เกิดการถกเถียงกันในสังคมเวลานี้ ว่าผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ชุมนุมกันทำไม
บ้างก็ว่าชุมนุมในเวลานี้ก็มีแต่แพ้ เวลานี้ไม่มีใครทำอะไรรัฐบาลได้ นอกจากทหาร
แต่ทหารก็ถูกสะกดด้วยว่านอีกาดำ ต้มยำขาหมูปูผัดผงกะหรี่
(ผัดกะเพราไม่ได้นะ ผบ. ท่านฉุน!) จนหัวปักหัวปำทำอะไรไม่เป็นแล้ว บ้างก็ว่า
ต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากสภามาทำม็อบ ไม่อย่างนั้น
บ้านเมืองก็ต้องจมอยู่ในสภาพนี้
ผมว่า ตั้งสติกันให้ดีๆ แล้วค่อยทบทวนเรื่องราวต่างๆ ให้กระจ่าง อย่างไร้สี ไร้อคติ
ไร้สภาพ “ตัวกูของกู” จะเห็นภาพต่างๆ ชัดขึ้น
<
<
<
18) ไม่มีการชุมนุมใดโค่นล้มรัฐบาลได้โดยตรง แม้แต่รัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ไม่โปร่งใส และแสวงหาผลประโยชน์ แต่การชุมนุมนั้น เป็นการสะท้อนความต้องการ
ความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อท้วงติงจากประชาชน ซึ่งมีพลังอำนาจในการสั่นคลอน
ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หรือตีแผ่ความชั่ว ความผิด ที่รัฐบาลทำออกมาให้สังคม
ประจักษ์ ปลุก “พลังแห่งศีลธรรม” ให้คนในสังคมลุกขึ้นมาควบคุมรัฐบาลนอกลู่นอกทาง
ให้แก้ไขการกระทำที่ไม่ถูกต้องและสร้างผลเสียหายให้แก่ประเทศชาติ-ประชาชน
ดังนั้น ชัยชนะของการชุมนุมจึงอยู่ที่ การเร่งเร้าให้สังคมตื่นตัวต่อการเรียกหาความถูกต้อง
การได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสร้างสังคมที่ถูกต้อง นั่นคือ “เข็มทิศ” ของการชุมนุม
เมื่อใดความถูกต้องบังเกิด แม้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจทางการเมือง ก็นับเป็นชัยชนะ
ของภาคประชาชนแล้ว
19) ส่วนรัฐบาลจะถึงขั้นอับอาย ลาออกไปเอง หรือยุบสภาเพื่อกลับมาใหม่ นั่นเป็นผลของ
“ยางอาย” ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น ไม่มี!!
20) จึงต้องรุกคืบอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งพลังของฝ่ายประชาชน พลังของฝ่ายกฎหมาย
ที่จะต้องฟ้องร้องเอาผิด และกระบวนการยุติธรรม ศาล องค์กรอิสระต้องดำเนินการอย่าง
สุจริตและไม่ชักช้า เพื่อยุติปัญหาที่เป็นข้อพิพาท ความขัดแย้ง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ของรัฐบาล ประชาชนลุกขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตามกฎหมาย สมาชิก
รัฐสภาตรวจสอบเอาผิด กรรมาธิการตรวจสอบศึกษา ฯลฯ ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ ทำหน้าที่ของ
ตนเองอย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว ก็สามารถกดดันให้รัฐบาลกลับเข้าร่องเข้ารอยได้
21) ส่วนความต้องการที่จะ “ก้าวหน้า” ไปถึงขั้นปฏิรูปประเทศไทย โดยล้างไพ่นักการเมือง
และพรรคการเมืองทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องเริ่มเคลื่อนจากการให้หลักการ เหตุผล
และบอกวิธีการให้ชัด เพื่อให้เกิดการเข้าร่วมและเดินหน้ากดดันฝ่ายการเมืองให้ร่วมกันปฏิรูป
บ้านเมือง ให้สะอาด บริสุทธิ์ หยุดแสวงประโยชน์ และเคารพประชาชนพูดง่ายๆ ว่า อย่าตั้งธง
ว่าการโค่นล้มรัฐบาลเป็น “เส้นชัย” แต่การได้ทำหน้าที่ของประชาชน ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ
“ชัยชนะ” แล้วทว่า ในทางการเมือง การชุมนุมเป็นเครื่องสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลโดย
ธรรมชาติอยู่แล้ว หากสามารถยืนหยัดอยู่ภายใต้กฎหมาย (ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อ นัดกันเป็น
รอบๆ แต่ทวีจำนวนขึ้น) ชูประเด็นความผิดพลาดเลวร้ายจนเกิดฉันทามติจากสังคมได้
ถึงวันนั้น รัฐบาลชั่วก็อยู่ไม่ได้!!
http://www.naewna.com/politic/columnist/9093
โทษนะคะ ตามประสา "แนวหน้า" บทความยาวมาก และข้อ 1-17 ก็ดูมีแต่น้ำ เนื้อหา
สาระ จะอยู่ที่ ข้อ 18-21 แล้วก็จะเห็นว่า ยังไงก็ต้องหันไปพึ่งองค์กรอิสระ รวมถึงปลุกเร้า
ให้เกิดสงคราประชาชน มันจะเป็นไปได้หรือ มวลชนมีเพียงพอไหม ?
ชัยชนะของ'การชุมนุม'อยู่ที่ไหน? เส้นใต้บรรทัด จิตกร บุษบา แนวหน้าออนไลน์
บ้างก็ว่าชุมนุมในเวลานี้ก็มีแต่แพ้ เวลานี้ไม่มีใครทำอะไรรัฐบาลได้ นอกจากทหาร
แต่ทหารก็ถูกสะกดด้วยว่านอีกาดำ ต้มยำขาหมูปูผัดผงกะหรี่
(ผัดกะเพราไม่ได้นะ ผบ. ท่านฉุน!) จนหัวปักหัวปำทำอะไรไม่เป็นแล้ว บ้างก็ว่า
ต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากสภามาทำม็อบ ไม่อย่างนั้น
บ้านเมืองก็ต้องจมอยู่ในสภาพนี้
ผมว่า ตั้งสติกันให้ดีๆ แล้วค่อยทบทวนเรื่องราวต่างๆ ให้กระจ่าง อย่างไร้สี ไร้อคติ
ไร้สภาพ “ตัวกูของกู” จะเห็นภาพต่างๆ ชัดขึ้น
<
<
<
18) ไม่มีการชุมนุมใดโค่นล้มรัฐบาลได้โดยตรง แม้แต่รัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ไม่โปร่งใส และแสวงหาผลประโยชน์ แต่การชุมนุมนั้น เป็นการสะท้อนความต้องการ
ความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อท้วงติงจากประชาชน ซึ่งมีพลังอำนาจในการสั่นคลอน
ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หรือตีแผ่ความชั่ว ความผิด ที่รัฐบาลทำออกมาให้สังคม
ประจักษ์ ปลุก “พลังแห่งศีลธรรม” ให้คนในสังคมลุกขึ้นมาควบคุมรัฐบาลนอกลู่นอกทาง
ให้แก้ไขการกระทำที่ไม่ถูกต้องและสร้างผลเสียหายให้แก่ประเทศชาติ-ประชาชน
ดังนั้น ชัยชนะของการชุมนุมจึงอยู่ที่ การเร่งเร้าให้สังคมตื่นตัวต่อการเรียกหาความถูกต้อง
การได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสร้างสังคมที่ถูกต้อง นั่นคือ “เข็มทิศ” ของการชุมนุม
เมื่อใดความถูกต้องบังเกิด แม้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจทางการเมือง ก็นับเป็นชัยชนะ
ของภาคประชาชนแล้ว
19) ส่วนรัฐบาลจะถึงขั้นอับอาย ลาออกไปเอง หรือยุบสภาเพื่อกลับมาใหม่ นั่นเป็นผลของ
“ยางอาย” ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น ไม่มี!!
20) จึงต้องรุกคืบอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งพลังของฝ่ายประชาชน พลังของฝ่ายกฎหมาย
ที่จะต้องฟ้องร้องเอาผิด และกระบวนการยุติธรรม ศาล องค์กรอิสระต้องดำเนินการอย่าง
สุจริตและไม่ชักช้า เพื่อยุติปัญหาที่เป็นข้อพิพาท ความขัดแย้ง หรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ของรัฐบาล ประชาชนลุกขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตามกฎหมาย สมาชิก
รัฐสภาตรวจสอบเอาผิด กรรมาธิการตรวจสอบศึกษา ฯลฯ ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ ทำหน้าที่ของ
ตนเองอย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว ก็สามารถกดดันให้รัฐบาลกลับเข้าร่องเข้ารอยได้
21) ส่วนความต้องการที่จะ “ก้าวหน้า” ไปถึงขั้นปฏิรูปประเทศไทย โดยล้างไพ่นักการเมือง
และพรรคการเมืองทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องเริ่มเคลื่อนจากการให้หลักการ เหตุผล
และบอกวิธีการให้ชัด เพื่อให้เกิดการเข้าร่วมและเดินหน้ากดดันฝ่ายการเมืองให้ร่วมกันปฏิรูป
บ้านเมือง ให้สะอาด บริสุทธิ์ หยุดแสวงประโยชน์ และเคารพประชาชนพูดง่ายๆ ว่า อย่าตั้งธง
ว่าการโค่นล้มรัฐบาลเป็น “เส้นชัย” แต่การได้ทำหน้าที่ของประชาชน ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ
“ชัยชนะ” แล้วทว่า ในทางการเมือง การชุมนุมเป็นเครื่องสั่นคลอนอำนาจของรัฐบาลโดย
ธรรมชาติอยู่แล้ว หากสามารถยืนหยัดอยู่ภายใต้กฎหมาย (ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อ นัดกันเป็น
รอบๆ แต่ทวีจำนวนขึ้น) ชูประเด็นความผิดพลาดเลวร้ายจนเกิดฉันทามติจากสังคมได้
ถึงวันนั้น รัฐบาลชั่วก็อยู่ไม่ได้!!
http://www.naewna.com/politic/columnist/9093
โทษนะคะ ตามประสา "แนวหน้า" บทความยาวมาก และข้อ 1-17 ก็ดูมีแต่น้ำ เนื้อหา
สาระ จะอยู่ที่ ข้อ 18-21 แล้วก็จะเห็นว่า ยังไงก็ต้องหันไปพึ่งองค์กรอิสระ รวมถึงปลุกเร้า
ให้เกิดสงคราประชาชน มันจะเป็นไปได้หรือ มวลชนมีเพียงพอไหม ?