ประชาธิปัตย์ผลัดใบ

กระทู้สนทนา


ทุกวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แตกต่างจากการผลัดใบตามธรรมชาติของต้นไม้ โดยสิ้นเชิงครับ

ธรรมชาติได้กำหนดให้ ต้นไม้ผลัดใบปีละ 1ครั้ง เพื่อลดการสูญเสียน้ำในฤดูแล้ง และเกิดใบใหม่เพื่อรองรับฤดูกาล "ใบไม้ผลิ" ที่จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตไปข้างหน้า แต่เผอิญว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ต้นไม้ครับ

พัฒนาการของพรรคฯซึ่งมีจุดแข็งในรูปแบบ Conservative ที่ค่อยเป็นค่อยไปมากว่า60ปี ถูกสร้างภาพให้เห็นว่า สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการ "ผลัดใบในฤดูกาลเดียว" โดย"ฝีปากเด็กรุ่นหลัง"บวกกับ"การจัดตั้งภายใน" จนทำให้คนส่วนใหญ่เคลิบเคลิ้มว่าจะได้เห็น ใบ-ดอก-ผล ที่สวยงาม จึงยินยอมให้ผลัดใบในลักษณะบ่มแก๊ส หรือชิงสุกก่อนห่าม

ช่วงนั้นบุคลากรอาวุโสของพรรคฯ หลายท่านมีความเป็นห่วงครับ เพราะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ของพรรคฯ ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับจุดแข็งเดิมโดยสิ้นเชิง เปรียบเสมือนการนำทรัพย์สิน ที่เป็นความเชื่อมั่นทางสังคม ซึ่งสั่งสมกันมามากว่า60ปี ตั้งแต่ยุคทวดเสนีย์ฯ, ปู่พิชัยฯ, จนถึงนายหัวชวน มาวัดดวงได้เสียกันแบบการพนันใน งวดเดียว ตาเดียว

ผลปรากฏว่าหวยออกตรงข้ามครับ ต้นทุนหด กำไรหาย ค้าขายขาดทุนซ้ำซาก พ่ายแพ้กันจนชินมากว่า20ปี แต่CEOหนุ่มหล่อ และ CFOเสาไฟฟ้า ยังใจดีสู้เสือ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เดินหน้าตามกรรมวิธีดังเดิมที่ตนเองถนัด

ทั้งเดินสายเล่าความเท็จ ขัดขวางโจมตีการพัฒนาประเทศ หนุนหลังม็อบให้ปิดถนน เรียกร้องให้นำภาษีของคนทั้งประเทศ มาชดเชยให้กับคนในท้องถิ่นตน จับผิดกระแนะกระแหนฝ่ายตรงข้าม ด้วยการนำเสนอในรูปแบบผลัดใบประเภท ๆโง่ๆ ยิ้ม แรด พร้อมปลอบใจตัวเอง ด้วยการเป่าหูคนรุ่นใหม่ กับคำพูดสูตรสำเร็จเดิมๆ "เรามาถูกทางแล้ว"

จนถึงตอนนี้รอยร้าวภายใน แตกแยกจนสังเกตุได้จากภายนอก เห็นเป็นเงารางนับได้3เสี่ยงครับ

เสี่ยงที่1 นำพรรคฯกลับไปในรูปแบบ Conservative ดั้งเดิม โดยนำขุนพลรุ่นลายคราม ออกมาเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน แล้วเอามะม่วงที่ถูก "บ่มแก๊สจนลืมต้น"ทั้ง2ผลนี้ กลับไปฝึกปรือวิทยายุทธกันใหม่

เสี่ยงที่2 อยู่กันไปแบบ หล่อๆโย่งๆ NATO (No Action Talk Only) พูดจา  โง่ ยิ้ม แรด กันต่อไป แบบนี้แหละ

เสี่ยงที่3 เดินหน้าผลัดใบต่อ แต่ปรับปรุงรูปแบบโดย ปฏิรูปพรรคฯอย่างจริงจัง ไม่ยึดติดกับตัวบุคคล ยอมรับในความพ่ายแพ้ เพื่อนำมาปรับปรุงตัว คิดนโยบายใหม่ๆมาเป็นจุดขาย แทนการเสียดสีใส่ร้ายผู้อื่น

ทั้ง3เสี่ยงนี้ เสี่ยงที่1 ถ้ากลับไป Conservativeดังเดิมก็เสียฟอร์มครับ และโอกาสที่มะม่วง2ผลจะเน่าคารังสูงมาก เจ้าตัวไม่มีวันยอม สู้กันสุดฤทธิ์แน่นอน

เสี่ยงที่2 NATO ดีแต่พูดต่อไป ถ้ามองในแง่ของการแข่งขันทางการเมือง เสี่ยงที่2นี่ พรรคฯคู่แข่งบอก"หมูสุด"ครับ ถ้าไม่มีมือที่มองไม่เห็น แอบมาชักใยองค์กรอิสระ ให้ทำอะไรนอกรีตนอกรอยกันอีก รับรองนายกฯปู เป็นนายกฯไปจน "น้องไปป์" อายุถึงลง สส.ได้ ปชป.ยังไม่ชนะเลยครับ แต่ถามว่าการแข่งขันแบบ"กินหมู"เช่นนี้ ประเทศชาติและประชาธิปไตย มีการพัฒนาอย่างไร บอกได้เลยว่าน้อยมาก

เสี่ยงที่3 ปฏิรูปพรรคฯ ทำได้ยากที่สุดครับ แต่เป็นผลดีต่อประเทศชาติมากที่สุด และถ้าประชาธิปัตย์ทำได้ พรรคการเมืองอื่นรับรองว่าเหนื่อยครับ การเมืองไทยจะแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ บ้านเมืองไทย รับรองพัฒนาไปไกลกว่า 60 ปีที่ผ่านมาแน่นอน

อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคฯหัวก้าวหน้า คือผู้ที่อาสาเอากระดิ่งไปผูกคอแมว ด้วยกรรมวิธีเสี่ยงที่3 ท่ามกลางอาวุโสของพรรคฯ และกองเชียร์ที่มีใจรัก ปชป.อย่างจริงใจ กลั้นหายใจลุ้น "แอบเชียร์" กันอยู่เงียบๆครับ ถ้า"พี่จ้อน"ทำสำเร็จเมื่อไหร่ "น้องโอ๊ค"จะเอาดอกไม้ไปมอบให้กับมือเลยครับ

พรรคฯอื่นเขายัง "คิดใหม่ ทำใหม่" ได้

ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึง "คิดผิด คิดใหม่" ไม่ได้สักทีน้อ...??i

จากเฟส : Oak Panthongtae Shinawatra
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่