วันนี้ฝนตกอย่างแรง จนจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว ตกตั้งแต่เมื่อคืนละ แต่แปลกเมื่อวานนี้รู้สึกท้องฟ้ามันแจ่มใสมากๆ ตอนนี้หมู่บ้านเราน้ำท่วม(ถนน) เราอยู่คลองสาม ปทุมธานี ถ้าน้ำท่วมปีนี้จะไหนกัน วางแผนกันยังค่ะ ส่วนตัวเราและครอบครัวจะไม่ไปค่ะ จะไม่ดิ้นทุรนทุรายเหมือนปีก่อนนั้นแล้ว
เพราะยิ่งอยู่เฉยๆยิ่งเครียด เสียเงินเสียทองหาบ้านเช่า แล้วก้อนอนใช้เงินไปวันๆ บัตรเครดิตตอนน้นผัวอิฉันรูดปืดรูดปืด ปาไปแสนกว่า
แทบจะบ้าตาย ก้อจะอยู่ไปแบบท่วมๆนี่แหละ ดิ้นไปก้อเท่านั้น
ตอนนั้นจะเล่าให้ฟัง น้ำท่วมบ้านเกือบถึงหน้าอกตรงถนนหน้าบ้าน ในบ้านก้อเอว มันคือครั้งแรกในชีวิตที่ลำบากแสนสาหัส ตอนน้ำมันขึ้นวันเดียวเองค่ะ มันขึ้นแซกมาตรงรอยร้าวถนนกับท่อ หมู่บ้านเราคือหมูในแซนวิส เพราะหมู่บ้านติดกันสองหมู่บ้านที่เป้นขนมปังมันท่วมไปแล้ว
เราเห็นน้ำขึ้นบนถนนตอนนั้นไม่มีฝนตกซักหยดน้ำมันผุดมาจากดิน ก้อบอกที่บ้านให้เก็บของเอาใส่รถแล้วก้อขับไปบ้านญาติที่ลำลูกกา ไปนอนบ้านญาติที่ลำลูกกา 1 คืนค่ะ น้ำมันเข้าเหมือนกัน เปี๊ยบ ที่บ้านเลยบอกว่าไปกันเถอะ ไปตายเอาดาบหน้าไปนอนในมหาลัยคลองหก 1 คืนน้ำเข้าอีกลักษณะเดียวกัน ก้อบอกไปกันเหอะไปตายเอาดาบหน้า ตอนเรานอนอยู่ศูนย์คลองหกแม่เราได้ยินเสียงน้ำมันไหลทะลุออกมาจากคันกั้นดินทั้งคืน เราทุกคนได้ยินนอนไม่หลับชีวิตบตซบสุดๆ (ลืมบอกไปตอนนั้น มีเรา สามี แม่เล็ก,แม่ใหญ่(ป้า) หลานลูกน้อง พี่สาว น้องสาว 7 คนอะที่เราต้องดูแล และรถ2คัน เรากับแฟนคนละคันและหม้อไห น้ำปูน น้ำปลา ) อะเราก้อออกเดินทางวันรุ่งขึ้นด้วยความโด่ดเดี่ยว ที่แสนเจ็บปวดเคว้งคว้าง ไม่รู้ไปทางไหนดี ไปนครนายกก้อกลัวเขื่อนแตก ไปทางชลบุรี เราคุยกันขำตลอดทาง แต่ในใจทุกคนกำลังร้องไห้ เดินทางไปจบอยู่ชลบุรี ขับรถเขาไปบิ๊กซีถอนเงิน แล้วก้ออะตั้งหลักที่นี่แหละ ตอนนี้ชลบุรีคนคับคั่ง รถเยอะมาก เราคิดว่าน่าจะปลอดภัย เรากับแฟนไปหาบ้านเช่าให้แม่ไปที่ไหนๆก้อเต็ม ขับรถมั่วไปเรื่อยไปชายหาด มันไม่สวยเลยตอนนั้น จำได้ว่าถ้าเรามาที่นี่พอลงรถทุกคนจะร่าเริงเพราะนั่นมันคือการมาเที่ยวแต่นี่เราหนีตายกันนี่หว่า ไปเจออยู่ที่นึง เป็นห้องแถวเดือน1800 ทุกคนดีใจมากเรารอดตายแล้ว มีที่ซุกหัวนอนละ ก้อจัดแจงสิ่งของลง อยู่นั้นประมาณเกือบสามเดือน อยู่ด้วยความเศร้าชีวิตไร้จุดหมาย เราก้อตั้งวิ่งรถกลับมาทำงาน เพราะที่ทำงานน้ำไม่ท่วม ตอนนั้นสภาพถนนหนทาง ผู้คน มันเหมือนในหนังมาก เราไม่เคยคิดว่าเราจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้ วันที่เราพาแม่กลับบ้าน เราขับรถน้ำตาจะไหลตลอดทางบอกไม่ถูก ได้แต่บอกตัวเองให้แข้มเข็งไว้ เรายังไม่ตาย พอกลับมาบ้านมันเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ข้าวของเสียหาย เราไม่เสียดาย ดีใจที่ได้กลับมา ตอนนี้มันก้อรู้สึกกลัวๆบอกไม่ถูกเห็นฝนตกขนาดนนี้ ถ้าเข้าตาจน เราบอกให้ทุกคนทำใจ และอยู่บ้านนี่แหละ แม่ก้อซื้อข้าวไว้ ส่วนหลานช่วงนี้ปิดเทอมส่งไปหาปู่ย่า คนที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ เราได้แต่ภาวะนาไม่ให้มันท่วม ก้อทำได้แค่นี้ สำหรับคนเล็กๆอย่างพวกเรา
ถ้าปีนี้น้ำท่วมจะไปอยู่ไหนกันค่ะ
เพราะยิ่งอยู่เฉยๆยิ่งเครียด เสียเงินเสียทองหาบ้านเช่า แล้วก้อนอนใช้เงินไปวันๆ บัตรเครดิตตอนน้นผัวอิฉันรูดปืดรูดปืด ปาไปแสนกว่า แทบจะบ้าตาย ก้อจะอยู่ไปแบบท่วมๆนี่แหละ ดิ้นไปก้อเท่านั้น
ตอนนั้นจะเล่าให้ฟัง น้ำท่วมบ้านเกือบถึงหน้าอกตรงถนนหน้าบ้าน ในบ้านก้อเอว มันคือครั้งแรกในชีวิตที่ลำบากแสนสาหัส ตอนน้ำมันขึ้นวันเดียวเองค่ะ มันขึ้นแซกมาตรงรอยร้าวถนนกับท่อ หมู่บ้านเราคือหมูในแซนวิส เพราะหมู่บ้านติดกันสองหมู่บ้านที่เป้นขนมปังมันท่วมไปแล้ว
เราเห็นน้ำขึ้นบนถนนตอนนั้นไม่มีฝนตกซักหยดน้ำมันผุดมาจากดิน ก้อบอกที่บ้านให้เก็บของเอาใส่รถแล้วก้อขับไปบ้านญาติที่ลำลูกกา ไปนอนบ้านญาติที่ลำลูกกา 1 คืนค่ะ น้ำมันเข้าเหมือนกัน เปี๊ยบ ที่บ้านเลยบอกว่าไปกันเถอะ ไปตายเอาดาบหน้าไปนอนในมหาลัยคลองหก 1 คืนน้ำเข้าอีกลักษณะเดียวกัน ก้อบอกไปกันเหอะไปตายเอาดาบหน้า ตอนเรานอนอยู่ศูนย์คลองหกแม่เราได้ยินเสียงน้ำมันไหลทะลุออกมาจากคันกั้นดินทั้งคืน เราทุกคนได้ยินนอนไม่หลับชีวิตบตซบสุดๆ (ลืมบอกไปตอนนั้น มีเรา สามี แม่เล็ก,แม่ใหญ่(ป้า) หลานลูกน้อง พี่สาว น้องสาว 7 คนอะที่เราต้องดูแล และรถ2คัน เรากับแฟนคนละคันและหม้อไห น้ำปูน น้ำปลา ) อะเราก้อออกเดินทางวันรุ่งขึ้นด้วยความโด่ดเดี่ยว ที่แสนเจ็บปวดเคว้งคว้าง ไม่รู้ไปทางไหนดี ไปนครนายกก้อกลัวเขื่อนแตก ไปทางชลบุรี เราคุยกันขำตลอดทาง แต่ในใจทุกคนกำลังร้องไห้ เดินทางไปจบอยู่ชลบุรี ขับรถเขาไปบิ๊กซีถอนเงิน แล้วก้ออะตั้งหลักที่นี่แหละ ตอนนี้ชลบุรีคนคับคั่ง รถเยอะมาก เราคิดว่าน่าจะปลอดภัย เรากับแฟนไปหาบ้านเช่าให้แม่ไปที่ไหนๆก้อเต็ม ขับรถมั่วไปเรื่อยไปชายหาด มันไม่สวยเลยตอนนั้น จำได้ว่าถ้าเรามาที่นี่พอลงรถทุกคนจะร่าเริงเพราะนั่นมันคือการมาเที่ยวแต่นี่เราหนีตายกันนี่หว่า ไปเจออยู่ที่นึง เป็นห้องแถวเดือน1800 ทุกคนดีใจมากเรารอดตายแล้ว มีที่ซุกหัวนอนละ ก้อจัดแจงสิ่งของลง อยู่นั้นประมาณเกือบสามเดือน อยู่ด้วยความเศร้าชีวิตไร้จุดหมาย เราก้อตั้งวิ่งรถกลับมาทำงาน เพราะที่ทำงานน้ำไม่ท่วม ตอนนั้นสภาพถนนหนทาง ผู้คน มันเหมือนในหนังมาก เราไม่เคยคิดว่าเราจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้ วันที่เราพาแม่กลับบ้าน เราขับรถน้ำตาจะไหลตลอดทางบอกไม่ถูก ได้แต่บอกตัวเองให้แข้มเข็งไว้ เรายังไม่ตาย พอกลับมาบ้านมันเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ข้าวของเสียหาย เราไม่เสียดาย ดีใจที่ได้กลับมา ตอนนี้มันก้อรู้สึกกลัวๆบอกไม่ถูกเห็นฝนตกขนาดนนี้ ถ้าเข้าตาจน เราบอกให้ทุกคนทำใจ และอยู่บ้านนี่แหละ แม่ก้อซื้อข้าวไว้ ส่วนหลานช่วงนี้ปิดเทอมส่งไปหาปู่ย่า คนที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ เราได้แต่ภาวะนาไม่ให้มันท่วม ก้อทำได้แค่นี้ สำหรับคนเล็กๆอย่างพวกเรา