เจ้าหน้าที่กสิกรไทยหลอกขายประกันให้คนแก่

บ้านผมโดนกสิกรไทยหลอกขายประกันเมืองไทยประกันชีวิต  บ้านผมอยู่ปราจีนรบุรี อ.ศรีมโหสถ เมื่อเดือนมีนาคม 2556  โดนเจ้าหน้าที่กสิกรไทย สาขา อ.ศรีมโหสถ  ไปหาถึงที่บ้านเลย ซึ่งมีแต่อาผมอายุ 74 แล้วอยู่บ้านกับน้องสาวที่มาพักจากต่างประเทศ เข้าไปขายประกันแล้วบอกว่าเป็นการออมเงินได้ผลตอบแทนสูง แต่เนื่องจากอาผม อายุเกินแถมมีโรคประจำตัว เป็นทั้งหัวใจ/ความดัน/กระดูกเสื่อม ต้องหาหมอทุกเดือน เจ้าหน้าที่ก็เลย เอาชื่อน้องสาวอาผมอายุ 60 กว่าซึ่งปกติจะอยู่ต่างประเทศซึ่งมาเที่ยวเมืองไทยหาพี่สาวพอดี ใส่ไปแทนเป็นผู้เอาประกัน โดยเอาชื่ออาผมเป็นคนรับผลประโยชน์ แบบประกัน 90/5 ไม่ได้ทำแค่ 1กรมธรรม์นะครับ ออกมา 2 กรมธรรม์  เหมือนกันเลยครับ 90/5 ทุนประกัน 1,700,000 และ 1,785,000 ส่งเบี้ยปีละ 317,781 และ 346,380  รวมทั้งสองกรมธรรม์เป็นเงินปีละ 664,161 บาท  อาผมบอกว่าไม่เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นประกัน บอกว่าออมเงิน ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากประจำ จะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ จนเรื่องราวร่วงเลยมา ผมก็เพิ่งทราบเรื่อง ตอนจะไปเบิกเงิน เพราะแกจะเอาเงินไป รักษาโรคกระดูกเสื่อมที่กรุงเทพ ถึงรู้ว่าเงินที่จ่ายไปนั้น กลายเป็นเงินประกัน เมื่อวันก่อน เจ้าหน้าที่ bank เข้ามาหาอาผมที่บ้าน บอกถ้าจะยกเลิก ตอนนี้ได้เงินคืนแต่ แสนกว่าบาท ส่วน ที่เหลือเอาคืนไม่ได้ ดูเค้าพูดสิครับ หน้านิ่งๆ ซึ่งผมคงไม่ยอม  พวกคุณมาหลอกให้คนแก่ทำประกัน แบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่รักษาภาพลักษณ์ธนาคาร คนต่างจังหวัด เค้าเชื่อใจเจ้าหน้าที่ธนาคาร บอกอะไรเค้าก็เชื่อ ไปบอกเค้าว่าเป็นเงินออม ที่ไหนได้เป็นประกัน แถมพูดแต่ข้อดีได้เงินสูงแบบนั้นแบบนี้  แทนที่เค้าจะเอาเงินไปรักษาตัวเวลาที่เค้าเจ็บป่วย กลับต้องมาเสียเงินเบี้ยประกัน อีกหน่อยคนในพื้นที่ ที่ไหนจะไปเชื่อธนาคารนี้ได้ ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องผมได้ยื่นหนังสือกับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์ ท้งสองฉบับที่ออกมาผิดวัตถุประสงค์ และเจ้าหน้าที่บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตก็ได้รับเรื่อง และจะพิจารณาคืนเบี้ยประกันให้ แต่จนบันนี้เรื่องยังเงียบ ไม่มีวี่แวว ว่าจะได้รับเงินคืนแต่อย่างใด ซึ่งหากยังนิ่งเฉยผมคงต้องยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ) และ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป และคงต้องขอความเป็นธรรมจากสื่ออื่นๆ จะได้เป็นตัวอย่างในเรื่องเล่าเช้านี้กันไปเลยว่า อย่าได้ไปหลงเชื่อหลวมตัวทำประกันกับธนาคารอีก ผมว่าต่อไปธนาคารน่าจะตั้งโต๊ะหน้าธนาคารขายประกันให้เป็นเรื่องเป็นราวกันไปเลย เวลาคนมาทำธุรกรรมจะได้ไม่เข้าใจผิด เอาให้มันแน่ๆไปเลย ช่องไหนฝากเงิน ช่องไหนทำประกัน และหลังจากที่เกิดเรื่องเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย ได้นำเอกสารยกเลิกบัตร wisdom มาให้อาผมเซ็นยกเลิก แต่ก็ไม่ได้นำเนินการติดตามช่วยเหลือในเรื่องของเบี้ยประกันที่เสียไปแต่อย่างใด ไม่เหมือนตอนจะให้ทำนะครับ มาวันเว้นเว้นวัน พอมีเรื่อง หายเงียบกันไปหมด K888 ที่เคยเข้ามารับเรื่องไปก็เงียบหาย หรือว่า รอให้กระทู้มันตกไปวันๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
มันเป็นโฆษณาแบบนี้อยู่เสมอแหละครับ ทุกธนาคารผมเจอมาก็เป็นแบบนี้ เค้าจะยกเรื่องหลักๆสาม เรื่องนี้มีมาชูโรงขายเป็นเหตุผลงี่เง่าสุดๆ เหมือนเอาประโยชน์ของเงินฝาก มาใส่ในประกัน ธนาคารมักจะพูดแต่ด้านดีๆแต่ประกันพวกนี้ก็มีอีกด้านแย่ๆอยู่ เป็นยังไงมาดูกัน
1. เป็นเงินออม  มันก็เป็นการออมจริงแหละครับ"เป็นที่เก็บเงิน" ก็คือ ให้เราส่งเงินเบี้ยประกันเข้าไป แล้วสิ้นสุดก็ได้เงิน คืนเป็นก้อนพร้อมดอก  "แต่" เบื้องหลังคือ ออมแบบประกันเนี่ยะ มันต้องส่งให้ครบไง มันไม่ใช่เงินออมในความหมายทั้งหมดเพราะ เงินออมจริงๆมันต้องเอามาใช้ในยามฉุกเฉินได้ ถ้าออมแล้วกุถอนมาใช้ยามฉุกเฉินไม่ได้จะออมเพื่อ เอาออกก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะมันคือเบี้ยประกัน นี่คือข้อมูลที่ พนักงงานปิดปากเงียบ เหรียญมี 2 ด้านแต่กุพูดด้านดีไว้ก่อน
2. ผลตอบแทน สูงงงงงงงงงงงงง สูงพร่องงงงง  พนักงานจะชอบเอา เงินก้อนสุดท้าย มาเทียบเปอร์เซ็นกับเบี้ยประกัน จะเห็นว่า สูง 20 - 30%  แต่ ข้อมูลที่ปกปิดคือ พวกประกันออมพวกนี้นะ ส่วนมาก อย่างน้อยๆก็ใช้เวลา 7 ปีขึ้นไป ซึ่งถ้านำผลตอบแทน มาเทียบ % เป็นปีแล้ว จะเหลืออยู่แค่ปีละ 1-2% เท่านั้นเอง น้อยมากๆ และเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ที่ปีละ 3%(ของแพงขึ้นเฉลี่ยปีละ 3%) ทำให้เงินที่คุณได้กลับคืนตอนครบเบี้ยประกัน น้อยกว่ามูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันเสียอีก
3. หักลด หย่อนภาษีได้ จริงตามที่ซื้อ...... คุณรู้หรือเปล่าว่า ถึงไม่มีประกันก็สามารถหักลดหย่อนได้มากมาย จะยกตัวอย่างให้ดู
     3.1 ถ้าคุณเป็นคน โสด หักค่าใช้จ่ายได้ 40% ของรายได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท หักลดหย่อนผู้มีเงินได้อีก 30,000 เท่ากับคุณต้องมี เงินได้เฉลี่ยเกิน 20,000 บาทต่อเดือน ถ้าซื้อ กองทุน LTF คุณหักลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้  พวกนี้จะดีกว่าประกัน คือเวลาถือครองสั้นกว่า ต้องถือไว้ ห้าปี ปฏิทิน ซื้อ 31 ธันวา พรุ่งนี้ 1 มกรา ก็ถือว่า ซื้อไว้แล้ว 1 ปี และขายง่ายขายคล่องกว่าเปอร์เซ็นเงินหายน้อยกว่าพวกประกัน (ขึ้นอยู่กับราคาหน่วยลงทุน ถ้าซื้อประเภทความเสี่ยงต่ำราคาจะไม่ค่อยสวิงเท่าไหร่)  พอคิดแล้วก็ต้องมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาน 24,000 บาท ถ้าคุณมีการผ่อนบ้านผ่นรถดอกเบี้ยก็สามารถมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง ประกันสังคมก็หักได้ตามที่จ่ายไปจริง เพดานเงินได้ที่ต้องเสียภาษีก็จะเพิ่มไปอีก  อาจจะต้องได้เดือนละ 27,000 ขึ้นไปจึงจะต้องเสียภาษี
     3.2 ถ้าคุณสมรส ถ้าคู่สมรสของคุณไม่มีงานทำหักได้ 30,000 ถ้ามีงานทำมีเงินได้ส่วนนี้ใช้หักไม่ได้ ถ้ามีบุตรเรียนอยู่หักได้คนละ 17,000 สูงสุดหักได้3คน แสดงว่าคุณต้องมีเงินเดือน 28,000 ขึ้นไป ถ้ามีลูก1 คน ถ้ามีสามคนเลย ก็ต้องมีเงินได้เฉลี่ย เดือน 31,000 ขึ้นไปจึงจะเสียภาษี ถ้าผ่อนบ้านผ่อนรถดอกเบี้ย ลดหย่อนประกันสังคมด้วยอีก ก็โน่นแหละคับ ประมาณ 37,000 ต่อเดือน
  ดังนั้น คุณต้องมีเงินได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ข้อนข้างสูงนะครับ จึงจะต้องไปพึ่งประกันในการหักลดหย่อน นี่ยังไม่รวมว่าถ้าพ่อแม่ไม่มีงานทำอายุ 60 ขึ้นไปสามารถหักลดหย่อนได้ อีกนะครับเหอๆ ลองคิดดูทำงานขนาดไหนกว่าคุณจะได้เงินขนาดนั้นถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาอายุก็ต้องมากอยู่กว่าจะเริ่มซื้อประกัน แถมซื้อประกันจำพวก ประกันสุขภาพ ยังจะดีกว่ามาซื้อประกันตายซะอีกหักลดหย่อนได้เหมือนกัน

แล้วประกันพวกนี้ข้อเสียคือ คนทำถ้า เคลมก็ไม่ได้ใช้ เพราะเป็นประกันตาย ไม่ตาย ไม่ได้เงินเคลม............................!!!

เหล่านี้เป็นข้อมูลเบื่องหลังที่ถูกปิดบังไว้ภายใต้ คำพูดสวยหรูของ พนักงานขายประกันครับ...................."แต่" จะโทษ คนขายอย่างเดียวก็ไม่ได้ต้อง"ด่าธนาคาร" ด้วยครับ พนักงานน่าเห็นใจเพราะได้ยอดมาก็ต้องขายให้ได้ ไม่ได้ก็โดนด่า โดนว่า โดนกดดัน ให้ออก เป็นใคร ใครก็ไม่อยากออกก็ต้องทำให้ได้ ไอ่ ธนาคารตะหาก คิด Product โง่ๆเอาเปรียบผู้บริโภคออกมาได้ยังไง แล้วก็เอามายัดให้พนักงานไปขาย อย่างน้อยผลตอบแทนให้มันคุ้มเงินเฟ้อก็ยังดี หรือถ้าไม่คุ้ม ก็มีอะไรเพิ่มมาซักหน่อย ให้มันดูสมเบี้ยประกันเถอะเบี้ยแต่ละอันเป็นแสนๆ นี่อะไร ตายอย่างเดียวจะเคลมได้ ไม่ตายได้เงินคืนก็ไม่คุ้มเงินเฟ้อเลย ประกันมีแต่เสีย แล้วยังมีหน้าชะม้อยบอกว่า เป็นเงินออม ผลตอบแทนสูงอีก เพลียใจกับธนาคารจิงๆ

ปล.หวังว่าท่านที่มาเห็นคอมเม้นผมจะได้รับความรู้และความกระจ่างไม่มากก็น้อยนะครับ จะก๊อปไปก็ไม่ว่าครับยินดีตีแผ่ ว่างๆอยาก จะถ่ายเงื่อนไขประกันแต่ละธนาคารมาเฉาะเหมือนกัน เห็นหลายรอบแล้วเข้าธนาคารทีไรนึกว่าไปบริษัทประกัน.......เพลียมาก
ความคิดเห็นที่ 23
พวกนี้มันชอบโทรมาทางตอระสับด้วยน่ะ

พนักงาน " อาโหล อยากเรียนเชิญ การออมทรัพย์ในรูปแบบใหม่......."
ผม  " คุณ จะให้ผมด่า ตอนนี้ หรือว่า ฟัง คุณพูดแล้วค่อยด่า หา  อีห่า.........."
พนักงาน " ตู๊ด ตู๊ด ......."
ผม "เออ แค่นี้แหล่ะ แล้วอย่าสะแหลน โทรมาอีกน่ะ"

เรียบ ง่าย สั้นๆๆ ฉับไว
ความคิดเห็นที่ 19
ยืนยันว่า  ทุกธนาคาร ...ชอบหลอกลูกค้าว่า   "ออมทรัพย์ ผลตอบแทนดีกว่า"   แต่จริงๆ คือ "ประกัน"
โดนมาทุกแบงก์ ทุกสาขา....ไม่อยากเหยียบไปที่สาขาเลย (ทุกวันนี้ใช้ เน็ตแบงกิ้ง)

วันก่อนไปถอนเงิน 5ล้าน  ทั้งสาขา โยนไม้กัน ล๊อบบี้ ให้ลงทุน กองทุนรวมไม่เสี่ยงเล้ยยยย  (แต่ลงทุนประเทศเสี่ยงๆทั้งนั้น ในช่วงที่ค่าเงินแปรปรวนมากๆ ในหลายเดือนนี้)
ตามด้วยฝากประจำ  ฝากพิเศษ  ฝากๆๆ   สารพัดโปรดักส์ บ้าบอคอแตก
จบด้วย ผู้จัดการ  บอก ออมทรีพย์พิเศษ   แต่ก็เป็นประกัน ...เราเลยบ่นดังๆเลยว่า  "นี่คือ ประกัน  มันคือออมทรัพย์ตรงไหนคะ??"
พนักงานก็ยังอ้ำๆอึ้งๆว่า  ....เงินสด 5 ล้านไม่มีค่ะ ....เราบอกว่า  เราต้องการเงินสด  ไม่เอาโปรดักส์ใดๆ

จบก็หาเงินมาให้ได้ 5ล้าน  แต่ใช้เวลาฟังโปรดักส์บ้าบอ 1ชั่วโมง
คนที่ไม่ทันเค้า  ก็คงเสียเงินไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 50
ผมว่าควรจะฟ้องครับ จะได้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนอื่นๆด้วย
ตัวพนักงานก็ไม่น่าทำแบบนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูที่ธนาคารด้วย
เพราะตัวธนาคารเองก็บีบใช่ย่อย เพราะมันผลประโยชน์ทั้งนั้น ธนาคารขายได้ก็ได้กิน% ทีนี้พวกระดับสูงก็ลงมาบีบพวกชั้นล่างอีกที ชั้นล่างไม่ทำก็โดนบีบขายไม่ได้ก็โดนบีบ จนบางคนทนไม่ไหวลาออกหรือตายไปเลยก็มี เพราะผมรู้จักอยู่หลายคน เป็นพนักงานแบงค์ ขายประกันไม่ได้ก็โดนบีบ บีบนู้นบีบนี่ จนเครียดเส้นเลือดในสมองแตกตายไปเลยก็หลายคนอยู่ แต่เรื่องที่น่าสงสารคืออะไรรู้ไหมครับ พนักงานพวกนี้แทบไม่มีสวัสดิ์การอะไรเลย(ถ้าจะให้ดีเรียกว่าไม่มีเลยดีกว่า) เพราะเท่าที่รู้ว่า อย่างในรายคนที่ผมรู้จักคนนึง เป็นเส้นเลือดในสมองแตก นอนรักษาที่ รพ. ธนาคารไม่ออกเงินช่วยเหลือสักแดงเดียว จนวันที่ตาย ที่ได้มาคือ พวงหรีด จาก ธนาคาร มาแค่ 1 พวงครับ และสาเหตุที่เส้นเลือดแตกคือมาจากโรคเครียดครับ
ประเด็นที่2
ถ้าเราฟ้อง เราจะได้ช่วยเหลือพนักงานที่เหลือด้วยครับ เพราะ ว่าการขายๆประกันที่ทำๆอยู่มันไม่ได้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ธนาคารครับ
แต่การขายประกันที่ทำๆอยู่ทุกวันนี้จนเป็นล่ำเป็นสัน เนี่ย จน เดี๋ยวนี้เวลาเดินเข้าธนาคารนึกว่าเดินเข้าบริษัทประกัน กำไรเกือบครึ่งที่ตกลงกับบริษัทประกัน เข้ากระเป๋าธนาคารไม่นับเบี้ยรายทางอีกนะครับที่ว่าจะแวะไปหาระดับสูงคนไหนบ้าง เค้าถึงบีบ  อย่างที่เห็นทุกวันนี้

ผมว่า ถ้าเราจะยุติวงจรอุบาท์นี้สักทีก็คงต้องเริ่มจากการที่ไม่นิ่งเฉยและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปก่อนละครับ เพราะถ้าหลายๆคนหลายๆเสียงช่วยกัน  แจ้งเข้าแบงค์ชาติด้วย ออกสื่อด้วยอะไรด้วย ผมว่าสักวันนึงวงจรอุบาท์นี้คงหมดไปจากสังคมไทยสักทีละครับ

ปล. 1.ผมไม่ใช่พนักงานแบงค์นะครับ  แต่พอดีฟังมาเยอะจากทั้ง2ผ่าย    ลูกค้าและพนักงาน
      2.จากหัวข้อกระทู้ พนักงานคนนั้นก็ทำผิดจริงครับ ไม่ควรจะปล่อยไว้เช่นกัน เพราะถือเป็นการบิดเบือนข้อมูลต่อผู้บริโภค

ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่