ศาสตรา...มหาเวทย์

กระทู้สนทนา
บทนำก่อนเปิดศึก


          ในโลกที่เต็มไปด้วยความลี้ลับ  ไม่เคยมีใครบอกได้อย่างชัดเจนว่า  เวทย์มนต์ ไสยศาสตร์ ภูตผี
ปีศาจ เทวดา มีจริงหรือไม่  เพราะคนที่ศรัทธาในเรื่องเหนือธรรมชาติ ก็จะว่ามันมีจริง  แต่ถ้าศรัทธาใน
วิทยาศาสตร์  มันคือเรื่องเหลวไหล  แต่เมื่อทั้งสองสิ่ง  ต้องมาอยู่ในเส้นทางเดียวกัน  ใครจะเป็นฝ่าย
ชนะ   เพราะถ้าเปรียบไปแล้ววิทยาการ เปรียบเหมือนขุนเขาตระหง่านล้ำขึ้นไปบนท้องฟ้า  ไสยศาสตร์
ก็คือสายลม  ที่เรามองไม่เห็น แต่สัมผัสถึงมันได้....อำนาจของมัน  จะสามารถทำให้ขุนเขา โค่นลงได้
หรือไม่  เมื่อสายลมนี้ เป็น.....พายุ.....มหาเวทย์ถล่มปฐพี.....

บทที่  1  คืนสังเวย

          เด็กชาย...ดูแล้วอายุน่าจะไม่เกิน สิบปี ตัดผมสั้นเกรียนเสื้อผ้าที่สวมใส่ ก็ดูเก่า จนเกือบใกล้เคียง
ผ้าขี้ริ้ว กางเกงที่สวมเป็นกางเกงขาสั้นที่ตัวใหญ่กว่าตัวเขามาก แล้วใช้เข็มขัดลูดเสือคาดไว้ เพื่อไม่ให้
มันหลุดลงมา   ที่หลังสะพายเป้สนามขนาดพอประมาณ  ข้างในน่าจะเป็นเสื้อผ้า และสัมภาระเล็กน้อย
ที่ไหล่ซ้ายสะพายย่ามสีขาว  แต่ดูไม่ขาวเท่าไหร่  เมื่อถึงหน้าโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งใน จังหวัดชลบุรี  
เด็กชายย่นจมูก สูดดมกลิ่นก่อนจะเอ่ยออกมา....

"ที่นี่เอง....โรงเรียนสตรีศรีสกุล...."

เด็กชายกำลังจะเดินเข้าไป  ลุงดำ...ยามรักษาความปลอดภัยมายืนขวาง  กล่าวออกมาด้วยเสียงดัง

"ไอ้หนู...ที่นี่มันโรงเรียนผู้หญิงล้วน...แกจะมาหาใคร???.."
เด็กชายยิ้มอย่างใสซื่อ ก่อนจะเอ่ยออกมาถึงจุดประสงค์

"ผมมาหาคุณอำนวย ....เอ่อ!!...ที่เขาเป็น....ผู้อำนวย...หรืออะไรก็ไม่รู้???เขาอยู่ไหมครับ!!.."

ยามรักษาการนึกขำในความเป็นเด็กที่ไม่รู้ความ แล้วเขาก็แปลกใจ เพราะว่า คุณอำนวยที่เด็กชายเอ่ยชื่อ
อาจหมายถึง  ผู้อำนวยการ ของโรงเรียนแห่งนี้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจ จึงถามเด็กชายอีกครั้ง เพราะทางผู้อำนวยการ
ก็กำชับว่า วันนี้จะมีคนมาหา แต่เขาไม่เชื่อว่า จะเป็นเด็กคนนี้อย่างเด็ดขาด

"ไอ้หนู  นี่!!..แกอย่าบอกว่า แกมาหา คุณอำนวย ที่เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้!!!!..."
เด็กชายพยักหน้าขึ้นลง ตอบอย่างซื่อๆอีกครั้ง

"ใช่จะ!!... เดี๊ยวเอางี๊!...นี่เป็นจดหมายจากอาจารย์ของผม  ที่ฝากมาให้ท่านอำนวยการจะ!!...."

ยามรับจดหมายจากเด็กชายที่นำมาจากย่าม  เขาช่างใจอยู่สักครู่ ก่อนเรียกให้ยามอีกคนมานั่งในห้อง
ส่วนตัวเขาก็เดิน ไปพบผู้อำนวยการ เพื่อนำจดหมายไปให้  เมื่อยามเดินไปถึงห้องเมื่อเคาะประตู  
เพียงทีเดียว ประตูก็เปิดออก  นั่นแสดงว่า ผู้อำนวยการ กำลังยืนอยู่ตรงนั้นพอดี  แล้วผู้อำนวยการ
ก็เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

"มีคนมาหา...เป็นผู้ชายอายุประมาณ 60 แต่ผมสีเทาทั้งหมดใช่ไหม???.."
ยามรักษาการรีบแจ้งให้ผู้อำนวยการทราบทันที อย่างแข็งขัน

"ไม่ใช่ครับ...มีเด็กอายุประมาณ 9 ปี....แต่งตัวมอๆ...เอาจดหมายมาให้
เห็นบอกว่า อาจารย์บอกให้เอามา  นี่ครับจดหมาย...."

ผู้อำนวยการมีสีหน้าผิดหวัง  แต่ก็รับจดหมายมาอ่าน...เมื่ออ่านจบ เขาเงยหน้ามองยามแล้วเอ่ยถาม
อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ

"แกว่า....เป็นเด็ก...อายุ ประมาณ  9 ขวบ อย่างนั้นหรือ.. ไอ้ดำ????..."
สายตาที่เขามองยามนั้น  ปรากฎแววตาไม่เชื่อมั่น...แต่ก็ต้อง...ลองเสี่ยง...สักครั้ง......
..........................

          เด็กชายเดินไปเดินมา ในห้องรับแขก เพราะไม่เคยเห็นของสะสมเป็นโมเดลเครื่องบิน เรือรบ  
และหุ่นยนต์มากมาย  ตั้งแต่เกิดมา  เด็กชายไม่เคยได้ใกล้ชิดของเล่น ราคาแพงแบบนี้ ผู้อำนวยการ
ยืนมองเด็กชาย อย่างเพ่งพินิจก่อนเดินเข้าไปในห้อง  เด็กชายหันหน้ามามอง ดวงตานั้นเป็นประกาย
สดใส ผิดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ เขายกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม  ผู้อำนวยการเอ่ยขึ้นทันที

"เป็นเพื่อนกันมาเกือบสามสิบปี  ตอนนี้มีปัญหาไอ้ลือดันไม่คิดถึงความสัมพันธ์ ส่งเด็กอายุไม่ถึง 10
ขวบมาแก้ปัญหา  สงสัยมันคงคิดว่า  ไอ้เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องเล็กๆ...เฮ้อ!!!!..."

ผู้อำนวยการถอนหายใจอีกครั้ง หลังจากถอนหายใจ มากกว่าสิบครั้ง  เด็กชายยิ้มแย้ม ก่อนเอ่ยออกมา
จังหวะ และคำกล่าวนั้น มันมิใช่ของเด็กชายอายุไม่ถึง 10 ปี แต่เป็นของผู้ใหญ่ที่มีหลักการ

"คุณอำนวยครับ...ที่ผมมาจาก ดอนเจดีย์  ถึงชลบุรี  อาจารย์ของผม คงมิได้ให้ผมมาดูของเล่นพวกนี้
แต่อาจารย์ให้ผมมาช่วยคุณ จัดการเรื่องนี้...โดยเฉพาะ...คุณอำนวย วางใจได้ครับ.."
ผู้อำนวยการ กล่าวสวนทันทีด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว

"เธอยังเป็นเด็ก...เธอจะรู้อะไร...นี่มันปัญหาที่ทำให้ โรงเรียนถูกปิดได้เลย...
ไอ้ลือมันคงไม่บอกเธอละสิ!!.."

"บอกแล้วครับ!!..ที่ผมมา ก็เพราะเรื่องพวกนี้  มันเป็นงานของผม...โดยเฉพาะ  ตอนนี้อาจารย์
ติดปัญหาบางประการ จึงมาไม่ได้  เลยให้ผมมา...ปราบมัน!!.."

แววตาของเด็กชายนั้น ฉายความมั่นใจเต็มเปี่ยม  แต่ตรงข้ามกับผู้อำนวยการที่แววตาเต็มไปด้วย
ความกังวล แต่เขาก็ต้องลองเสี่ยง เขาจึงเริ่มเล่าเรื่อง....อีกครั้ง......

.............หลังจากโรงเรียนไปทัศนศึกษาที่ต่างจังหวัด  นักเรียนในห้อง ม.2/3 เกิดอาการแปลกๆ...
โดยเริ่มจากนักเรียนหญิงที่ชื่อ วรรณ  เธอมีอาการเซื่องซึม แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นกร้าวร้าว จากเดิมเธอ
เป็นคนเรียบร้อย  เพราะเธอเป็นนักเรียน ที่ได้รับรางวัลนักเรียน มารยาทดีเด่น  ......แล้วมันกลายเป็น
เหมือนโรคระบาด จากหนึ่งคน กลายเป็น ทั้งห้อง  จนกลายเป็นทั้งโรงเรียน  เนื่องจากเป็นโรงเรียนปิด  
ผู้ปกครองจึงยังไม่ทราบ ว่ายามค่ำคืนเด็กหญิง จะมารวมตัวที่ห้อง แล้วท่องเป็นภาษาอะไรก็ไม่ทราบ  
แต่ตอนเช้า นักเรียนก็กลับมาเป็นปกติ  แต่เมื่อใดที่ คุณครูจะพาตัวเด็กหญิงวรรณ มาที่ห้อง
ฝ่ายปกครอง  เด็กทุกคนจะกลายเป็นกร่าวร้าว แล้วเกือบก่อจราจลในโรงเรียน....

"เป็นมากี่วันแล้วครับ...นับจากวันที่ไปทัศนศึกษา..."
เด็กชายสอบถาม  ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผู้อำนวยการคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมา

"ประมาณเดือนกว่าๆ..แล้ว..."

เด็กชายใช้นิ้วนับทำปากพึมพำดวงตากรอกไปมา ก่อนดวงตาจะฉายแววตื่นตระหนก  ก่อนปรับสายตา
ให้เป็นปกติ  เด็กชายไม่ต้องการให้ผู้อำนวยการตกใจมากไปกว่านี้  แล้วเด็กชายก็เอ่ยออกมา

"คุณอำนวยผมอยากให้...พยายามแยกนักเรียนส่วนหนึ่งออกไปจากโรงเรียน แต่อย่าแจ้ง
เรื่องนี้ กับห้อง 2/3 อย่างเด็ดขาด ผมจะลองคุณกับ 'มัน' ก่อนว่ามันต้องการอะไรกันแน่!!!..."
ผู้อำนวยการคิ้วขมวด  ก่อนสอบถามด้วยความแปลกใจ

"ทำไมต้องแยกนักเรียนออกมาล่ะ!!!...ทำไมถึงบอกห้อง 2/3 ไม่ได้
เธอจะทำอะไร  แล้วที่เธอบอกว่า  จะคุยกับมัน...มัน คือใคร???.."

เด็กชายมองตาของผู้อำนวยการ  ก่อนจะเอ่ยออกมา

"ถ้ามีนักเรียนมากเกินไป  มันจะควบคุมกำลังนักเรียนเหล่านั้น  ผมจะเข้าถึงตัวมันยากขึ้น
ส่วนมัน...คืออะไร...ผมยังบอกไม่ได้...แต่ตอนนี้...มันอยู่ในร่างของใครคนหนึ่งในห้อง 2/3
ถ้าผมคาดไม่ผิด...มันน่าจะสิงร่างของ นักเรียนหญิง ที่ชื่อวรรณ แต่อาจไม่ใช่ก็ได้
เพราะมันอาจ...มีตัวหลอก เพื่อไม่ให้ถึงตัวมัน"

ผู้อำนวยการ เกือบจะหัวเราะออกมา  เขาไม่มีทางเชื่อว่า  เรื่องที่เด็กชายเอ่ยออกมานั้นจะเป็นเรื่องจริง
แต่ เมื่อนำมาคิดอย่างละเอียด  ก็อาจเป็นไปได้ เพราะเรื่องของสิ่งลี้ลับ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้
ตอนแรกเขาคิดว่า เป็นเพียงการอุปทานหมู่  แต่เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้น จนเขานึกถึงเพื่อนรัก ที่อดีตเป็น
นายตำรวจฝ่ายปราบปราม แล้วอยู่ๆ เขาก็ลาออกจากการ ตำแหน่งที่กำลังก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ชนิดก้าวกระโดด   จากนั้นเขาก็เข้าป่าแล้วหายไป จนอยู่ๆ  บุญลือก็โทรมาหา บอกว่า อีกไม่นาน
โรงเรียนจะมีปัญหาเกิดขึ้น  ถ้าเกิดปัญหาอย่างที่เขาบอกให้ส่งจดหมายหรือติดต่อมาที่อยู่ของเขา
ตามที่ระบุไว้....ถ้าเขามาเองได้ ก็จะมา...แต่ถ้ามาไม่ได้  จะส่งคนที่เก่งที่สุดมา.....และที่เขาแปลกใจ
อีกอย่างก็คือ บุญลือรู้ได้อย่างไรว่า มือถือของเขาคือเบอร์อะไร  เพราะเขาไม่เคยให้ใคร มีเพียงภรรยา
ของเขาที่ทราบ และภรรยาก็ไม่เคยรู้จักบุญลือ.... และที่แปลกอีกเรื่องคือ  มือถือของเขาไม่สามารถ
บันทึกเบอร์ที่บุญลือโทรเข้ามาได้ และเครื่องมิได้บันทึก เวลาในการโทร....มันเป็นสิ่งที่เขาแปลกใจ
เป็นอย่างมาก....มันเหมือนกับว่า  การคุยนั้นมิได้คุยผ่านโทรศัพท์มือถือ  มันเหมือนการสื่อสารผ่าน
โทรจิต........แล้วเขารู้ดีอีกอย่างก็คือ...บุญลือผู้นี้...ไม่มีทางเป็นพวก 18 มงกุฎอย่างแน่นอน............

"เอาละ!!...ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น...ฉันจะจัดการให้  จะให้นักเรียนห้องอื่นๆ ไปพัก
ข้างนอกก่อน...แล้วเธอจะจัดการเรื่องนี้...เมื่อไหร่???.."

"คืนนี้ครับ!!!...ผมจะลองคุยกับมัน  แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง
ผมจะปราบมันเอง..."

สายตาขอเด็กชายปรากฎแววเศร้าหมอง จนคุณอำนวยรู้สึกได้  แล้วเขาก็เอ่ยถามออกมาอีกครั้ง

"ชื่อของเธอ คือ  'น้อย'  แค่นั้นเอง  แล้วเธอมีชื่อจริงไหม???...แล้วอายุเท่าไหร่แล้ว..."

"ผมชื่อจริงว่า...มรรคน้อย...ครับ  แต่สะกดด้วย ม.ร.ร.ค...แต่เรียกผมว่า 'น้อย'  เฉยๆ
จะดีกว่าครับ......แล้วผมก็อายุ...น่าจะ 13..แล้ว แต่วันเกิดที่แน่นอนผมไม่รู้
เพราะอาจารย์บอกว่าเจอผมในป่า...ในวันที่ 6 เดือน มิถุนา...เมื่อ 13 ปีก่อน....
แต่ที่ร่างกายของผมเหมือนเด็กที่ยังไม่พ้น 10 ปี ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่