ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเหตุการณ์วันนี้ ขอเล่ารายละเอียดคร่าวๆละกันครับ
ผมขี่รถมาจากที่ทำงาน จะรีบไปสอน ไปทางถนนพระราม 9 เกือบถึง The Nine โดยขี่ชิดซ้ายสุด ข้างหน้าเป็นปั๊มเชลล์ ผมก็เลาะซ้ายสุดไปเรื่อยๆ และไม่ได้เร็วด้วย ในขณะที่ผมกำลังจะแซงรถตู้คู่กรณี (แซงมาได้ครึ่งคันแล้ว) อยู่ดีๆรถตู้ก็เลี้ยวซ้ายเข้าปั๊มทันที โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว เบียดผมทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนป้ายปั๊ม
ตอนนั้นผมยอมรับว่าโมโหมาก พร้อมจะตะบันหน้าคู่กรณีได้ทุกเมื่อ เพราะตัวผมเกลียดมาก เกลียดรถยนต์/มอ'ไซต์ ที่ชอบเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว เปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว (ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยมีเรื่องกับทอมกลางถนน เพราะทอมเปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยวจะมาชนผม) และกรณีนี้ ผมไม่ได้ขี่เร็ว และชิดขอบทางด้านซ้ายตามกฏหมาย ยิ่งทำให้ผมโมโห
แต่คู่กรณี เป็นผู้ชายวัยกลางคน (ต่อไปนี้ขอเรียกว่าพี่เค้า) รีบลงมายกมือไหว้ขอโทษ ตอนนั้นผมใจเย็นทันที และรู้สึกว่า ผมไม่น่าใจร้อนเกินไป พี่เค้ายอมรับผิดและขอโทษที่เลี้ยวไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว
ระหว่างที่รอประกัน ผมก็เริ่มสำรวจความเสียหายของรถ แฟริ่งด้านขวาไปทั้งแถบ แฮนด์ขวา กระจกขวา ไฟเลี้ยว ซึ่งพวกนี้ราคาซ่อมคงไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาอยู่ที่ เกียร์โยงและท่อ รวมๆค่าซ่อมแล้วคงเหยียบ 2-30,000
ตอนนั้นเอง ที่แฟนของพี่เค้า ก็เอาเงินมาให้ผม (เห็นแว๊บๆว่าเป็นแบงค์พัน) ซึ่งผมก็ปฏิเสธไม่รับ คือสำหรับผมแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และการชนกันครั้งนี้เค้าก็ไม่ได้ตั้งใจ และที่สำคัญ ผมไม่ได้อยากหาเงินด้วยวิธีแบบนี้ พี่ผู้หญิงเค้าก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมรับเงินให้ได้ ผมก็ปฏิเสธไม่รับ จนสุดท้ายพี่เค้าก็ยอม (ตอนนั้นเราคุยกันดีแล้ว)
พอประกันมา กลับกลายเป็นว่าผมผิด เพราะตามกฏหมายแล้ว กำหนดให้ 1 ช่องจราจรมีรถได้ 1 คันเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นว่าผมผิดที่ขี่แทรกไป กฏหมายไม่มองว่า คู่กรณีเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว ไม่มองว่าคู่กรณีประมาทที่เลี้ยวกระทันหัน ซึ่งว่ากันตามหลักกฏหมายแล้ว ผมผิดเต็มๆ แต่ตามหลักปฏิบัติ ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าใครเป็นฝ่ายประมาท
ตอนนั้นเอง ที่ประกันให้ผมเซ็นว่า 'ยอมรับผิดว่าประมาท' แต่ผมบอกประกันว่า ผมจะเซ็นให้ได้ว่าผมผิด แต่ผมไม่เขียนว่า 'ยอมรับว่าประมาท' เพราะผมไม่ได้ประมาท ผมขี่ด้วยความระวังแล้ว แต่เป็นคู่กรณีที่เป็นฝ่ายประมาท ซึ่งประกันก็แจ้งว่า กรณีที่ผมเป็นฝ่ายผิด ผมต้องเสียค่าซ่อมเบื้องต้น 5,000 บาท
เหมือนพี่คู่กรณีจะได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ จึงไปถามประกันของฝ่ายเค้า แล้วสุดท้าย พี่ผู้ชาย ก็มาใหม่ คราวนี้เอาเงินปึกนึงให้ผม ซึ่งผมก็ปฏิเสธอีก จริงๆแล้ว ผมก็คนๆหนึ่ง แถมเป็นคนจนที่กระแดะขี่บิ๊กไบค์ด้วย เงินเดือนนี่ยังไม่พอค่าซ่อมเลย แต่ผมรับไม่ได้จริงๆ มันเหมือนผมไปปล้นเงินคนอื่น ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
พี่เค้าก็พยายามจะให้ผมรับให้ได้ ผมก็ไม่รับ พี่เค้าคะยั้นคะยอ อ้างทั้งว่าค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมรถ จนสุดท้ายพี่เค้าออกแนว 'พี่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่ให้แล้วต้องรับสิ อีกอย่าง ถ้าไม่รับพี่ไม่สบายใจจริงๆ ที่สำคัญ เงินนี้มันไม่ได้ลำบาก พี่อยากรับผิดชอบ' เพราะคำนี้แหละ ทำให้ผมยอมรับเงินจำนวนนั้นมา (มานับทีหลังตอนถึงบ้าน ถึงเห็นว่าเป็นจำนวน 5,000 บาท)
เหตุการณ์วันนี้มีอะไรหลายอย่างให้ได้เรียนรู้ ผมยังต้องระวังมากขึ้น ลดความประมาทลง แม้ว่าเราทำตามกฏแล้ว แต่กฏหมายห่วยๆก็ทำให้เราเจ็บตัวได้เช่นกัน
ถ้าผมทำผิดกฏหมายโดยการวิ่งขวา เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น..
สุดท้าย
เคยมีคนบอกว่า เมื่อเราขับขี่ไปบนถนน เราต้องพร้อมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องพร้อมยอมรับมัน ไม่ว่าจะเป็นยังไง พี่ผู้ชายคนนั้น เป็นตัวอย่างที่ดี ของการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมชื่นชนที่พี่เค้าควบคุมอารมณ์ได้ ผมไม่ได้ชื่นชมที่พี่เค้าให้เงินผม แต่ชื่นชมที่พี่เค้าแสดงออกถึงความรับผิดชอบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับลูกผู้ชาย
ผมเชื่อว่า ลูกๆในรถทั้ง 3 คนของพี่ จะต้องโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน เพราะครอบครัวของพี่ได้แสดงออกถึงความผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
สุดท้ายจริงๆ ผมยังรู้สึกว่า เงิน 5,000 บาทที่อยู่ในกระเป๋าผม มันไม่สมควรจะได้ มันไม่ใช่เงินที่ผมควรจะได้ มันไม่ใช่เงินที่พี่เค้าควรจะเสีย ผมยังรู้สึกแย่กับเงินจำนวนนี้อยู่ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะคืนเงินพี่เค้าจริงๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนหน้าเงินที่เรียกร้องเอาเงินเวลาเกิดเหตุเลย
เห้อออ
สุดท้าย ขอให้ครอบครัวของพี่(ไม่ได้ถามชื่อ)มีความสุขมากๆครับ อยากให้คนขับรถบนถนนเป็นอย่างพี่ทุกคนจัง (ไม่นับเรื่องการเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยวนะ 555)
ปล.สำหรับคนที่แช่งหรือสะใจที่เห็นคนขี่มอ'ไซต์เกิดอุบัติเหตุ จะบอกว่า เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดหรอกครับ ถ้าทุกคนไม่ประมาท และกรณีนี้ ผมปฏิบัติตามกฏจราจรเกือบทุกอย่างครับ (มีผิดที่แทรก ซึ่งแน่นอน ผมว่าความผิดมันน้อยกว่าการเลี้ยวตัดหน้าไม่เปิดไฟเลี้ยว)
ปล.2 ผมยังคงโคตรเกลียดคนขับรถยนต์/มอไซต์ ที่เลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว เปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว หรือย้อนศร หรือผ่าไฟแดง ฯลฯ
ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีลมหายใจมานั่งพิมพ์ได้ครับ
ปล.3 สุดท้ายจริงๆ ถ้าพี่อ่านอยู่ พี่คงรู้ว่าเป็นพี่ อยากจะบอกว่า ผมขอโทษด้วยครับที่แสดงกิริยาไม่ดีไปตอนแรก และผมรู้สึกแย่กับเงินที่พี่ให้มาครับ ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอคืนเงิน หรือไม่ก็นัดทานข้าวให้ผมเลี้ยงก็ได้ครับ ถ้าพี่อ่านอยู่ หลังไมค์มานะครับ ขอบคุณครับ
ปล ที่เท่าไหร่ไม่รู้ สุดท้ายจริงๆแล้ว รบกวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆช่วยโหวตหน่อยครับ อยากให้สังคมรับรู้เรื่องดีๆในเรื่องแย่ๆ สิ่งที่ผิดพลาดของพี่เค้าและผม สมควรจะเป็นบทเรียน แต่สิ่งที่ดีๆของพี่เค้า ผมว่าควรชื่นชมครับ ผมไม่อยากเอารูปรถพี่เค้าลงนะครับ เพราะเหมือนได้ยินแว่วๆว่าเป็นรถบริษัท (แต่พี่เค้าน่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ไม่ก็เจ้าของบริษัท ไม่ก็มีเงินพอสมควรแหละ) กลัวงานเข้าพี่เค้า
โดนรถยนต์เลี้ยวปาดหน้าไม่เปิดไฟเลี้ยว แต่ขอชื่นชมความรับผิดชอบของคนขับ
ผมขี่รถมาจากที่ทำงาน จะรีบไปสอน ไปทางถนนพระราม 9 เกือบถึง The Nine โดยขี่ชิดซ้ายสุด ข้างหน้าเป็นปั๊มเชลล์ ผมก็เลาะซ้ายสุดไปเรื่อยๆ และไม่ได้เร็วด้วย ในขณะที่ผมกำลังจะแซงรถตู้คู่กรณี (แซงมาได้ครึ่งคันแล้ว) อยู่ดีๆรถตู้ก็เลี้ยวซ้ายเข้าปั๊มทันที โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว เบียดผมทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนป้ายปั๊ม
ตอนนั้นผมยอมรับว่าโมโหมาก พร้อมจะตะบันหน้าคู่กรณีได้ทุกเมื่อ เพราะตัวผมเกลียดมาก เกลียดรถยนต์/มอ'ไซต์ ที่ชอบเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว เปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว (ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยมีเรื่องกับทอมกลางถนน เพราะทอมเปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยวจะมาชนผม) และกรณีนี้ ผมไม่ได้ขี่เร็ว และชิดขอบทางด้านซ้ายตามกฏหมาย ยิ่งทำให้ผมโมโห
แต่คู่กรณี เป็นผู้ชายวัยกลางคน (ต่อไปนี้ขอเรียกว่าพี่เค้า) รีบลงมายกมือไหว้ขอโทษ ตอนนั้นผมใจเย็นทันที และรู้สึกว่า ผมไม่น่าใจร้อนเกินไป พี่เค้ายอมรับผิดและขอโทษที่เลี้ยวไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว
ระหว่างที่รอประกัน ผมก็เริ่มสำรวจความเสียหายของรถ แฟริ่งด้านขวาไปทั้งแถบ แฮนด์ขวา กระจกขวา ไฟเลี้ยว ซึ่งพวกนี้ราคาซ่อมคงไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาอยู่ที่ เกียร์โยงและท่อ รวมๆค่าซ่อมแล้วคงเหยียบ 2-30,000
ตอนนั้นเอง ที่แฟนของพี่เค้า ก็เอาเงินมาให้ผม (เห็นแว๊บๆว่าเป็นแบงค์พัน) ซึ่งผมก็ปฏิเสธไม่รับ คือสำหรับผมแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และการชนกันครั้งนี้เค้าก็ไม่ได้ตั้งใจ และที่สำคัญ ผมไม่ได้อยากหาเงินด้วยวิธีแบบนี้ พี่ผู้หญิงเค้าก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมรับเงินให้ได้ ผมก็ปฏิเสธไม่รับ จนสุดท้ายพี่เค้าก็ยอม (ตอนนั้นเราคุยกันดีแล้ว)
พอประกันมา กลับกลายเป็นว่าผมผิด เพราะตามกฏหมายแล้ว กำหนดให้ 1 ช่องจราจรมีรถได้ 1 คันเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นว่าผมผิดที่ขี่แทรกไป กฏหมายไม่มองว่า คู่กรณีเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว ไม่มองว่าคู่กรณีประมาทที่เลี้ยวกระทันหัน ซึ่งว่ากันตามหลักกฏหมายแล้ว ผมผิดเต็มๆ แต่ตามหลักปฏิบัติ ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าใครเป็นฝ่ายประมาท
ตอนนั้นเอง ที่ประกันให้ผมเซ็นว่า 'ยอมรับผิดว่าประมาท' แต่ผมบอกประกันว่า ผมจะเซ็นให้ได้ว่าผมผิด แต่ผมไม่เขียนว่า 'ยอมรับว่าประมาท' เพราะผมไม่ได้ประมาท ผมขี่ด้วยความระวังแล้ว แต่เป็นคู่กรณีที่เป็นฝ่ายประมาท ซึ่งประกันก็แจ้งว่า กรณีที่ผมเป็นฝ่ายผิด ผมต้องเสียค่าซ่อมเบื้องต้น 5,000 บาท
เหมือนพี่คู่กรณีจะได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ จึงไปถามประกันของฝ่ายเค้า แล้วสุดท้าย พี่ผู้ชาย ก็มาใหม่ คราวนี้เอาเงินปึกนึงให้ผม ซึ่งผมก็ปฏิเสธอีก จริงๆแล้ว ผมก็คนๆหนึ่ง แถมเป็นคนจนที่กระแดะขี่บิ๊กไบค์ด้วย เงินเดือนนี่ยังไม่พอค่าซ่อมเลย แต่ผมรับไม่ได้จริงๆ มันเหมือนผมไปปล้นเงินคนอื่น ทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
พี่เค้าก็พยายามจะให้ผมรับให้ได้ ผมก็ไม่รับ พี่เค้าคะยั้นคะยอ อ้างทั้งว่าค่าเสียเวลา ค่าทำขวัญ ค่าซ่อมรถ จนสุดท้ายพี่เค้าออกแนว 'พี่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่ให้แล้วต้องรับสิ อีกอย่าง ถ้าไม่รับพี่ไม่สบายใจจริงๆ ที่สำคัญ เงินนี้มันไม่ได้ลำบาก พี่อยากรับผิดชอบ' เพราะคำนี้แหละ ทำให้ผมยอมรับเงินจำนวนนั้นมา (มานับทีหลังตอนถึงบ้าน ถึงเห็นว่าเป็นจำนวน 5,000 บาท)
เหตุการณ์วันนี้มีอะไรหลายอย่างให้ได้เรียนรู้ ผมยังต้องระวังมากขึ้น ลดความประมาทลง แม้ว่าเราทำตามกฏแล้ว แต่กฏหมายห่วยๆก็ทำให้เราเจ็บตัวได้เช่นกัน
ถ้าผมทำผิดกฏหมายโดยการวิ่งขวา เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น..
สุดท้าย
เคยมีคนบอกว่า เมื่อเราขับขี่ไปบนถนน เราต้องพร้อมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องพร้อมยอมรับมัน ไม่ว่าจะเป็นยังไง พี่ผู้ชายคนนั้น เป็นตัวอย่างที่ดี ของการรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมชื่นชนที่พี่เค้าควบคุมอารมณ์ได้ ผมไม่ได้ชื่นชมที่พี่เค้าให้เงินผม แต่ชื่นชมที่พี่เค้าแสดงออกถึงความรับผิดชอบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับลูกผู้ชาย
ผมเชื่อว่า ลูกๆในรถทั้ง 3 คนของพี่ จะต้องโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน เพราะครอบครัวของพี่ได้แสดงออกถึงความผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
สุดท้ายจริงๆ ผมยังรู้สึกว่า เงิน 5,000 บาทที่อยู่ในกระเป๋าผม มันไม่สมควรจะได้ มันไม่ใช่เงินที่ผมควรจะได้ มันไม่ใช่เงินที่พี่เค้าควรจะเสีย ผมยังรู้สึกแย่กับเงินจำนวนนี้อยู่ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะคืนเงินพี่เค้าจริงๆ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนหน้าเงินที่เรียกร้องเอาเงินเวลาเกิดเหตุเลย
เห้อออ
สุดท้าย ขอให้ครอบครัวของพี่(ไม่ได้ถามชื่อ)มีความสุขมากๆครับ อยากให้คนขับรถบนถนนเป็นอย่างพี่ทุกคนจัง (ไม่นับเรื่องการเลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยวนะ 555)
ปล.สำหรับคนที่แช่งหรือสะใจที่เห็นคนขี่มอ'ไซต์เกิดอุบัติเหตุ จะบอกว่า เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดหรอกครับ ถ้าทุกคนไม่ประมาท และกรณีนี้ ผมปฏิบัติตามกฏจราจรเกือบทุกอย่างครับ (มีผิดที่แทรก ซึ่งแน่นอน ผมว่าความผิดมันน้อยกว่าการเลี้ยวตัดหน้าไม่เปิดไฟเลี้ยว)
ปล.2 ผมยังคงโคตรเกลียดคนขับรถยนต์/มอไซต์ ที่เลี้ยวไม่เปิดไฟเลี้ยว เปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว หรือย้อนศร หรือผ่าไฟแดง ฯลฯ
ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีลมหายใจมานั่งพิมพ์ได้ครับ
ปล.3 สุดท้ายจริงๆ ถ้าพี่อ่านอยู่ พี่คงรู้ว่าเป็นพี่ อยากจะบอกว่า ผมขอโทษด้วยครับที่แสดงกิริยาไม่ดีไปตอนแรก และผมรู้สึกแย่กับเงินที่พี่ให้มาครับ ถ้าเป็นไปได้ อยากจะขอคืนเงิน หรือไม่ก็นัดทานข้าวให้ผมเลี้ยงก็ได้ครับ ถ้าพี่อ่านอยู่ หลังไมค์มานะครับ ขอบคุณครับ
ปล ที่เท่าไหร่ไม่รู้ สุดท้ายจริงๆแล้ว รบกวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆช่วยโหวตหน่อยครับ อยากให้สังคมรับรู้เรื่องดีๆในเรื่องแย่ๆ สิ่งที่ผิดพลาดของพี่เค้าและผม สมควรจะเป็นบทเรียน แต่สิ่งที่ดีๆของพี่เค้า ผมว่าควรชื่นชมครับ ผมไม่อยากเอารูปรถพี่เค้าลงนะครับ เพราะเหมือนได้ยินแว่วๆว่าเป็นรถบริษัท (แต่พี่เค้าน่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ไม่ก็เจ้าของบริษัท ไม่ก็มีเงินพอสมควรแหละ) กลัวงานเข้าพี่เค้า