ก่อนจะเล่าเรื่องต่อ ต้องขอชี้แจงไว้นิดนึงนะคะ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้วนะคะ เราเอามาเขียนแชร์ให้อ่าน
เพื่อความบันเทิงเท่านั้น ดังนั้นช่วยอย่าดราม่ากันเลย ไม่งั้นมันเล่าต่อไม่ออกจริงๆ จากที่กะว่าจะเขียนให้อ่านกันฮาๆ จะกลายเป็นว่าเขียนอะไรไม่ออก กลัวจะไปทำให้ใครรู้สึกไม่ดีเข้า โอเคน้า ^^ ส่วนหลายๆคนที่เข้ามาให้กำลังใจ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ เรากำลังหัดเขียนเรื่องสั้นอยู่ ถ้ามีอะไรแนะนำเกี่ยวกับงานเขียนก็เชิญเลยนะคะ เราจะได้เอามาปรับปรุงเด้อออออ
จบเรื่องจริงจัง กลับมาโหมดบ้าบอต่อ หุหุหุ
จากตอนที่แล้ว ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ไปตามลิ้งค์นี่ได้เลยค่ะ
http://ppantip.com/topic/31125604
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องบ้าน และ(อาจจะ)เรื่องโรงเรียนให้ฟังแบบคร่าวๆนะคะ ยังไม่ได้เข้าสู่สีรเวรวีรกรรมใดๆ
ก่อนจะมา เราเตรียมตัวหาบ้านอย่างสติแตก เพราะกลัวนู่นกลัวนี่ นิวยอร์คเป็นเมืองใหญ่ มีหลายคนที่เคยมา ก็บอกว่าให้เลือกย่านดีๆ ไม่งั้นก็อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนตัวเราเองไม่อยากเช้าบ้านคนไทย เพราะเรากลัวว่าเราจะเกาะติดอยู่กับกลุ่มคนไทยจนไม่ได้ฝึกภาษา คือบางคนอาจจะแย้งว่า อยู่ก็ฝึกได้ คนเค้าก็พูดกันได้เยอะแยะ แต่เรารู้นิสัยตัวเองดีค่ะว่าเราเป้นคนยังไง ก็เลยตัดปัญหา หารูมเมทฝรั่งเลย จบเรื่อง เหอๆ
ตอนแรกเราหาบ้านจากเครกลิสต์ ซึ่งบอกตรงๆนะ ด้วยความเห็นส่วนตัว เราว่าบ้านที่มาจากเครกลิสต์นั่นน่ากลัวพิกล รูปถ่ายก็มารูปเดียว สองรูป ห้องดูยังไงก็เหมือนรังหนู เคยมีส่งไปถามรายละเอียด ได้อีเมลตอบกลับมาว่า ขอดูรูป สัดส่วน และอายุหน่อย...คือจะให้ไปเป็นรูมเมทหรืออะไรมิทราบยะ!!!!
สุดท้าย ด้วยความช่วยเหลือจากน้องเบนจ๊ะ ที่เราพูดถึงไปเมื่อกระทู้ที่แล้ว เราก็เลยได้เวปเอเจนซี่มา ซึ่งจะต่างกับการหาบ้านเองตรงที่เราจะต้องจ่ายเงินให้กับเอเจนซี่เป็นค่าหาบ้านค่ะ สำหรับเคสเรา เราว่ามันโอเคนะ เพราะเราถือว่าเอเจนมันก็ควรน่าเชื่อถือได้ในระดับนึง และดีกว่าไปสุ่มหาเองแบบมืดบอด โดยเฉพาะตอนนั้นเราก็ยังอยู่เมืองไทยด้วยค่ะ ก็เลยเสี่ยงดวงเอา
พอมาถึงจริงๆ มันก็โอเควึ้ย ถือว่าเราโชคดีจริงๆ ได้ห้องค่อนข้างใหญ่และเฟอร์นิเจอร์ครบ สบายยยยยยยย
ย่านที่เราอยู่ อยู่ในบรู๊คลินค่ะ แต่เป็นย่านที่ไม่ค่อยมีพี่มืด ส่วนมากจะเป็ฯฝรั่ง และค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร อยู่ใกล้ปาร์ค และที่ใกล้กว่านั้นคือป่าช้า 55555 ป่าช้าจริงๆค่ะ แต่ของฝรั่งเค้าเป็นป่าช้าใหญ่และดูเหมือนที่นี่จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยล่ะ เราเองวันไหนว่างๆและอากาศดีๆ เราก็หิ้วหนังสือไปนั่งพิงป้ายหลุมศพอ่านประจำ ขออนุญาตเจ้าของหลุมเรียบร้อยค่ะ เค้าบอกไม่เป็นไร นานๆจะมีเพื่อนมานั่งอ่านหนังสือ หายเหงาไปได้หน่อยนึง (เอ่อ.....)
มาต่อด้วยเรื่องโรงเรียน
โรงเรียนเราเป้นแค่สตูดิโอเดียวเลยค่ะ อยู่แถบกลางเมือง สองบล๊อคก็ถึงเซ็นทรัลปาร์คอันเลื่องชื่อ
วันแรกที่เราไปโรงเรียน จำได้เลยว่าคลาสแรกคือคลาสโยคะ ครูที่สอนเป้นคนเกาหลีค่ะ ชื่อ Hyojin ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นพี่สาวสุดที่รักเราในที่สุด และในโรงเรียนเรา นักเรียนส่วนมากจะเป็นคนญี่ปุ่นซะเกือบจะเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นก็มีเกาหลี รัสเซียบ้างประปราย คนไทยไม่ต้องพูดถึงค่ะ...ถูกใจเรานักแล เพราะหมายความว่าเราแทบจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการดำรงชีวิตแทบจะตลอด24ชั่วโมง
วันนี้อยากจะเริ่มแนะนำตัวละครที่เข้ามามีบทบาทโลดแล่นอยู่ในชีวิตเราซักหน่อย
...เริ่มจากคนแรก อีสเตอร์ และแยน
อีสเตอร์เป็นไดเรคเตอร์โรงเรียนค่ะ ก็เหมือนเป็น ผอ.อะไรทำนองนั้น เป็นเหมือนแม่ของเด็กๆในโรงเรียนทุกคน ใจดี น่ารัก และฮามาก ส่วนแยน เป้นคุณสามีของอีสเตอร์ค่ะ ใจดีพอๆกัน เราเองเรียกแกว่าแด๊ดดี้เลยล่ะ ทั้งคู่จะอยู่โรงเรียนแทบจะตลอดเวลา คอนดูแล จัดการเรื่องเอกสารในบางกรณีให้ และทุกๆวันพฤหัส จะไปซื้อแซนด์วิชซับเวย์มาเลี้ยงที่โรงเรียนด้วย น่ารักจริงๆ
...เฮียวจิน หรือ ฮโยจิน แล้วแต่จะสะกดละกันค่ะ ณ ที่นี่เราขอสะกดง่ายๆว่าเฮียวจิน เนาะ
ครูสอนโยคะ ใจดี น่ารัก เป็นเพื่อนคนแรกของเราที่นี่เลยค่ะ เป็นสาวเกาหลีหุ่นดี ผมยาว ใส่แว่น มารู้ทีหลังวาร้องเพลงเก่งด้วยนาาาา
...ริดชาร์ด
ครูสอนบัลเล่ต์ หนวดเฟิ้ม ชายแท้ แต่งงานแล้ว ใจดีมากกกกกกก คนนี้สอน Very Beginner Ballet ค่ะ
...เคนนี่
คนนี้ตอนแรกเราไมไ่ด้เรียนด้วยเพราะแกสอนแต่คลาสแอดวานซ์ ที่สำคัญคือตอนแรกไม่คิว่าแกจะเป้นครูสอนบัลเล่ต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากหุ่นและลุขแกนี่ดูยังไง้ ยังไง ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเคยเป้นนักบัลเล่ต์ขั้นเทพมาก่อน เพราะแกเป้นผู้ชายหัวหมูหยองกระเซิงๆ อ้วนลงพุง และเอกลักษณ์คือในมือต้องมีเบียร์ตลอดเวลา แต่หลังากนั้นเราไปเสิร์ชกูเกิ้ลดู เห็นรูปแกสมัยหนุ่มๆแล้วก็โอเคจ้ะ...หมดคำถาม...หุ่นแกเป๊ะมากกก และหล่อใช้ได้เลยทีเดียว เวลาและเบียร์เปลี่ยนคนได้ เสียดายจริงๆ...คนนี้ก็แต่งงานแล้วค่ะ 555555
...............
ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่วันนี้เขียนอะไรไม่ได้มาก เพราะเราไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนมา กว่าจะกลับมาก็ดึกมากแล้ว(เด็กไม่ดี) ก็เลยไม่ค่อยเหลือสติสตังจะเขียนอะไรแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ สัญญาว่าครั้งหน้าจะเริ่มเล่าเรื่องวีรกรรมที่ทำไปแล้วให้ฟังจริงๆละค่ะ อาจไม่เรียงลำดับเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่านึกเรื่องไหนออกได้ก่อน 5555
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะก๊ะ ตามอ่าน ให้กำลังใจเก๊าไปเรื่อยๆน้าาาาาา ช่วงนี้มีนู่นนี่เข้ามาทำเอาแอบท้อๆไปบ้างในการใช้ชีวิตค่ะ แต่จะสู้ๆเด้อ จะได้มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะ
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: Life in New York #1
จบเรื่องจริงจัง กลับมาโหมดบ้าบอต่อ หุหุหุ
จากตอนที่แล้ว ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ไปตามลิ้งค์นี่ได้เลยค่ะ http://ppantip.com/topic/31125604
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องบ้าน และ(อาจจะ)เรื่องโรงเรียนให้ฟังแบบคร่าวๆนะคะ ยังไม่ได้เข้าสู่สีรเวรวีรกรรมใดๆ
ก่อนจะมา เราเตรียมตัวหาบ้านอย่างสติแตก เพราะกลัวนู่นกลัวนี่ นิวยอร์คเป็นเมืองใหญ่ มีหลายคนที่เคยมา ก็บอกว่าให้เลือกย่านดีๆ ไม่งั้นก็อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนตัวเราเองไม่อยากเช้าบ้านคนไทย เพราะเรากลัวว่าเราจะเกาะติดอยู่กับกลุ่มคนไทยจนไม่ได้ฝึกภาษา คือบางคนอาจจะแย้งว่า อยู่ก็ฝึกได้ คนเค้าก็พูดกันได้เยอะแยะ แต่เรารู้นิสัยตัวเองดีค่ะว่าเราเป้นคนยังไง ก็เลยตัดปัญหา หารูมเมทฝรั่งเลย จบเรื่อง เหอๆ
ตอนแรกเราหาบ้านจากเครกลิสต์ ซึ่งบอกตรงๆนะ ด้วยความเห็นส่วนตัว เราว่าบ้านที่มาจากเครกลิสต์นั่นน่ากลัวพิกล รูปถ่ายก็มารูปเดียว สองรูป ห้องดูยังไงก็เหมือนรังหนู เคยมีส่งไปถามรายละเอียด ได้อีเมลตอบกลับมาว่า ขอดูรูป สัดส่วน และอายุหน่อย...คือจะให้ไปเป็นรูมเมทหรืออะไรมิทราบยะ!!!!
สุดท้าย ด้วยความช่วยเหลือจากน้องเบนจ๊ะ ที่เราพูดถึงไปเมื่อกระทู้ที่แล้ว เราก็เลยได้เวปเอเจนซี่มา ซึ่งจะต่างกับการหาบ้านเองตรงที่เราจะต้องจ่ายเงินให้กับเอเจนซี่เป็นค่าหาบ้านค่ะ สำหรับเคสเรา เราว่ามันโอเคนะ เพราะเราถือว่าเอเจนมันก็ควรน่าเชื่อถือได้ในระดับนึง และดีกว่าไปสุ่มหาเองแบบมืดบอด โดยเฉพาะตอนนั้นเราก็ยังอยู่เมืองไทยด้วยค่ะ ก็เลยเสี่ยงดวงเอา
พอมาถึงจริงๆ มันก็โอเควึ้ย ถือว่าเราโชคดีจริงๆ ได้ห้องค่อนข้างใหญ่และเฟอร์นิเจอร์ครบ สบายยยยยยยย
ย่านที่เราอยู่ อยู่ในบรู๊คลินค่ะ แต่เป็นย่านที่ไม่ค่อยมีพี่มืด ส่วนมากจะเป็ฯฝรั่ง และค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร อยู่ใกล้ปาร์ค และที่ใกล้กว่านั้นคือป่าช้า 55555 ป่าช้าจริงๆค่ะ แต่ของฝรั่งเค้าเป็นป่าช้าใหญ่และดูเหมือนที่นี่จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยล่ะ เราเองวันไหนว่างๆและอากาศดีๆ เราก็หิ้วหนังสือไปนั่งพิงป้ายหลุมศพอ่านประจำ ขออนุญาตเจ้าของหลุมเรียบร้อยค่ะ เค้าบอกไม่เป็นไร นานๆจะมีเพื่อนมานั่งอ่านหนังสือ หายเหงาไปได้หน่อยนึง (เอ่อ.....)
มาต่อด้วยเรื่องโรงเรียน
โรงเรียนเราเป้นแค่สตูดิโอเดียวเลยค่ะ อยู่แถบกลางเมือง สองบล๊อคก็ถึงเซ็นทรัลปาร์คอันเลื่องชื่อ
วันแรกที่เราไปโรงเรียน จำได้เลยว่าคลาสแรกคือคลาสโยคะ ครูที่สอนเป้นคนเกาหลีค่ะ ชื่อ Hyojin ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นพี่สาวสุดที่รักเราในที่สุด และในโรงเรียนเรา นักเรียนส่วนมากจะเป็นคนญี่ปุ่นซะเกือบจะเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นก็มีเกาหลี รัสเซียบ้างประปราย คนไทยไม่ต้องพูดถึงค่ะ...ถูกใจเรานักแล เพราะหมายความว่าเราแทบจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการดำรงชีวิตแทบจะตลอด24ชั่วโมง
วันนี้อยากจะเริ่มแนะนำตัวละครที่เข้ามามีบทบาทโลดแล่นอยู่ในชีวิตเราซักหน่อย
...เริ่มจากคนแรก อีสเตอร์ และแยน
อีสเตอร์เป็นไดเรคเตอร์โรงเรียนค่ะ ก็เหมือนเป็น ผอ.อะไรทำนองนั้น เป็นเหมือนแม่ของเด็กๆในโรงเรียนทุกคน ใจดี น่ารัก และฮามาก ส่วนแยน เป้นคุณสามีของอีสเตอร์ค่ะ ใจดีพอๆกัน เราเองเรียกแกว่าแด๊ดดี้เลยล่ะ ทั้งคู่จะอยู่โรงเรียนแทบจะตลอดเวลา คอนดูแล จัดการเรื่องเอกสารในบางกรณีให้ และทุกๆวันพฤหัส จะไปซื้อแซนด์วิชซับเวย์มาเลี้ยงที่โรงเรียนด้วย น่ารักจริงๆ
...เฮียวจิน หรือ ฮโยจิน แล้วแต่จะสะกดละกันค่ะ ณ ที่นี่เราขอสะกดง่ายๆว่าเฮียวจิน เนาะ
ครูสอนโยคะ ใจดี น่ารัก เป็นเพื่อนคนแรกของเราที่นี่เลยค่ะ เป็นสาวเกาหลีหุ่นดี ผมยาว ใส่แว่น มารู้ทีหลังวาร้องเพลงเก่งด้วยนาาาา
...ริดชาร์ด
ครูสอนบัลเล่ต์ หนวดเฟิ้ม ชายแท้ แต่งงานแล้ว ใจดีมากกกกกกก คนนี้สอน Very Beginner Ballet ค่ะ
...เคนนี่
คนนี้ตอนแรกเราไมไ่ด้เรียนด้วยเพราะแกสอนแต่คลาสแอดวานซ์ ที่สำคัญคือตอนแรกไม่คิว่าแกจะเป้นครูสอนบัลเล่ต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากหุ่นและลุขแกนี่ดูยังไง้ ยังไง ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเคยเป้นนักบัลเล่ต์ขั้นเทพมาก่อน เพราะแกเป้นผู้ชายหัวหมูหยองกระเซิงๆ อ้วนลงพุง และเอกลักษณ์คือในมือต้องมีเบียร์ตลอดเวลา แต่หลังากนั้นเราไปเสิร์ชกูเกิ้ลดู เห็นรูปแกสมัยหนุ่มๆแล้วก็โอเคจ้ะ...หมดคำถาม...หุ่นแกเป๊ะมากกก และหล่อใช้ได้เลยทีเดียว เวลาและเบียร์เปลี่ยนคนได้ เสียดายจริงๆ...คนนี้ก็แต่งงานแล้วค่ะ 555555
...............
ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่วันนี้เขียนอะไรไม่ได้มาก เพราะเราไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนมา กว่าจะกลับมาก็ดึกมากแล้ว(เด็กไม่ดี) ก็เลยไม่ค่อยเหลือสติสตังจะเขียนอะไรแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ สัญญาว่าครั้งหน้าจะเริ่มเล่าเรื่องวีรกรรมที่ทำไปแล้วให้ฟังจริงๆละค่ะ อาจไม่เรียงลำดับเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่านึกเรื่องไหนออกได้ก่อน 5555
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะก๊ะ ตามอ่าน ให้กำลังใจเก๊าไปเรื่อยๆน้าาาาาา ช่วงนี้มีนู่นนี่เข้ามาทำเอาแอบท้อๆไปบ้างในการใช้ชีวิตค่ะ แต่จะสู้ๆเด้อ จะได้มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะ