมื่อดูจากแผนที่ บวกลบคูณหารแล้ว วันนั้นแค่การเดินตามฮีจากสถานีแล้วเดินกลับมา เดินกลับบ้านเรา สิริรวมแล้วเกือบ4ไมล์!!!! ใช้เวลาเดินไปกว่าชั่วโมงเลยทีเดียว



...เรื่องที่สอง...

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เราเกิดอารมณ์ติสต์แตก ไปซื้อสีมาย้อมผมเล่น กะว่าจะทำผมครึ่งล่างให้เป็นสีน้ำเงินอมเขียว ผลออกมาคือเละเทะ สีกระดำกระด่าง เราจึงไปซื้อสีน้ำตาลมาย้อมทับ เล่นแร่แปรธาตุจนสุดท้ายปลายผมออกมาเป็นสีน้ำตาลอมน้ำเงินด่างๆ เราจึงไปขุดเอาแฮร์พีซที่เป็นช่อๆมาติดทั้งหัวเพื่ออำพรางคดีฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นไปหมาดๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมยาวสลวยสวยเก๋ตามระเบียบ

นั่งรถไฟเพื่อจะไปโรงเรียน เจอหนุ่ม(อีกแล้ว)น่ารักนั่งอยู่ตรงข้าม (ถ้ามีโอกาสมานิวยอร์ค แนะนำสายNนะคะ อาหารตาเยอะจริงๆ) คนนี้ฮียิ้มให้เรานิดๆตอนหันไปสบตากัน เราก็นั่งเขินไป จนกระทั่งต้องลงจากรถไฟ ลืมเรื่องหนุ่มไปสนิทหลังจากที่ดูนาฬิกาแล้วพบว่าอีก5นาทีคลาสจะเริ่มแล้ว เราก็เลยตาลีตาเหลือกวิ่งออกมาจากรถ และเตรียมจ้ำออกจากสถานีเพื่อวิ่งไปโรงเรียน ก็มีเสียงเรียกจากข้างหลังอีก "ขอโทษครับ มิส" แน่นอน พอหันไปมองก็เป็นตานั่นน่ะและ ยืนยิ้มอยู่...ยิ้มไรนักหนาฟะ เขินนะเว้ย จะขอเบอร์ก็รีบขอ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน!!! (สาวมั่น)

ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร ฮีก็ยื่นมือมา แล้วบอกว่า "คุณทำนี่ตกน่ะครับ ผมเก็บมาจากที่พื้น"

ของในมือที่ฮียื่นมา คือแฮร์พีซ1ช่อที่เราคงจะติดไม่ดี มันเลยน่าจะถูกกระเป๋าเกี่ยวหลุดตอนที่เรายกขึ้นมาสะพายก่อนลงจากรถ แล้วจำเพาะเจาะจงว่าฮีต้องเป็นคนเก็บได้ด้วยเนี่ย...

สายตาฮีที่มองมา มันบ่งบอกมากว่าฮีกำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต เราเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ได้แต่ก้มหน้างุด เอื้อมมือไปหยิบช่อผมเจ้ากรรมนั่น พึมพำขอบคุณแล้วเผ่นออกมาอย่างรวดเร็ว ระหว่างกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา เราแอบหันไปมอง สาบานได้ว่าเห็นฮีไปยืนหลบอยู่ข้างเสาและหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย...ขอเถอะ อย่าต้องโคจรมาเจอกันอีกเลยนะ อายจริงๆ


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ต่อไปอย่าทำสีผมบ้าๆบอๆอีก หรือถ้าทำแล้วเละเทะ ก็เกล้ามวยไปเถิด อย่าติดแฮร์พีซถ้าไม่จำเป็นเลย นึกภาพเอาเถอะค่ะ ผู้ชายเดินมา แล้วบอกว่า "ผมคุณหลุด ตกอยู่ตรงนั้นน่ะครับ ผมเก็บได้" แล้วก็เอาอีผมช่อนั้นมายื่นให้ ในวันที่เราพยายามจะสวยสุดๆ มันน่าอายขนาดไหน ฮืออออออออออออออออออออออ



จะว่าไป เรื่องแบบนี้น่าสนใจกว่าเรื่องเพื่อนที่โรงเรียนอีกแฮะ เหอๆๆๆๆๆๆๆ

สุขสันต์วันอาทิตย์นะก๊ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่