หลังจากวันนั้นฉันยังตกใจและแปลกใจไม่หาย หลังจากที่อายพูดประโยคนั้นจบ เขาก็ยิ้มแล้วเดินจากฉันไปทันที ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นเขา ก็แน่ล่ะ..ฉันจะไปกล้าคิดได้ยังไง ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยนี้มา ฉันเคยเห็นเขาแค่สองครั้งเท่านั้น คือที่หอสมุดกับครั้งล่าสุดที่น่ากระอักกระอ่วนนี่แหละ
วันนี้ฉันมีเรียนตอนช่วงเช้า ขณะที่ฉันกำลังจะลุกออกไปทานข้าวกลางวันกับข้าวฟ่าง รัน เพื่อนร่วมคณะที่ไม่ค่อยสนิทมากนักกับเพื่อนรันอีกสองสามคนรีบพุ่งตรงมาหาฉัน
“แอนนาจ๋า คือแบบ พวกเราต้องการความช่วยเหลือนิดหน่อย รับปากได้มั้ยว่าจะช่วยพวกเรา น้า” ฉัน! ฉันเนี่ยนะ มีคนต้องการความช่วยเหลือจากฉันด้วย แล้วคนอย่างฉันจะไปช่วยพวกรันได้ยังไง อยากเดินหนีจัง
“เอ่อ...คือมีอะไรให้เราช่วยงั้นเหรอ” ยังไงก็ต้องมีมารยาทกลับไปสินะ
“คือ เราจะจัดค่ายอาสาไปสร้างโรงเรียนให้น้องๆบนดอย แล้ววว...คือเราต้องการแรงจูงใจ เอ้ย ต้องการนางแบบสวยๆน่ารักๆมาถ่ายโปสเตอร์ไปติดหน้าคณะน่ะจ่ะ แล้วพวกเราคิดว่าแอนนา เธอเหมาะมากเลย รับรองว่าต้องเป็นที่สนใจมากๆๆแน่นอนน” ไม่นะ ฉันอยู่อย่างสงบมาจนจะเรียนจบ ทำไมกันนะ ช่วงนี้ชีวิตฉันทำไมต้องเจอแต่คนแปลกๆ อะไรแปลกๆ ควรปฏิเสธยังไงดี?? ฉันได้แต่หันไปหาข้าวฟ่างอย่างขอความช่วยเหลือ การเข้าหาคนหมู่มากนี่เป็นเรื่องยากสำหรับฉันเลยนะ ข้าวฟ่างได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ฉัน แน่ล่ะ ข้าวฟ่างก็รู้นิสัยฉันดี ว่าฉันไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้
“แอนนา เราว่าก็น่าสนใจนะ แถมยังได้ไปช่วยเด็กๆด้วย เอาเป็นว่า เรากับแอนเอาด้วยจ่ะ” จบละข้าวฟ่าง เราเป็นเพื่อนกันจริงๆใช่มั้ย หรือบางทีฉันควรอยู่ตัวคนเดียวดี เพื่อนไม่ต้องมี เฮ้อ
“ขอบคุณพวกเธอมากๆๆๆนะ เอาเป็นว่าแอนนาตกลง พรุ่งนี้บ่ายโมงเจอกันหน้าตึกนะจ้ะ เรานัดเพื่อนๆที่ร่วมประสานงานกันไว้ เจอกันน้า” รันบอกลาอย่างร่าเริง ร่าเริง??? ไม่มีใครถามความเห็นฉันสักคำ พรุ่งนี้ฉันอาจจะมีธุระก็ได้นะ หรือควรจะหาธุระเข้าตัวดี แต่อย่าดีกว่า แค่นี้ชีวิตฉันก็ไม่ค่อยจะมีเพื่อนแล้ว อย่าสร้างศัตรูเพิ่มน่าจะดีที่สุด
“เอิ่มม แอนนา อย่าโกรธเราน้า เราแค่อยากให้เธอได้ลองทำอะไรใหม่ๆบ้าง” ข้าวฟ่างรีบตรงเข้ามาจับมือฉัน เชื่อเถอะฉันไม่เคยโกรธเพื่อนคนนี้ลงเลย
“ไปเหอะ เราหิวข้าวแล้ว” ข้าวฟ่างเดินเข้ามาเกาะแขนฉันอย่างประจบประแจง แล้วเราก็เดินออกจากห้องมาพร้อมกัน
วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ส่วนเรื่องค่ายอาสา ฉันไปถ่ายรูปมาเรียบร้อย จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอีกเลย เห็นข้าวฟ่างบอกว่ากระแสตอบรับดีมากโดยเฉพาะจากผู้ชาย ให้ตายเถอะ มีคนมาสมัครค่ายเยอะมาก แต่ฉันก็ยังไม่ได้เห็นโปสเตอร์ฉบับเสร็จสมบูรณ์นะ เพราะหลังจากถ่ายเสร็จก็ยังไม่ได้เข้าไปมหาวิทยาลัยอีก พรุ่งนี้ก็คงจะได้เห็น
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกาย ลงมานั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ที่หน้าประตู
“แอนนา ไปวิ่งเหรอลูก ฟิตจังเลยน้า” แม่เดินมานวดไหล่ฉัน เหมือนเวลาคนจะขึ้นสังเวียนชกมวยไม่มีผิด
“ค่ะแม่ นานๆว่างที แถมวันนี้อากาศดีด้วย” ฉันหันไปยิ้มให้แม่ แม่ฉันไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป แม่ก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่บางทีฉันก็สงสารแม่ แม่น่าจะเหงาน่าดูเพราะพ่อของฉันงานเยอะ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่บางทีเวลาพ่อกลับมา บรรยากาศก็เลี่ยนจนชวนอ้วกได้ไม่ยาก
ฉันวิ่งไปได้สักพักก็มานั่งพักอยู่บนชิงช้าที่สนามเด็กเล่น จะมีคนหาว่าฉันมาแย่งเด็กเล่นไหมนะ แต่ขอนั่งพักสักแปบแล้วกันนะ
“อ่ะ วันนี้ไม่มีช้อกโกแลตนะ ผิดแผน” มีมือปริศนา ..อีกแล้ว ยื่นน้ำเปล่ามาให้ฉัน แต่ฟังก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ฉันหันไปรับ เขาใส่ชุดมาออกกำลังกายเหมือนฉันเลย บังเอิญเกินไปรึเปล่านะ แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะคิดอะไรมาก คนตรงหน้าอาจจะทำอย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับนะว่าอายหล่อมาก คุณป้าที่มาเดินเล่นยังเหลียวมองเขาเลยให้ตายสิ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนชิงช้าข้างๆฉัน เอ่อ...มันคงไม่พังหรอกใช่มั้ย
“ไม่บังเอิญ และไม่บ่อยนะ” ระหว่างที่นั่งเงียบๆกันอยู่ อายก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“คะ??” ฉันงงและตกใจ เมื่อกี้ฉันคิดหรือว่าฉันพูดออกไปนะ ทำไมมันตรงกันเป๊ะขนาดนี้
“ที่ผมมาเจอคุณไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และผมก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน พอเข้าใจผมมั้ยครับ” เขาหันมาพูดกับฉันพร้อมกับระบายรอยยิ้มบางๆแต่ก็เห็นลักยิ้มที่ข้างซ้าย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันว่าฉันเผลอยิ้มกลับไปให้เขานะ ...
Chocolate love -2
วันนี้ฉันมีเรียนตอนช่วงเช้า ขณะที่ฉันกำลังจะลุกออกไปทานข้าวกลางวันกับข้าวฟ่าง รัน เพื่อนร่วมคณะที่ไม่ค่อยสนิทมากนักกับเพื่อนรันอีกสองสามคนรีบพุ่งตรงมาหาฉัน
“แอนนาจ๋า คือแบบ พวกเราต้องการความช่วยเหลือนิดหน่อย รับปากได้มั้ยว่าจะช่วยพวกเรา น้า” ฉัน! ฉันเนี่ยนะ มีคนต้องการความช่วยเหลือจากฉันด้วย แล้วคนอย่างฉันจะไปช่วยพวกรันได้ยังไง อยากเดินหนีจัง
“เอ่อ...คือมีอะไรให้เราช่วยงั้นเหรอ” ยังไงก็ต้องมีมารยาทกลับไปสินะ
“คือ เราจะจัดค่ายอาสาไปสร้างโรงเรียนให้น้องๆบนดอย แล้ววว...คือเราต้องการแรงจูงใจ เอ้ย ต้องการนางแบบสวยๆน่ารักๆมาถ่ายโปสเตอร์ไปติดหน้าคณะน่ะจ่ะ แล้วพวกเราคิดว่าแอนนา เธอเหมาะมากเลย รับรองว่าต้องเป็นที่สนใจมากๆๆแน่นอนน” ไม่นะ ฉันอยู่อย่างสงบมาจนจะเรียนจบ ทำไมกันนะ ช่วงนี้ชีวิตฉันทำไมต้องเจอแต่คนแปลกๆ อะไรแปลกๆ ควรปฏิเสธยังไงดี?? ฉันได้แต่หันไปหาข้าวฟ่างอย่างขอความช่วยเหลือ การเข้าหาคนหมู่มากนี่เป็นเรื่องยากสำหรับฉันเลยนะ ข้าวฟ่างได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ฉัน แน่ล่ะ ข้าวฟ่างก็รู้นิสัยฉันดี ว่าฉันไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้
“แอนนา เราว่าก็น่าสนใจนะ แถมยังได้ไปช่วยเด็กๆด้วย เอาเป็นว่า เรากับแอนเอาด้วยจ่ะ” จบละข้าวฟ่าง เราเป็นเพื่อนกันจริงๆใช่มั้ย หรือบางทีฉันควรอยู่ตัวคนเดียวดี เพื่อนไม่ต้องมี เฮ้อ
“ขอบคุณพวกเธอมากๆๆๆนะ เอาเป็นว่าแอนนาตกลง พรุ่งนี้บ่ายโมงเจอกันหน้าตึกนะจ้ะ เรานัดเพื่อนๆที่ร่วมประสานงานกันไว้ เจอกันน้า” รันบอกลาอย่างร่าเริง ร่าเริง??? ไม่มีใครถามความเห็นฉันสักคำ พรุ่งนี้ฉันอาจจะมีธุระก็ได้นะ หรือควรจะหาธุระเข้าตัวดี แต่อย่าดีกว่า แค่นี้ชีวิตฉันก็ไม่ค่อยจะมีเพื่อนแล้ว อย่าสร้างศัตรูเพิ่มน่าจะดีที่สุด
“เอิ่มม แอนนา อย่าโกรธเราน้า เราแค่อยากให้เธอได้ลองทำอะไรใหม่ๆบ้าง” ข้าวฟ่างรีบตรงเข้ามาจับมือฉัน เชื่อเถอะฉันไม่เคยโกรธเพื่อนคนนี้ลงเลย
“ไปเหอะ เราหิวข้าวแล้ว” ข้าวฟ่างเดินเข้ามาเกาะแขนฉันอย่างประจบประแจง แล้วเราก็เดินออกจากห้องมาพร้อมกัน
วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ส่วนเรื่องค่ายอาสา ฉันไปถ่ายรูปมาเรียบร้อย จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอีกเลย เห็นข้าวฟ่างบอกว่ากระแสตอบรับดีมากโดยเฉพาะจากผู้ชาย ให้ตายเถอะ มีคนมาสมัครค่ายเยอะมาก แต่ฉันก็ยังไม่ได้เห็นโปสเตอร์ฉบับเสร็จสมบูรณ์นะ เพราะหลังจากถ่ายเสร็จก็ยังไม่ได้เข้าไปมหาวิทยาลัยอีก พรุ่งนี้ก็คงจะได้เห็น
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกาย ลงมานั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ที่หน้าประตู
“แอนนา ไปวิ่งเหรอลูก ฟิตจังเลยน้า” แม่เดินมานวดไหล่ฉัน เหมือนเวลาคนจะขึ้นสังเวียนชกมวยไม่มีผิด
“ค่ะแม่ นานๆว่างที แถมวันนี้อากาศดีด้วย” ฉันหันไปยิ้มให้แม่ แม่ฉันไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป แม่ก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่บางทีฉันก็สงสารแม่ แม่น่าจะเหงาน่าดูเพราะพ่อของฉันงานเยอะ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่บางทีเวลาพ่อกลับมา บรรยากาศก็เลี่ยนจนชวนอ้วกได้ไม่ยาก
ฉันวิ่งไปได้สักพักก็มานั่งพักอยู่บนชิงช้าที่สนามเด็กเล่น จะมีคนหาว่าฉันมาแย่งเด็กเล่นไหมนะ แต่ขอนั่งพักสักแปบแล้วกันนะ
“อ่ะ วันนี้ไม่มีช้อกโกแลตนะ ผิดแผน” มีมือปริศนา ..อีกแล้ว ยื่นน้ำเปล่ามาให้ฉัน แต่ฟังก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ฉันหันไปรับ เขาใส่ชุดมาออกกำลังกายเหมือนฉันเลย บังเอิญเกินไปรึเปล่านะ แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะคิดอะไรมาก คนตรงหน้าอาจจะทำอย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับนะว่าอายหล่อมาก คุณป้าที่มาเดินเล่นยังเหลียวมองเขาเลยให้ตายสิ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนชิงช้าข้างๆฉัน เอ่อ...มันคงไม่พังหรอกใช่มั้ย
“ไม่บังเอิญ และไม่บ่อยนะ” ระหว่างที่นั่งเงียบๆกันอยู่ อายก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“คะ??” ฉันงงและตกใจ เมื่อกี้ฉันคิดหรือว่าฉันพูดออกไปนะ ทำไมมันตรงกันเป๊ะขนาดนี้
“ที่ผมมาเจอคุณไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และผมก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน พอเข้าใจผมมั้ยครับ” เขาหันมาพูดกับฉันพร้อมกับระบายรอยยิ้มบางๆแต่ก็เห็นลักยิ้มที่ข้างซ้าย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันว่าฉันเผลอยิ้มกลับไปให้เขานะ ...