"ชวน หลีกภัย" "ออกโรง ปลุกกระแส ภาค(ใต้)นิยม ฆ่ารัฐบาล หรือ ฆ่าตัวเอง?




วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15:44 น.  ข่าวสดออนไลน์


"ชวน หลีกภัย" "ออกโรง ปลุกกระแส ภาค(ใต้)นิยม ฆ่ารัฐบาล หรือ ฆ่าตัวเอง?

(ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 4-10 ตุลาคม 2556)



ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตกอยู่ในสภาพสามวันดีสี่วันไข้

ขณะที่ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะเดินหน้าโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่สืบทอดอำนาจมาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน

หรือที่เรียกเหมารวมว่า"ระบอบทักษิณ" ในทุกรูปแบบถึงที่สุด

หนึ่งในยุทธวิธีโค่นล้มรัฐบาลที่พรรคประชาธิปัตย์กำหนดขึ้น คู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ในสภาคือการตระเวนเปิดปราศรัยเวทีเดินหน้าผ่าความจริง ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555

เนื้อหาเข้มข้นมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น

หลังหลุดคำหยาบคาย" Eโง่" ตามมาด้วยคำว่า "แRด" และ"Kaหรี่"

รอบล่าสุด เวที ผ่าความจริง วันที่ 28 กันยายน จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์

เป็นคิวของการปลุกกระแสภาคนิยม


อันมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนสอดรับกันระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค

ทั้งยังต่อเนื่องสัมพันธ์กับการพูดในงานสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสาขาพรรค เจ้าหน้าที่สาขาพรรค และคณะทำงานในพื้นที่ภาคใต้ ที่โรงแรมซากุระ แกรนด์วิว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 กันยายน

นอกจากปราศรัยโจมตี"ระบอบทักษิณ" ตามปกติ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือมีการปลุกปั่นกระแสภาคนิยม ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือทำลายความชอบธรรมรัฐบาล

โดยเฉพาะการพูดปิดงานสัมมนาของ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นักการเมืองอาวุโสที่แม้แต่พรรคฝ่ายตรงข้ามก็ยังเกรงอกเกรงใจ ให้ความเคารพนับถือ

ในสายตาประชาชนทั่วไปมองว่า นายชวน หลีกภัย คือ"เสาหลัก"ของพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้เป็นหัวหน้าพรรค

เป็นความหวังอันดับ 1 ในการเข้ามากอบกู้วิกฤตศรัทธาของพรรคที่เชื่อกันว่า

กำลังเข้าสู่ช่วงตกต่ำที่สุดในรอบ 67 ปี



"ถ้าจำเป็นต้องแตกสามัคคีเพราะรักษาศักดิ์ศรีคนไทยไม่สยบให้กับระบบทักษิณ ก็ควรจะแตกสามัคคี ใช่มั้ยครับพี่น้อง"

นายชวน หลีกภัย โยนคำถามขึ้นบนเวที ผ่าความจริง ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อวันที่ 28 กันยายน

โดยระหว่างปราศรัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของคนภาคใต้ต่อปัญหาราคายางพาราตกต่ำ

ว่าจะนำไปเปรียบเทียบกับชาวสวนยางภาคเหนือและภาคอีสานไม่ได้ เนื่องจากมีฐานะดีกว่าชาวสวนยางภาคใต้

นอกจากนี้ นายชวนยังได้กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การโยกย้ายราชการฝ่ายปกครองระดับสูงในพื้นที่

ตลอดจนการสั่งยกเลิกการก่อสร้างหอประชุมนานาชาติ จ.ภูเก็ต

ประเด็นวันนั้นคือ นายชวนต้องการสื่อสารต่อสาธารณะว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศอยู่ภายใต้"ระบอบทักษิณ"

มีความพยายามกลั่นแกล้งประชาชนภาคใต้ ซึ่งเป็นมวลชนแฟนพันธุ์แท้ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด

จากเวทีผ่าความจริงดังกล่าว เจตนาของนายชวน และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการใช้กระแสการแบ่งแยก"ภาคนิยม" เป็นเครื่องมือทำลายความชอบธรรมรัฐบาล

ยังปรากฏชัดอีกครั้งบนเวทีสัมมนาสมาชิกสาขาพรรคในภาคใต้ โรงแรมซากุระ แกรนด์วิว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 กันยายน

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งดังนี้

ขอชื่นชมชาวใต้ที่ยังมีความเหนียวแน่นในการยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้องร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์

แม้ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้กล้าใช้อำนาจทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ทั้งขัดต่อกฎหมายและขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย

แต่เราก็ยืนหยัดในการต่อสู้สิ่งที่เห็นถึงความพยายามของฝ่ายรัฐบาลในการใช้อำนาจกับเงิน เพื่อกดขี่ทางความคิดของชาวภาคใต้มาโดยตลอด

ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกว่าจะพัฒนาพื้นที่เฉพาะที่เลือกพรรคไทยรักไทย มาถึงยุค นายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ประกาศว่า

จะไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติให้จังหวัดภูเก็ต"



อย่างไรก็ตาม ภายหลังเวทีผ่าความจริง ว่าด้วยคำพูดเรื่อง "Eโง่" "แRด" "Kaหรี่"

ทุกประเด็นคำพูดหลังจากนั้น จึงดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

กล่าวคือไม่มีอะไรที่นายอภิสิทธิ์ จะพูดไม่ได้อีกแล้ว รวมถึงการพูดปลุกปั่นการเมืองแบบ"ภาคนิยม" ที่เชื่อกันว่าเป็นการจุดชนวนสร้างความแตกแยกให้คนในชาติ

แต่ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด กลับเป็นการลุกขึ้นมาพูดตอกย้ำประเด็นดังกล่าวของ นายชวน หลีกภัย

การบริหารก็ทำอะไรตามอำเภอใจ อย่างผู้ว่าฯ ตรัง ก็เปลี่ยนไปแล้ว 5 คน เป็นการใช้อำนาจอย่างเต็มที่ บ้านเราต้องไม่สยบให้ความชั่วร้ายเหล่านี้

ข้อมูลเรื่องยางของรัฐบาลก็ไม่ครบถ้วน ไม่แท้จริง ประเทศอินโดนีเซียก็จะแซงเราในที่สุด

รายได้ของสงขลา ภูเก็ต ทำรายได้หลายแสนล้าน ไม่มีสิทธิ์มาแกล้งพวกเรา เพราะพวกเราทำเงินเลี้ยงประเทศ แล้วก็เอาเงินตรงนี้ไปเลี้ยงจังหวัดเชียงใหม่ เมืองหลวงภาคเหนือ อีกหน่อยก็เอาไปให้จังหวัดขอนแก่น

พวกนี้ใจแคบ ไม่เหมือนพวกเรา"

หากนึกย้อนกลับไปว่า บุคคลที่กำลังพูดจาซ้ำเติมความขัดแย้งในประเทศชาติ กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่ประชาชน

เป็นผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาถึง 2 สมัย ได้รับการเชิดชูว่าเป็น"เสาหลัก"คอยค้ำยันพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 ในสภา

เป็นความหวังที่จะฉุดดึงพรรคประชาธิปัตย์กลับมาสู่ความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ในยามที่แกนนำสมาชิกคนอื่นๆ ตกอยู่ในสภาวะสติแตกเพราะแพ้เลือกตั้งซ้ำซาก

จนมีแนวโน้มหันไปพึ่งพาอำนาจพิเศษอีกครั้ง

คำพูดของนายชวน ทั้งที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และหาดใหญ่ จ.สงขลา

จึงทั้งน่าผิดหวัง และน่าใจหายอย่างยิ่ง

เพราะนอกจากเป็นการจุดประเด็นสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ

ยังเท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศละทิ้งความพยายามที่จะขยายขอบเขตฐานเสียงทางการเมืองไปยังภาคอื่นๆ ไม่ว่าภาคเหนือหรือภาคอีสาน

พร้อมแล้วที่จะลดระดับเพดานบินของตัวเองลงมา

จากพรรคระดับชาติเป็นพรรคท้องถิ่น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า



http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE1UYzBNRE14TlE9PQ%3D%3D
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่